“คือ...ข้ามีพี่ชายใช่ไหม” “ขอรับ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม “แต่มิใช่พี่น้องร่วมสายเลือด” “หมายความเช่นไร?” ใบหน้าหลิวชิงมีรอยยิ้ม แต่ในใจกลัดกลุ้ม จะอธิบายเรื่องละเอียดอ่อนเหล่านี้ให้คนความจำเสื่อมฟังอย่างไรดี ยังดีที่หญิงสาวเห็นสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วนางก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ทั้งที่ในใจตรงข้าม “มารดาของข้ายังอยู่หรือไม่” เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “บิดามารดาของคุณหนูตายจากไปนานแล้ว ประมุขฟู่อวิ๋นเซิงรับคุณหนูมาดูแลในฐานะน้องสาวขอรับ” “เขา...เอ่อ...พี่ชายข้า...ชอบข้าไหม” คราวนี้หลิวชิงหัวเราะน้อยๆ ใบหน้าดูอ่อนโยนไม่เหมือนคนในพรรคมารเลยสักนิด “ประมุขฟู่อายุห่างจากคุณหนูยี่สิบปี ประมุขฟู่รักและเอ็นดูคุณหนูมาก ใส่ใจในทุกเรื่อง เรียกได้ว่าเลี้ยงดูคุณหนูราวกับตนเองเป็นบิดาเสียเอง” ใบหน้าที่เคยวิตกกังวลคลายลงไป “ดีจริง ข้ากลัวเขาไม่ชอบข้า” “คุณหนูโปรดวางใจ ทุกคนในพรรคกระเรียนดำไม