อาทิตาหยิบผ้าอนามัยของตัวเองออกมาสามชิ้น พร้อมกับยาหนึ่งแผง
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ปริญมาเร็วว่าที่อาทิตาคิด
“ตายห่า!” อาทิตาสบถหนักๆ แต่เสียงไม่ดังมากนัก เธอปรี่ไปที่สวิตซ์ไฟ เปิดมันขึ้นแล้วมาปลุกคนที่แกล้งหลับด้วยการเขย่าตัว แต่อีกฝ่ายไม่นำพา ถ้าปริญเห็นศราวิลในห้องเธอตอนนี้ละก็ เรื่องได้ถึงหูคุณนายโสภีแน่ๆ
“ฮื่อ...อย่ากวน จะนอน”
“ชู่ว์...เบาๆ ได้ไหม ลุกก่อน ฉันรู้นะว่าคุณยังไม่หลับ ลุกเร็วเข้า พี่เป้มา”
“มาก็มาสิ ฉันไม่เกี่ยว” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน หมอนที่หนุนอยู่ถูกอาทิตาดึงออกจากศีรษะ มิเพียงเท่านั้น หล่อนยังจับแขนเขาแล้วดึงให้ลุกยืน
ก๊อกๆๆ
“ซัน พี่เองนะ หลับหรือเปล่า”
เสียงคนที่อยู่หน้าประตูส่งสัญญาณ ศราวิลยิ้มหยัน ตอนนี้ฟูกนอนบางๆ ของเขาถูกพับลวกๆ แล้วยัดไว้ใต้เตียงด้วยสองมือของอาทิตา ก่อนที่หล่อนจะหันมามองเขาสลับกับตู้เสื้อผ้า
“ฉันไม่เข้าไปนั่งดมกางเกงในเธอในนั้นเด็ดขาด”
อาทิตากัดริมฝีปากแรงๆ สองมือกำหมัดแน่น ผู้ชายเถื่อนๆ ก็คงพูดแต่อะไรเถื่อนๆ ไม่มีคำพูดสละสลวยกว่านี้หรืออย่างไร
“หลบอยู่หลังประตูเงียบๆ” เธอสั่งเสียงขรึม ก่อนจะเปิดประตูออกแต่ไม่ยอมเปิดหมด โผล่ออกไปแค่ส่วนหน้า ศราวิลยืนซ้อนหลังเธออยู่ ถ้าเปิดประตูกว้างกว่านี้ ปริญได้เห็นศราวิลแน่ๆ
“ขอโทษทีค่ะ ซันหายาอยู่น่ะ นี่ค่ะ มี...เอ่อ...ผ้าอนามัยด้วยเผื่อว่าคุณโฉมไม่ได้เตรียมมา” รอยยิ้มหวังดีอย่างนางเอกในละครหลังข่าว กระจ่างทั่ววงหน้างามของอาทิตา เธอยิ้มให้ปริญแล้วต้องถูจมูกแรงๆ ด้วยรู้สึกอยากจามขึ้นมา
“ขอบใจนะซัน ถ้าไม่ได้ซัน โฉมคงแย่ แล้วนี่...เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดๆ นะแต่จมูกแดงเถือกเลย”
“ซันเป็นหวัดนิดหน่อย เดี๋ยวหายากินสักเม็ดก็จะเข้านอนแล้วค่ะ”
“โอเค...ขอบใจอีกทีนะ แล้วก็...อย่าลืมกินยาล่ะ เข้าใจไหม...ยัยแสบ”
มือขาวๆ ของปริญวางบนกระหม่อมอาทิตาแล้วยีเบาๆ อย่างเอ็นดู
ศราวิลมองภาพนั้นอย่างเคืองๆ เลิกกันแล้วมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนั้นกันเล่า
หมับ!
อาทิตาสะดุ้งเฮือก เอวบางของเธอถูกรวบไว้ด้วยมือของศราวิล เท้าข้างหนึ่งของเธอเขี่ยขาเขายิกๆ โดนบ้างไม่โดนบ้าง ก็นะ...มันพูดไม่ได้ว่าให้เขาปล่อยนี่นา
“เป็นอะไรซัน หน้าตื่นๆ”
“ปะเปล่า เปล่านี่คะ เอ่อ...”
ปริญสงสัยแต่ไม่กล้าถาม เหมือนว่าหลังประตูบานนี้จะมีคนอื่นอยู่ด้วย เขารู้สึกได้
“งั้นพี่เอายาไปให้คุณโฉมก่อน ซันก็กินยาแล้วรีบเข้านอนนะ อ้อ...อย่าลืมล็อกประตูดีๆ ด้วย เข้าใจไหม”
อาทิตาพยักหน้ารับ อยากซาบซึ้งในสิ่งดีๆ ที่อดีตแฟนส่งมา แต่มือของศราวิลนี่สิ มันไม่ได้อยู่เฉยๆ มันสอดเข้ามาใต้ชายเสื้อของเธอ ปลายนิ้วร้อนๆ ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าเธอยังยืนคุยกับปริญต่อละก็ มีหวัง...
“โอเคค่ะ พี่เป้รีบไปเถอะ ซันง่วงแล้ว”
อาทิตายิ้มให้เขา ปากบอกให้เขารีบไปแต่ดวงตาไม่ใช่เลย เป็นไปได้เธออยากดึงปริญเข้ามาข้างใน มานอนจับมือแล้วคุยกันอย่างที่เคยทำต่างหาก
“อืม...ฝันดีนะ”
“ค่าพี่...”
เธอยิ้มให้อีก เฝ้ามองจนปริญเดินขึ้นบนชั้นสองจึงได้ปิดประตู
“เฮือก!”
หญิงสาวผวาสุดตัว ทันทีที่ประตูปิดลง ร่างของเธอก็ถูกพลิกให้หันมาเผชิญหน้า ศราวิลเหมือนคนกำลังโกรธ เขาดันร่างเธอเข้าหาบานประตู กอดกักตัวเธอไว้ด้วยแขนซ้าย ส่วนมือขวาค้ำบานประตูด้วยท่าทางคุกคาม
“บอกแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ แค่มาเอายาไม่กี่เม็ดคุยอะไรกันนักหนา”
“มันเรื่องของฉัน ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย ตราบใดที่เธอไม่ยอมตัดใจจากนายนั่น ฉันคงไว้ใจเธอไม่ได้ เธอยังส่งยิ้มให้มัน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ให้มันลูบหัวด้วย ลูบหาสวรรค์วิมานอะไร! เลิกกันแล้วก็แล้วไปสิ จะมาแตะเนื้อต้องตัวเพื่อ!?”
“ทำไม หึงเหรอ”
“ฮะ!? พูดบ้าอะไรของเธอ ไม่ได้รักกันแล้วจะหึงได้ยังไง”
“นั่นสิ! ฉันก็ว่าอย่างนั้น แต่สิ่งที่คุณทำอยู่นี่มันไม่ใช่ คุณกำลังพาลอย่างไร้เหตุผล เหมือนพวกสามีขี้หึงตอนเห็นเมียแอบไปคุยกับผู้ชายคนอื่น” อาทิตามิวายยั่วโทสะ คิ้วโก่งขมวดเข้ากันด้วยอาการปวดศีรษะรุมเร้าอีกระลอก
“หยุดพล่ามเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอว่าสักนิด”
“ฉันไม่หยุด! อื้อ...”
วาจาที่เตรียมพ่นออกมากลืนหายเข้าไปในโพรงปากของศราวิล เขาจูบหล่อนเน้นๆ จูบแรงๆ ตะบี้ตะบันจูบให้หล่อนรู้สำนึก มือทั้งสองกำข้อมือหล่อนแน่นและกดมันเข้ากับบานประตู ร่างกายกำยำทาบทับหล่อนไว้ในท่าที่ยืนอยู่