หยูจินเซียงนั่งดื่มกินอาหารเลิศรสบนโต๊ะของตนที่แตกต่างจากอาหารบนโต๊ะของสือหมิงเว่ยราวกับอยู่กันคนละโลกอย่างสำราญใจ ตลอดเวลานางก็แอบมองไปทางเว่ยอ๋องและเสิ่นเจียวหวงอยู่บ่อยๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ขันทีไม่ได้วางใจในการทดสอบพิษในอาหารของเสิ่นเจียวหวง เขายังคงทดสอบอาหารเหล่านั้นอีกครั้งให้แน่ใจ แต่ถึงกระนั้นเว่ยอ๋องก็ไม่ได้ท่าทางรำคาญใจออกปากไล่คนให้กลับมานั่งที่แต่อย่างใด อีกฝ่ายจึงยังคงยืนอยู่ข้างสือหมิงเว่ยและช่วยปรนนิบัติเว่ยอ๋องอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งเขาอิ่ม “ไม่กลับมาก็ดี เช่นนั้นอาหารบนโต๊ะนี้ข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” หญิงสาวพึมพำไปก็คีบเนื้อกวางย่างอีกหลายชิ้นมาใส่ถ้วยของตน กัดกินไม่หยุดปาก หูอี้เหลียนทำเหมือนกับหยูจินเซียงเป็นอากาศธาตุ ไม่ว่าหยูจินเซียงจะคีบอาหารรวดเร็วเท่าใด สายตาของหูอี้เหลียนก็ไม่กะพริบหรือเหลือบตามามอง นางยังคงนั่งเป็นเสาหินแม้แต่อาหารที่ป้อนใส่ปากตัวเองแต่ละคำยังแ