ตอนที่ 8 เปลี่ยนไม่ได้

1660 Words
เดี๋ยวนะ! เธอจะอินมากไปหรือเปล่าจินเซียง นี่มันเกมนะยะ! หญิงสาวลอบบ่นตัวเองอยู่ในใจ แต่ทำอย่างไรได้ เหตุการณ์แต่ละอย่าง ไม่ว่าจะสถานที่ สีหน้าอารมณ์ ความรู้สึกในเกมนี้มันเหมือนจริงเสียยิ่งกว่าจริง ขอทำเนียนเล่นตามบทไปด้วยได้ไหม!! “คุณหนูผู้นี้คือ?” ไหวอี้ตี่ย่อมไม่รู้จักหยูจินเซียงในเวลานี้ บิดาของเขาเป็นพ่อครัวหลวงยศต่ำกว่าหยูซุน โอกาสที่สองสกุลจะพบเจอกันแทบไม่มี กับหญิงสาวที่ป่วยมา 11 ปีอย่างหยูจินเซียงยิ่งยากนัก หยูจินเซียงใจเต้นระทึก แต่...ไม่ได้ๆๆ นางต้องเล่นตามเกม เวลานี้นางกับไหวอี้ตี่ย่อมไม่รู้จักกัน ทำอย่างไรดี นางทักเขาไปแล้วด้วย แกล้งอาการป่วยกำเริบหลงลืมทุกอย่างเมื่อครู่ไปแล้วกันนะ “จินเซียงเจ้ารู้จักกับคุณชายไหวด้วยหรือ?” มาละ! คู่ของนางจะโหดไปไหน พี่ชายจ๋าปล่อยผ่านไปสักเรื่องได้หรือไม่! หญิงสาวแอบบ่นในใจเมื่อเวยหวังหย่งเดินมาดเข้มเข้ามาสักถามนางอีกครั้ง “ท่านคือผู้ใด” หญิงสาวแสร้งลืมเวยหวังหย่งไปเช่นนั้น แล้วหันไปหยิบขนมที่เปียกน้ำชาที่ตนพ่นออกมาเมื่อครู่ใส่ปากหน้าตาเฉย ยังดีที่กู้อู๋ซวนยังพอจะมีมารยาท เขาชักชวนสหายสองคนของเวยหวังหย่งออกจากศาลา และอธิบายตัวตนของหยูจินเซียงรวมทั้งอาการป่วยของนางให้ทั้งคู่ได้รับรู้ หยูจินเซียงไม่สนใจว่าพวกเขาจะกล่าวถึงนางอย่างไรบ้าง เวลานี้นางมองไปที่ดอกกุหลาบสีแดงในมือของไหวอี้ตี่ไม่วางตา ครุ่นคิดอยู่ว่าคู่ของไหวอี้ตี่ครั้งนี้จะเป็นผู้ใด แล้วจวนสกุลไหวจะเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้อีกหรือไม่ “ต่อให้เป็นตัวละคร NPC ที่ไม่มีชีวิต ฉันก็จะช่วยนายให้ได้คุณชายไหว” หญิงสาวสูดอากาศเข้าปอดเต็มแรงอย่างหมายมั่น ช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของไหวอี้ตี่นางจดจำได้ทุกอย่าง แววตาสิ้นหวังของเขายังคงบาดลึกอยู่ในความทรงจำของนางราวกับมันเป็นเรื่องจริง นางไม่สามารถปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นั้นได้อีกครั้ง โชคไม่ดีที่ไหวอี้ตี่กับสหายปล่อยผมยาวอีกคนหนึ่งของพวกเขาแยกตัวออกมาไปตามหาคู่ของตน หยูจินเซียงจึงไม่มีโอกาสได้เห็นคู่ของเขา หลังจากนั้นเวยหวังหย่งก็ขอตัวจากไปอีกคน ปล่อยให้นางนั่งคุยและเที่ยวเล่นอยู่กับเวยเยว่ฉีและกู้อู๋ซวนกันตามลำพัง ………. จวนแม่ทัพเวย “จินเซียงก็ใช่ว่าจะไม่เหมาะ ราชมนตรีซูดูแลกิจการภายในของส่วนราชวงศ์ ไม่มีไพร่พลในมือ ยศตำแหน่งสูงส่งคู่ควรกับหวังหย่งของเรา” เวยติ้งอันหนึ่งในสิบหกแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโจวรำพัน “แต่อาการป่วยของจินเซียง...” กู้ฮูหยิน เป็นห่วงบุตรชายคนโตไม่น้อย หากรับเอาหยูจินเซียงมาย่อมตบแต่งนางให้เป็นภรรยาเอกอยู่แล้ว แต่อาการป่วยของอีกฝ่ายใช่ว่านางไม่รู้ไม่เห็นเสียหน่อย “จะเป็นไรไป สตรีมีหน้าที่คลอดบุตรเท่านั้น