ตอนที่ 7 ไป๋หลันฮวา

1612 Words
“จินเซียงเจ้าไปพร้อมกับข้านะ ห้ามอยู่ห่างจากข้าด้วยเล่า หากพลัดหลงกันขึ้นมาจะยุ่งกันไปใหญ่” เวยเยว่ฉีเห็นว่านอกจากอุทยานดอกไม้แล้ว พื้นที่รอบนอกอุทยานยังเป็นแนวป่ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา สหายของตนยังมีอาการป่วย หากหลงทางเข้าป่าไปจะลำบาก สตรีหลายคนเริ่มออกเดินไปยังทางเดินคดเคี้ยวเหล่านั้น พวกนางแวะหยิบขนมและพักดื่มชาตามศาลารับลมริมทาง เพื่อแอบดูว่าบุรุษแต่ละคนถือดอกไม้ชนิดใดอยู่ บางคนก็ได้พบคู่ของตนและเริ่มชักชวนไปชมดอกไม้ด้วยกัน หลายคนก็ยังหาตัวกันไม่พบดังเช่นคู่ของนางและเวยเยว่ฉี “ญาติผู้น้อง!” บุรุษร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกระโดดโลดเต้นไปมา ในมือของเขาถือดอกเบญจมาศสีเหลืองสดแบบเดียวกับที่เวยเยว่ฉีถืออยู่ไม่ผิด “พี่ชายอู๋ซวน” เวยเยว่ฉีโบกมือตอบบุรุษผู้นั้น “ฮ่าๆๆ เราสองคนต้องรองานเสี่ยงบุปผารอบต่อไปแล้วล่ะญาติผู้น้อง ดอกเบญจมาศนี้เป็นของข้าเอง” กู้อู๋ซวนหัวเราะร่า ส่งดอกไม้ในมือให้เวยเยว่ฉีทันทีที่ถึงตัวหญิงสาว “เป็นท่านหรอกหรือนี่ น่าขันชะมัดเลย จินเซียง เจ้าจำพี่ชายอู๋ซวนได้หรือไม่ เขาเป็นญาติผู้พี่ฝ่ายมารดาของข้าเอง” หยูจินเซียงย่อมส่ายหน้า อย่ามาพูดเรื่องจำได้หรือไม่ นางไม่รู้จักด้วยซ้ำ! “น้องสาวจินเซียง เจ้าได้ดอกอะไรมา ไหนเอามาให้ข้าดู ข้าอาจจำได้ว่าผู้ใดมีดอกไม้ชนิดเดียวกับเจ้า” กู้อู๋ซวนเคยมาเที่ยวจวนแม่ทัพเวยอยู่บ่อยครั้งในช่วงอายุยังน้อย เขาเคยพบกับหยูจินเซียงในช่วงที่ยังไม่ป่วย ภายหลังได้รู้ว่าเด็กน้อยได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บ ยังนึกสงสารอยู่ หยูจินเซียงไม่ได้เสียสติ เพียงแต่สมองนางช้ามากและคล้ายว่าจะไม่สามารถจดจำสิ่งใดได้นาน นางทำเพียงแค่ถามคำตอบคำและมักจะนั่งนิ่งๆ อีกพักใหญ่ก็จะลืมว่าตนทำสิ่งใดอยู่ แล้วจะเริ่มตั้งคำถามวนเวียนอยู่เช่นนั้น หากผู้อื่นไม่รู้ ดูจากภายนอกก็เหมือนว่านางเป็นสตรีปกติดีทุกประการ “ข้าได้ดอกไป๋หลันฮวาเจ้าค่ะ” หญิงสาวแบมือออก เปิดเผยดอกไม้ดอกเล็กที่นางกุมเอาไว้แน่นจนช้ำเพราะกลัวสตรีชุดขาวจะมาแย่งไป “เจ้าจำชื่อดอกไม้ได้ด้วยหรือจินเซียง!” เวยเยว่ฉีปิดปากร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ หยูจินเซียงยิ้มตอบ แต่นางไม่ได้อธิบายอะไรตอบโต้ รอฟังแค่ว่ากู้อู๋ซวนจะรู้จักเจ้าของดอกไม้หรือไม่ นางจะได้ไม่ต้องออกเดินตามหาให้เมื่อย “โลกมันกลมเกินไปหรือไม่” กู้อู๋ซวนหัวเราะเบาๆ “ไป ข้าจะพาไปเจ้าไปหาเจ้าของดอกไม้ พบเขาแล้วเจ้าสองคนก็จะรู้” ชายหนุ่มยักไหล่ เดินนำสองสาวที่เผยสีหน้างุนงงไปยังทิศทางหนึ่ง หยูจินเซียงมองดูบรรยากาศรอบด้านด้วยความสนุกสนาน มีบุรุษบางคนคาดว่าน่าจะถูกปฏิเสธหรืออาจไม่ถูกใจกับคู่ที่ตนพบ พวกเขาทำสีหน้าบึ้งตึงทั้งยังจับกลุ่มกันเดินเข้าไปในป่าเพื่อฆ่าเวลาอย่างไร้มารยาท ส่วนสตรีอีกหลายคน บ้างก็จับกลุ่มนินทาบุรุษที่ตนเพิ่งได้พูดคุย มีทั้งชมชอบ มีทั้งตั้งท่ารังเกียจเรื่องความสูงต่ำระหว่างสกุล “อย่าบอกนะว่าเป็นท่าน!!” เสียงหวานของเวยเยว่ฉีทำให้หยูจินเซียงเลิกใส่ใจกับเรื่องของชาวบ้านแล้วกลับมามองทางด้านหน้าของตนแทน ภายในศาลารับลมริมทางมีบุรุษหนุ่ม 3 คนนั่งอยู่ก่อนแล้ว พอได้ยินเสียงทักทายของเวยเยว่ฉีคนทั้งสามก็ลุกเดินออกมาต้อนรับ “เจ้ากับอู๋ซวนได้จับคู่กันหรือ? อดได้ดูเรื่องดีๆ ของพวกเจ้าทั้งสองเลย” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่บึกบึนสมชายชาตรี ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม เป็นผู้เริ่มต้นบทสนทนาขึ้นมา และคล้ายว่าคนผู้นี้จะสนิทสนมกับเวยเยว่ฉีและกู้อู๋ซวนไม่น้อย บุรุษผู้นี้เกล้าผมยาวทั้งหมดขึ้นไปมัดจุกไว้กลางศีรษะ ไม่ได้รัดผมครึ่งศีรษะแล้วปล่อยผมยาวที่เหลือลงมาอย่างบุรุษอีกสองคนในศาลา แบบเดียวกันกับกู้อู๋ซวน “พี่ใหญ่ อย่าล้อข้าเลย เราสองคนโชคยังดีต่างหากที่ไม่ต้องรีบออกเรือนไป” เวยเยว่ฉีตอบ “พี่ใหญ่ คนผู้นี้คือพี่ชายของเจ้าหรือเยว่ฉี?” หยูจินเซียงเอียงคอถามท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู จะไม่ให้นางแปลกใจได้อย่างไร เวยเยว่ฉีนุ่มนิ่ม ผิวขาวราวกับหิมะเฉกเช่นเดียวกันกับผิวของหญิงสาวยุคใหม่ที่ได้รับการดูแลจากเครื่องประทินผิวที่ล้ำยุค แต่พี่ใหญ่ของนางนั้น.. “จินเซียง เจ้าจำไม่ได้ล่ะสิ เขาไม่ได้เป็นพี่ชายของสหายเจ้าเพียงอย่างเดียวนะ หวังหย่งคือเจ้าของดอกไป๋หลันฮวาที่เจ้าถืออยู่ด้วยนั่นล่ะ” กู้อู๋ซวนหัวเราะเบาๆ สรุปแล้วพวกเขาสี่คนวนเวียนพบเจอกันแต่คนรู้จัก หาได้พบกับชายหญิงอื่นที่ใด หยูจินเซียงอ้าปากหวออย่างไม่อยากเชื่อว่าโลกมันจะกลมอย่างที่กู้อู๋ซวนกล่าวจริงๆ และยังไม่กล้าคิดว่าบุรุษหน้าเข้มสูง 8 ฉื่อ (ราว 184 เซนติเมตร) ผู้นี้จะต้องมาเป็นคู่ของนาง เขามีรูปลักษณ์แตกต่างกับไหวอี้ตี่คนละขั้ว คนหนึ่งผอมสูง สุภาพนุ่มนวล ใบหน้าระบายยิ้มเอาไว้เกือบตลอดเวลา อีกคนร่างหนา สูงใหญ่ผิวเข้ม ใบหน้าเคร่งขรึมดุดัน แม้จะหล่อเหลาอยู่ไม่น้อยแต่ก็น่ากลัวใช่ย่อยเช่นกัน “จินเซียง เจ้าได้ดอกไป๋หลันฮวามาหรือ” เสียงของเวยหวังหย่งดูเหมือนจะแข็งกว่าเดิม ยามเมื่อหันมาถามคำถามกับหญิงสาว หยูจินเซียงแบมือออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นดอกไป๋หลันฮวาที่ช้ำเละจนเกือบจะขาดวิ่น ตาเหยี่ยวของชายหนุ่มก็ยิ่งหรี่ลง กัดฟันกรามจนนูนเป็นเส้นน่ากลัวกว่าเดิมเข้าไปอีกสามเท่า! หยูจินเซียงแทบจะเป็นลมกับท่าทางไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดนี้ แต่จะให้นางทำเช่นไรเล่า? ไม่มีผู้ใดรู้ล่วงหน้านี่ว่าดอกไม้แต่ละดอกเป็นของผู้ใด หากเปลี่ยนใหม่ได้ นางจะรีบไปตามหาสตรีชุดขาวผู้นั้นให้มาเอาดอกไม้ของนางกลับคืนไปเสีย “พี่ชาย ท่านเอาคืนไปก็ได้นะ ข้าไม่อยากได้แล้วเจ้าค่ะ” หยูจินเซียงกลัวจนตัวสั่น ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปด้วยซ้ำ “พี่ใหญ่ เรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญจะโทษจินเซียงก็ไม่ได้ ยิ่งโทษผู้ใดไม่ได้ด้วยซ้ำเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำหน้าเช่นนั้นสินางกลัวจะแย่แล้ว” เวยเยว่ฉีปลอบใจผู้เป็นพี่ชาย พร้อมกับดึงมือของสหายมาปลอบด้วยอีกทาง เวยหวังหย่งกำลังจะถูกส่งตัวไปเข้าร่วมกองทัพในอีกไม่นาน บิดามารดาจึงอยากให้พี่ชายรับสตรีมาเป็นภรรยาเสียก่อน การออกรบสิ่งใดก็เกิดขึ้นได้ หากผิดพลาดบาดเจ็บพิการ หรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต พี่ชายใหญ่ก็จะไม่มีบุตรไว้สืบสกุล ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสสกุลเวยจึงคาดหวังกับงานเลี้ยงเสี่ยงบุปผาในครั้งนี้มาก เดิมทีเวยหวังหย่งหลงรักสตรีผู้หนึ่งอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงไม่ยอมรับสตรีคนใดมาไว้ข้างกาย แต่สกุลของสตรีผู้นั้นก็เป็นตระกูลขุนนางที่กุมอำนาจทางการทหารเอาไว้เช่นกัน แม่ทัพเวยติ้งอันผู้เป็นบิดารู้ดีว่า การจับคู่บุตรชายกับสตรีสกุลหู ไม่ใช่เรื่องที่ควรกระทำ สองแม่ทัพใหญ่เชื่อมสัมพันธ์กันอาจกลายเป็นภูเขาลูกใหญ่ที่ถูกเพ่งเล็งได้ง่าย จะให้ดีเวยหวังหย่งสมควรเลือกภรรยาที่ไม่ได้อยู่ในตระกูลทหารหรืออย่างน้อยก็ควรมีอำนาจด้อยกว่าและไม่มีกองกำลังส่วนตัว และแน่นอนว่าเวยหวังหย่งย่อมปฏิเสธการเลือกคู่จากบิดามารดา เวยติ้งอันจึงจำต้องบังคับให้เขาเข้าร่วมงานเสี่ยงบุปผาในครั้งนี้และขอร้องให้ฉินอ๋องผู้ได้รับมอบหมายให้จัดงานเลี้ยงโดยตรง ช่วยบังคับบุตรชายให้แต่งงานอีกทางหนึ่ง ไม่แปลกที่เวยหวังหย่งจะหน้าบึ้งเช่นนั้น เขาเห็นหยูจินเซียงมาตั้งแต่เกิดและมองนางเสมือนน้องสาวผู้อาภัยคนหนึ่ง จะให้เขารับนางมาเป็นภรรยาได้อย่างไรกัน หยูจินเซียงได้ทีอาศัยช่วงที่พี่น้องกำลังปลอบใจกัน ฉวยโอกาสพลิกฝ่ามือของเวยเยว่ฉียัดดอกไม้ใส่มืออีกฝ่าย แล้วเดินเลี่ยงไปหยิบจานขนมและน้ำชาจากนางกำนัล แทรกตัวไปหาที่นั่งภายในศาลารับลมทันที “พรวด!!” หญิงสาวพ่นน้ำชาคำโตออกมาทันทีที่ดื่มเข้าไปอึกหนึ่งและเงยหน้าขึ้นมาเห็นคนตรงข้าม “คุณชายไหว!!” หญิงสาวดวงตาสั่นไหวระริก อดีตสามีหนึ่งวันของนางนั่งอยู่ตรงข้ามนี่เอง ดีจริงที่เห็นเขาในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ใช่สินะเหตุเพลิงไหม้สกุลไหวยังไม่ได้เกิดขึ้นนี่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD