“ทางคุณท่านมารตีไม่ได้จะเรียกเอาอะไรกลับคืนหรอกซัน ที่พี่มาวันนี้ก็เพราะเรื่องการเปิดพินัยกรรมของท่านศรา คุณน้ากับซันไม่ต้องกังวลเรื่องคนในศรัยฉัตรหรอกนะ พวกเขาไม่ได้ขัดข้องที่คุณน้ากับซันมีรายชื่อในทรัพย์สินของท่านศรา แต่พินัยกรรมคงเปิดไม่ได้ หากทุกคนที่มีรายชื่อไม่ได้มาพร้อมกันในวันศุกร์ที่จะถึงนี้”
“ไม่ไปได้ไหมตาเป้ น้าไม่อยากไปเลย”
โสภีเอ่ยด้วยเสียงเนือยๆ นางซูบผอมลงไปมากตั้งแต่ท่านศราจากไป
“ไปเถอะครับคุณน้า นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่คุณท่านจะทำเพื่อคุณน้าได้นะครับ”
“แต่พวกเขาอาจรังเกียจซันกับแม่” อาทิตารีบท้วง มือข้างหนึ่งโอบร่างมารดาไว้อย่างปกป้อง นางกำลังร้องไห้ด้วยหวนคิดถึงคนที่จากไป
“ถ้าคุณท่านมารตี ผมว่าไม่มีทางเป็นไปได้ครับ เพราะทันทีที่รู้ว่าพินัยกรรมของท่านศรามีชื่อของคุณน้าอยู่ด้วย ท่านก็สั่งให้พ่อผมตามหาตัวคุณน้าทันที ไปเถอะครับคุณน้า ซันด้วย ถึงยังไงคุณน้าก็เป็นภรรยาคนหนึ่งของท่านศรา ท่านคงอยากมอบอะไรให้คุณน้าบ้าง ในเวลาที่ท่านไม่สามารถหยิบยื่นให้ด้วยมือของท่านเอง”
คำพูดของทนายหนุ่มกระทบใจคนฟังอย่างหนักหน่วง โสภีร่ำไห้น้ำตารินเป็นสาย ไม่นึกว่าเมื่อตัวไม่อยู่แล้ว ท่านศราจะมีแก่ใจคิดถึงนาง ตลอดเวลาที่ผ่านมานางเข้าใจว่าท่านเพียงแค่มาหาเศษหาเลยนอกบ้าน มีคำหวานปลอบประโลมให้นางพอมีหวังในตำแหน่งที่มากกว่าเมียน้อยเท่านั้น ไม่นึกว่าท่านจะรักใคร่ห่วงใยด้วยหัวใจจริงๆ
“กี่โมงคะพี่เป้ เราต้องไปกี่โมง” อาทิตาเป็นฝ่ายสอบถามรายละเอียดแทนมารดา เพราะดูท่าว่าท่านคงไม่มีแก่ใจจะถามอะไรในตอนนี้
“สิบโมงก็ได้ พี่กับคุณพ่อจะเตรียมเอกสารไปรอ ส่วนซันกับคุณน้าก็เตรียมเอกสารส่วนตัวไปให้พร้อม เผื่อมีเรื่องต้องใช้จะได้ไม่เสียเวลา”
“ซันยังยืนยันว่าไม่ได้อยากได้ของของศรัยฉัตร ลูกหลานของท่านศราเองก็มี พวกเขาคงไม่พอใจหากแม่มีส่วนได้ในมรดกเหล่านั้น” ลูกสาวเจ้าบ้านยังยืนยันเจตนาเดิม
“พวกเขามีสิทธิ์ไม่พอใจ แต่ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งหากว่าท่านศราจะแบ่งทรัพย์สินใดๆ ให้แม่ของซัน อย่ากังวล อย่าคิดมาก ท่านศราเลือกที่จะให้มันเป็นแบบนี้ ก็ไปเพื่อท่านเถอะนะ”
ปริญเอ่ยเป็นงานเป็นการ ก่อนจะลากลับในเวลาต่อมา เขามั่นใจว่าอาทิตากับมารดาจะไปที่ศรัยฉัตรในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เขาคิดว่าท่านศราคงไม่ปล่อยให้สองแม่ลูกลำบากในวันที่ท่านไม่อยู่อย่างแน่นอน
วันศุกร์ ช่วงสาย ภายในห้องโถงใหญ่บ้านศรัยฉัตร
อาทิตารู้สึกเหมือนถูกบีบด้วยความใหญ่โตโอ่อ่าของสถานที่นี้ หญิงสาวเดินตามหลังมารดาที่มีท่าทางไม่ต่างกัน รู้สึกอึดอัดราวกับถูกยัดลงในกล่องใบจิ๋วที่หุ้มห่อด้วยทองคำ
สถานที่นี้ไม่เหมาะกับเธอ ไม่สมควรที่จะมาเหยียบด้วยซ้ำ ดูผ้าม่านพวกนั้นสิ สีแดงของมันเฉิดฉายรับกับผ้าอีกผืนที่วางซ้อนกัน มันถูกปักด้วยดิ้นทองเป็นประกายระยับเมื่อต้องแสงเรืองรองของแชนเดอร์เลียร์ที่ห้อยอยู่เหนือศีรษะ โซฟาไฮโซนั่นก็อีก ผ้ากำมะหยี่ใช่ไหมที่ห้อหุ้มมันอยู่ สีครีมนวลตาไม่ได้เด่นสะดุดตาเท่ากับลายปักนกยูงทองที่วางพาดอยู่บนเบาะที่นั่ง ทุกๆ ตัว