จินเซียงว่าง่าย ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผู้ใด พื้นเพสกุลรวมทั้งความสัมพันธ์ของสกุลเวยกับสกุลหยูก็ยอดเยี่ยม ข้าว่าเหมาะก็เหมาะสิ” เวยติ้งอันตบเข่าฉาด ไม่มีเจตนาจะว่าร้ายให้หญิงสาว แต่จุดประสงค์ของตนเป็นเช่นนั้นจริงๆ สองสามีภรรยาต้องการให้เวยหวังหย่งยุติความสัมพันธ์กับหูอี้เหลียนให้เด็ดขาด การแต่งงานเป็นทางเลือกที่แก้ปัญหาได้ทุกอย่างรวมทั้งตนก็อยากจะอุ้มหลานแล้ว หากไม่นับว่าหยูจินเซียงมีอาการป่วย ทุกอย่างที่ประกอบรวมเป็นนางล้วนดีงามทั้งสิ้น ตนพร้อมจะเลี้ยงดูบุตรสะใภ้ให้สุขกายสบายใจ ขอเพียงนางคลอดบุตรให้เวยหวังหย่งได้ก็พอ “หากท่านพี่ว่าง่าย ภายหลังท่านก็คลอดบุตรเอาเองเสียเถิดเจ้าค่ะ! ที่ผ่านมาข้าไม่เคยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในจวนหรืออย่างไร เป็นนายหญิงใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งบัญชีรับจ่ายของบรรดาอนุและบุตรชายหญิงยาวเป็นหางงูของท่าน ทั้งยังต้องควบคุมบ่าวใช้ในจวนอีกนับร้อย ท่านว่าจินเซียงจะทำเรื่องเหล่านี้ได้หรือเจ้าคะ” เห็นภรรยาคู่ใจเอ่ยความยาวเหยียดถึงเพียงนี้ เวยติ้งอันก็อยากจะตบปากเสียๆ ของตนเหลือเกินที่พลั้งเผลอไปเหยียบย่ำน้ำใจของผู้เป็นนายหญิงใหญ่แห่งจวนสกุลเวยเข้า “ไม่ใช่เพราะมีว่าที่แม่สามีดีๆ อย่างเจ้าอยู่อีกคนหรอกหรือฮูหยิน เจ้าจะไม่ช่วยเหลือนางบ้างหรือไรเล่า หน้าที่หนักอื่นใดภายหลังพวกเราค่อยหาอนุมาเพิ่มให้หวังหย่งอีกสักสองสามคนก็ใช้ได้แล้ว” เวยติ้งอันพยายามเกลี้ยกล่อมกู้ฮูหยิน “ท่านแม่ พี่ใหญ่ เรื่องอื่นข้าไม่ขอกล่าวล่วง แต่หากจินเซียงได้ออกเรือนกับพี่ใหญ่จริงข้าเองก็เบาใจ พี่ใหญ่ท่านลองคิดดู หากไม่ใช่ท่าน ด้วยสุขภาพของจินเซียนจะมีผู้ใดรังแกนางหรือไม่ก็ยังไม่รู้” ประโยคหลังเวยเยว่ฉีหันมากล่าวกับพี่ชายของนางโดยตรง “เรื่องนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้วมิใช่หรือ เยว่ฉีเจ้าก็ไม่ต้องกังวลไป ข้าย่อมดีกับนาง ท่านพ่อท่านแม่ข้าขอตัวก่อน” ชายหนุ่มหลุบตาลงต่ำ หันหลังเดินกลับไปยังเรือนพักของตนด้วยใบหน้าแฝงความเศร้าโศกและจนใจ เวยหวังหย่งไม่เห็นความจำเป็นที่บิดาและมารดาของตนตั้งมานั่งถกเถียงกันอยู่แม้แต่น้อย ท่านพ่อได้ขอร้องให้ฉินอ๋องช่วยจัดการเรื่องการแต่งงานของตนโดยด่วนก่อนจะเดินทางไปร่วมรบ รายชื่อของเจ้าของดอกไม้และสตรีที่เลือก ถูกขันทีบันทึกเอาไว้ทั้งหมด ฉินอ๋องรับปากบิดาตนไปแล้วนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือหลบเลี่ยงได้อีกต่อไป อย่างไรการแต่งงานของตนกับสตรีที่เลือกดอกไป๋หลันฮวาก็ต้องเกิดขึ้นไม่อาจแปรเปลี่ยน ด้วยคำขอร้องจากบิดาที่ส่งไปถึงฉินอ๋อง เวยหวังหย่งจึงนัดแนะกับคนรักของตนเอาไว้ล่วงหน้า ว่าเขาจะใช้ดอกไป๋หลันฮวาเป็นตัวแทนของตน เพราะต่อให้บิดามารดากีดกันความรักของตนอย่างไร