“มีหลายอย่างที่ทำให้ดิฉันอยากมาร่วมงานกับบริษัทใหญ่เช่นบริษัทนี้ค่ะ 1.เพราะเป็นการเรียนรู้งานในขอบเขตที่ใหญ่ขึ้น ดิฉันจะได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เรียนรู้อีกเยอะ 2.ไม่แปลกหรอกค่ะใครๆ ก็ตบเท้ามุ่งหน้ามาที่สหกิจรุ่งเรือง ดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะผลตอบแทนคุ้มค่า หากเราตั้งใจทำงานโดยที่มีองค์กรใหญ่ๆ เป็นฐานแต่ไม่คิดเอาเปรียบลูกจ้าง 3.ในนาทีนี้ไม่มีที่ทำงานที่ไหนน่าสนใจเท่าสหกิจรุ่งเรืองแล้วค่ะ” เธอจบคำตอบ พร้อมกับเสก้มหน้า เมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น เขาช้อนสายตามองเธออย่างพินิจ พิจารณา มิรินทร์ภาวนาในใจ ขออย่าให้เขาจำเธอได้เลย…ได้โปรดเถอะ!!
“เป็นคำตอบที่เจาะได้ตรงประเด็นมาก...ก็จริงอยู่ว่าเวลานี้สหกิจรุ่งเรืองกำลังเป็นที่หนึ่ง และหากมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นแบบเกินคาด คุณจะทิ้งที่นี่ไป หรือจะอยู่สู้ไปด้วยกันล่ะ”
ภูมิรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูคุ้นตา เธอเหมือนใครบางคนที่ติดอยู่ในซอกความทรงจำ แต่มันลางเลือนเต็มทน
มิริรนทร์ชั่งใจก่อนจะตอบ เธอเงยหน้าขึ้นและสบตากับชายหนุ่มแบบจังๆ “องค์กรขนาดใหญ่อย่างสหกิจรุ่งเรืองคงไม่มีทางล้มง่ายหรอกค่ะ จากที่ดิฉันศึกษามาคร่าวๆ บริษัทแห่งนี้ยืนยงมานับสิบๆ ปี มีรากฐานมั่นคงและไม่คงไม่หวั่นไหวไปตามกระแสโลก แต่หากมันซวนเซจริงๆ เพราะพิษเศรษฐกิจ ซึ่งดิฉันคิดว่าไม่มีวันนั้น ดิฉันจะคงอยู่กับสหกิจรุ่งเรืองหากท่านเปิดโอกาสให้ดิฉันได้ทำงานในตำแหน่งที่ท่านเปิดรับสมัครไว้ค่ะ”
เป็นคำตอบที่ฉะฉานโดนใจภูมิ การจะไปทำงานที่ใดสักที่ ควรรู้ข้อมูลภายในองค์กรนั้นๆ บ้างไม่ใช่มาตามกระแสหรือเพื่อนชักชวน ผู้หญิงคนนี้แกร่งกว่าที่เขาคิด แต่...ดวงตาของเธอคุ้นตามาก ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาก้มลงมองชื่อของเธออีกครั้ง ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อความทรงจำอันลางเลือน ค่อยๆ เด่นชัดขึ้นมาทีละน้อยๆ เด็กสาวในชุดนักเรียนมัดผมด้วยโบสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้านองน้ำตากอดกันกลมกับผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่ง ผู้หญิงสองคนที่เป็นคนทำให้ชีวิตครอบครัวของเขาแตกแยก!! แม่ไปทาง พ่อไปทาง กว่ามารดาจะตั้งตัวได้ ท่านซึมเซาอยู่นานหลายปี มาดีขึ้นช่วงที่เขาไปร่ำเรียนที่เมืองนอก ไม่ได้เจอกับสภาพเดิมๆ ส่วนทศบิดานะเหรอ? ผู้ชายมักมากคนนั้นมีเมียไปเรื่อยๆ จนป่านนี้ก็ยังไม่หยุด ภูมิได้ข่าวบิดาแว่วๆ แต่ไม่เคยใส่ใจ เมื่อชีวิตเขามีแค่มารดาเท่านั้น
ชายหนุ่มปลายตามมองณัชชาก่อนจะเอนกายพิงพนักเก้าอี้ วางปากกาในมือลงบนผิวโต๊ะ ยกมือขึ้นวางข้อศอกไว้ที่ขอบโต๊ะปลายนิ้วเรียวสอดประสานกันและบีบแน่น ทอดสายตามองมิรินทร์ซ้ำอีกครั้ง พร้อมทั่งร่างแผนการในใจคร่าวๆ เขาจะทำลายชีวิตของเธอบ้าง จะทำให้ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป เป็นนรกสำหรับเธอ... ตอบแทนที่แม่ของเธอ ทำให้มารดาเขาเสียน้ำตา แทบจะล้มประดาตาย ตอนที่บิดาหนีหายออกไปจากชีวิต มิรินทร์จะต้องชดใช้ทุกอย่างคืนกลับมาให้เขา!!
รอบๆ ตัวมีแต่ความเงียบ แต่ทำไมมิรินทร์กลับรู้สึกถึงแรงกดดัน เหมือนกับว่ามีสายตาอาฆาตมาตรร้ายมองตรงมาที่เธอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้น เธอมองตรงไปยังชายหนุ่มก่อนจะใจหายวูบ รีบกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เมื่อเธอมองเห็นแววตาคลั่งแค้นจากผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่หลังกะพริบตาเร็วๆ แววตาเช่นนั้นจางหายไป มีแต่สายตาเย็นชา กับใบหน้าที่กระด้างเฉย
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่อาณาจักรของสหกิจรุ่งเรืองหวังว่าคุณคงสามารถทำงานได้ดีเหมือนอย่างที่ตอบไว้ ไม่ใช่ใช้วิธีอื่นในการเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน”
เป็นคำเชื้อเชิญที่ฟังยังไงก็ทะแม่งๆ พิกล มิรินทร์ยกมือขึ้นกระพุ่มไหว้ เธอยังงงๆ อยู่เมื่อเขารับเธอเข้าทำงานอย่างง่ายดาย มันเหลือเชื่อเกินไป เธอถอดใจแล้วด้วยซ้ำ
“ค่ะ...”
“เราจะพบกันหลังจากนี้ เตรียมตัวเตรียมใจมาดีๆ ล่ะ”
เธอลุกขึ้นยืน พอดีกับที่ภูมิพูดสำทับมาอีกครั้ง เขาพูดเหมือนกับว่าเขาและเธอต้องประจันหน้ากันอีกแสนนาน หญิงนิ่วหน้า เธอเดินงงๆ ออกมาจากห้องแต่ก็ดีใจที่สามารถผ่านด่านคัดเลือกมาได้ เธอกำลังได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นเพื่อสานฝันของตัวเอง อยากให้แม่สบายขึ้น ไม่ต้องหลังขดหลังแข็งทำงานหนักๆ เหมือนเดิม
“ได้ไหมเธอ?” เพื่อนใหม่ร้องถาม เขาแอบลุ้นให้มิรินทร์ไม่ผ่านเพื่อตัวเองจะได้มีหวังมากกว่าเก่า
“อืม...ได้ รินไปก่อนนะคะ รินต้องไปจัดการลาออกจากงานที่เก่า เพื่อมาเริ่มงานกับที่นี่ โชคดีนะทุกคน วันเริ่มงานเราคงได้เจอกันอีกครั้ง”
ปริมาปลายตามองยัยหน้าสวยหมิ่นๆ ยัยนี่ผ่านด่านนี้ได้ยังไง หล่อนเส้นสายใครทำไมผ่านฉลุย แถมสัมภาษณ์โดยตรงกับภูมิ ผู้ชายที่เคยเป็นแฟนเก่าของเธอ การที่เขารับผู้หญิงเขาทำงานด้วยนี่สิแปลก เมื่อภูมิค่อนข้างคัดคน เขาจะไม่เลือกผู้หญิงหากมีผู้ชายอยู่ในตัวเลือก หล่อนเป็นคู่ต่อสู้ของเธอคนหนึ่ง ปริมากาหัวมิรินทร์ไว้ในใจ ก่อนที่จะสะบัดหน้า นั่งเชิดหน้ารอคิวของตัวเอง
ณัชชาเงยหน้าขึ้นจากแมกกาซีน เธอขมวดคิ้วมองบุตรชาย แล้วจึงค่อนคอดตามประสาแม่ลูก
“พายุโซนร้อนถล่มไทยหรือไงนะวันนี้ ต๊ายตายแม่ดันลืมพกร่มมาเสียด้วยสิ ตาภูมิของแม่รับผู้หญิงเขาทำงาน ประวัติการทำงานของหล่อนโดดเด่น หรือว่าใครฝากฝังมาล่ะ ใช่หนูปริม...หรือเปล่า?”
ภูมิอมยิ้ม เขาลุกขึ้นยืนพลางร้องเรียกพราวนภา “พราวที่เหลือส่งให้ฝ่ายบุคคลสัมภาษณ์นะ...จะใครก็ได้ตามที่แต่ล่ะแผนกต้องการ ส่วนคนเมื่อกี้ เอามาเป็นผู้ช่วยคุณนะ”
“ยังไม่ตอบแม่เลยนะภูมิ คนเมื่อกี้ใช่หนูปริมหรือเปล่า? ผู้ช่วยยัยพราวแม่ขอไว้แล้วนี่”
พราวนภาหน้าเสีย หากรับมิรินทร์มาเป็นผู้ช่วยของเธอแล้วปริมาล่ะจะเอาเจ้าหล่อนไปไว้ตรงไหน? เธอคงโดนปริมาเหวี่ยงใส่แน่ๆ เมื่อรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“ไปครับคุณแม่...ต้องไปอีกหลายที่นะครับ เดี๋ยวเสียเวลา” ชายหนุ่มไม่คิดจะตอบ เขาเดินไปโอบไหล่มารดา ทั้งลากทั้งจูง จนณัชชาหมดความสนใจไปโดยปริยาย
แต่...พราวนภาสิเดือดร้อน งานเข้าเธอแน่หากจับผู้หญิงคนนั้นมาแทนปริมา คงต้องรีบออกไปแจงให้หญิงสาวโสภาทราบ ไม่รู้ว่าจะโดนฤทธิ์เดชของเจ้าหล่อนอีกแค่ไหนกัน
“แน่ใจเหรอริน เขาจำรินไม่ได้จริงเหรอ แม่ว่าทำที่เก่าก็ดีแล้วนี่นา” มินตราท้วง เธอไม่ไว้ใจสองแม่ลูกนั่นเลย แววตาของสองคนนั้นคลั่งแค้นเธออย่างกับอะไรดี หากเขารู้ความจริงขึ้นมาล่ะ รู้ว่ามิรินทร์เป็นใคร จะเกิดอะไรขึ้นกับบุตรสาวของเธอ
“แม่จ๋า...เรื่องมันนานมาแล้วนา มี่ใครจำได้แล้วล่ะมั้ง!!” มิรินทร์แย้งเสียงอ่อนๆ เธอเองก็กลัวเหมือนกัน แต่เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นไม่ได้มีทีท่าว่าจะจำได้...แล้วเรื่องทั้งหมดมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว หากเขาจะแค้น ก็ควรแค้นบิดาเขานั่น ทศต่างหากคือต้นกำเนิดเรื่องวุ่นวายทั้งหมด
“ริน!!”
“ไม่มีอะไรหรอกแม่ ผู้บริหารระดับสูงขนาดนั้น คงไม่ได้เจอกับรินง่ายๆ อย่าเป็นห่วงไปเลย รินจะระวังตัวอย่างดีที่สุด”
ไอ้กลัวมันก็กลัวอยู่หรอก แต่อยากได้สตางค์เพิ่มขึ้นมากกว่า ทุกวันนี้มารดาก็ทำงานหนักเธออยากให้ท่านได้พักบ้าง จึงอยากมีเงินเยอะๆ เพื่อความเป็นอยู่จะได้ดีขึ้น เธออยากมีบ้าเล็กๆ สักหลังอยู่กันสองคนแม่ลูก ทุกวันนี้ต้องจ่ายค่าเช่าไปแบบเสียเปล่า หากมีเงินเก็บสักก้อน เธอจะดาวน์บ้านสักหลังให้มินตราเปิดร้ายขายก๋วยเตี๋ยวตามความถนัด แต่ไม่ต้องอดหลับ อดนอนหลังแข็ง เพราะกลัวว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี
“ขอรินเก็บเงินได้สักก้อนนะแม่ รินจะซื้อบ้านแล้วเราจะได้ไม่ลำบากเท่าทุกวันนี้ เมื่อเงินที่จ่ายไปคือค่าผ่อนบ้าน ไม่ใช่ค่าเช่าที่แพงขึ้นทุกปี”