อาทิตากวาดตามองไปรอบๆ สมาชิกของบ้านศรัยฉัตรรอกันอย่างพร้อมหน้า สตรีร่างอวบท้วมอายุน่าจะมากกว่ามารดาของเธอ นั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาวซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง มีหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอนั่งอยู่ด้วย พี่เป้กับบิดาของเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้คนละตัวทางฝั่งซ้าย น่าประหลาดใจที่ผู้ชายคนนั้นที่เธอเจอที่วัด ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย ทำไมเธอถึงโล่งใจนักก็ไม่รู้
หญิงสาวยกมือไหว้ผู้สูงวัยทุกคน มารดาของเธอก็ด้วย สองแม่ลูกเจียมตัวอยู่ทุกขณะจิต ไม่ได้หลงระเริงกับการเชื้อเชิญมารับมรดกในครั้งนี้ ต่างนั่งลงยังเก้าอี้ที่ถูกจัดไว้ให้
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะโสภี ฉันชื่อมารตี ท่านศราเคยเอ่ยชื่อฉันให้เธอได้ยินบ้างไหม” มารตีเอ่ยเจรจาเปิดทาง ท่าทางวางเฉยไม่ได้โกรธเคืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่น่าประหลาดนักที่สิ่งนี้กลับทำให้โสภีรู้สึกผิดจับใจ
“ค่ะ เคยได้ยินมาบ้างค่ะ ดิฉัน...เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยนะคะสำหรับเรื่องที่ผ่านมา” โสภียกมือไหว้นางมารตีอีกหน และสิ่งนี้ก็ทำให้อีกฝ่ายคลายความเจ็บแค้นที่ซ่อนอยู่ในซอกลึกของจิตใจลงได้บ้าง แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะ ฉันปลงแล้ว ปลงตั้งแต่วินาทีแรกที่ท่านศรามาขอมีภรรยาอีกคนนั่นแหละ เธอไม่ประหลาดใจบ้างหรือว่าทำไมถึงอยู่ได้อย่างสงบโดยที่บ้านใหญ่อย่างฉันไม่เคยไปรุกราน”
โสภีกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ ที่ผ่านมามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ นางนึกว่าบ้านใหญ่ของท่านศรายังไม่รับรู้เสียอีก
“ฉันนึกว่าคุณไม่รู้ค่ะ ฉันเข้าใจอย่างนั้นมาตลอด”
“ฉันรู้ทุกอย่าง แต่ฉันรักสามีฉันมาก เขาทุ่มเทเพื่อฉันกับลูก ทุ่มเทเพื่อศรัยฉัตร ฉันจึงยอมเจ็บเพื่อให้เขามีความสุข แต่เขาก็ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของฉัน” มารตีเล่าไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความเงียบงันที่มีเพียงเสียงลมหายใจของทุกคนดังเข้าออกสลับกัน “เขาไม่มีสิทธิ์มีใครได้อีก นอกจากเธอ ไม่มีสิทธิ์พาเธอเข้ามาที่บ้านหลังนี้ ไม่มีสิทธิ์ยกย่องเธอเทียบเท่าเมียหลวงอย่างฉัน เขาต้องเต็มใจที่จะมีความสุขกับเธอเฉพาะในที่ของเธอเท่านั้น เข้าใจหรือยังล่ะ”
ประหนึ่งเข็มนับร้อยนับพันเล่มพุ่งเข้าทิ่มแทงหัวใจของโสภีซ้ำๆ มันเจ็บจนพูดไม่ออก เลือดสดๆ กำลังไหลรินอยู่ในอก แต่ไม่อาจส่งเสียงร้องขอความเห็นใจ ได้แต่เก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะร้องไห้ให้ใครสมเพชเวทนา
“ค่ะ เข้าใจค่ะคุณมารตี” ปลายเสียงเครือเล็กน้อย รู้สึกเหมือนว่าคนพวกนี้เรียกนางกับลูกมาเพื่อเหยียบย่ำเล่น
“แม่ก็อยู่ในที่ของแม่ แม้ว่าท่านศราไม่เคยร้องขอก็ตาม อย่าบีบให้แม่ต้องเจ็บมากกว่านี้เลยค่ะคุณท่าน เท่าที่ผ่านมาแม่ก็เจ็บมากพอแล้ว ไม่มีใครอยากเป็นเมียน้อยหรอกนะคะ ที่ยอมก็เพราะรัก รักเหมือนอย่างที่คุณท่านรักสามียังไงละคะ”