พวกเขาก็ไม่อาจขัดคำสั่งของฉินอ๋องไปได้ แต่ไม่รู้ว่าหยูจินเซียงทำท่าไหนเข้า จึงไปสนอกสนใจเลือกเอาดอกไม้ที่ตนตั้งใจให้มันไม่โดดเด่น เลือกดอกเล็กๆ ที่ไม่มีก้านใบ ซ้ำยังสีขาวสีเดียวกับผ้าปูโต๊ะในงานเลี้ยง มาไว้ในมือได้ พิธีแต่งงานระหว่างเวยหวังหย่งกับหยูจินเซียงถูกกำหนดออกมาอย่างรวดเร็วทันใจ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเวยติ้งอันตั้งใจจะให้สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันได้มีเวลาอยู่ด้วยกันให้นานสักหน่อย เผื่อว่าพวกเขาจะได้ให้กำเนิดทายาทก่อนที่เวยหวังหย่งจะผลัดเปลี่ยนเข้าเวรไปร่วมสงคราม “สิบวัน!! ท่านแม่ ท่านทำร้ายข้าลงคอได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านจำไม่ได้แล้วหรือว่าข้าป่วยอยู่ ผู้อื่นจะรังแกข้าเอาได้นะเจ้าคะ ไม่สู้รอให้คุณชายเวยไปรบแล้วค่อยกลับมาแต่งก็ยังไม่สาย” หยูจินเซียงดึงแขนผู้เป็นมารดามาเขย่าเบาๆ พร้อมกับปาดน้ำตาที่ไม่มีสักหยดบนใบหน้างามของนางป้อยๆ “เจ้าป่วยที่ใดกัน ตั้งแต่กลับจากงานเลี้ยงเสี่ยงบุปผาแม่ก็เห็นเจ้าดีวันดีคืน เวลานี้ยังรู้จักออกความเห็นให้ว่าที่สามีเจ้าเสียอีกแน่ะ” เหยี่ยนฟางซินใช้นิ้วชี้ดันหน้าผากกลมมนของบุตรสาวด้วยความเอ็นดู “พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องกลัวนะเจ้าคะ จวนสกุลเวยท่านเคยเข้าออกมาตั้งแต่เด็ก คุณหนูเวยก็เป็นสหายท่าน อยู่ที่นั่นไม่ว่าว่าท่านจะป่วยหรือไม่ก็ไม่มีผู้ใดรังแกท่านได้เจ้าค่ะ” หยูหรูอี้ เด็กสาววัย 12 ปี เข้ามาช่วยปลอบใจพี่สาวใหญ่อีกแรง หยูจินเซียงเพียงแค่รู้สึกกลัวคนตัวโตผู้นั้น เขาดูไม่อ่อนโยนเหมือนกับไหวอี้ตี่ และไหนว่าการเสี่ยงบุปผาหากไม่เต็มใจก็สามารถล้มเลิกได้ไม่ใช่หรือ นางอยากลองเสี่ยงเล่นนอกเกมไม่ยอมรับการแต่งงาน อยากใช้ชีวิตอยู่ในจวนสกุลหยูที่อบอุ่นไปอีกนานแสนนาน หยูจินเซียงมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน สองคนแรกเป็นบุตรชาย หยูคุนและหยูเฟิง สองคุณชายใหญ่และคุณชายรองถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มผลัดเปลี่ยนเข้าร่วมสงครามในกลุ่มเดียวกัน และพวกเขากำลังจะกลับมาเมื่อชุดของเวยหวังหย่งสลับเข้าไป หยูจินเซียงเป็นบุตรลำดับที่สาม ที่เกิดจากมารดาเดียวกันกับพี่ชายทั้งสองคน จึงถูกเรียกว่าคุณหนูใหญ่ หยูหรูอี้คุณหนูรองอายุ 12 ปี และหยูลี่อินคุณหนูสามอายุ 8 ปี เป็นบุตรสาวจากอนุภรรยาสองคนของหยูซุน และเนื่องจากอนุภรรยาทั้งสองต่างก็ไม่มีบุตรชาย พวกนางจึงไม่เคยมีปากเสียงและไม่สร้างปัญหาให้กับฮูหยินใหญ่เหยี่ยนฟางซินเลยสักครั้ง พี่น้องทั้งหกคนจึงรักใคร่สามัคคีกันดี เมื่อเห็นว่าพี่สาวกังวลใจ หยูหรูอี้จึงทำหน้าที่น้องสาวที่ดีในยามที่พี่ชายสองคนไม่อยู่ เข้ามาปลอบใจหญิงสาวเป็นการใหญ่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD