จอมมารมองใบหน้าหวาดกลัวของบุปผาที่เขาเก็บมาได้ด้วยสายตาพึงพอใจ เขาไม่นึกว่าจะมีเซียนน้อยหลงเข้ามาในเขตแดนของเขา แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในเขตแดนนี้ล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้นซึ่งรวมถึงบุปผาบอกบางดอกนี้ที่หลงเข้ามาด้วย นางบอกบางถึงขนาดเพียงแค่ใช้สายตามองก็เหมือนจะทำนางชอกช้ำเสียแล้ว
“หวาดกลัวหรือ จงหวาดกลัวข้าให้มากกว่านี้สิ”
น้ำเสียงห้วนดุดันของเขาทำให้ร่างของนางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวมากกว่าเดิม จอมมารมีร่างกายใหญ่โตแข็งแรงกำยำ ฝ่ามือของเขาใหญ่จนสามารถกุมศีรษะของนางแล้วบีบจนละเอียดด้วยมือข้างเดียวก็ยังได้ บุปผาน้อยพยายามจะถอยหลังหนี แต่ตอนนี้นางก็ไม่มีแม้กระทั่งกำลังที่จะลุกขึ้นยืน
จอมมารเลียริมฝีปากอย่างกระหาย กายเนื้อของเซียนนั้นแน่นอนว่าขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เหมือนกายหยาบกระด้างของมาร นางบริสุทธิ์จนเขาอยากจะทำให้หม่นหมองลงเสีย สีหน้าที่กำลังหวาดกลัวของนางก็ชั่งเย้ายวนใจของเขาไม่น้อย
“ท่านจอมมาร ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้วจริงๆ” เสียงร้องอย่างดีใจของปีศาจเฒ่าที่เฝ้าคอยการตื่นของจอมมารดังขึ้น แต่ทว่าจอมมารกับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย สายตาของจอมมารยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างเซียนบุปผาไม่วางตา
“ท่านจอมมาร ท่านเพิ่งตื่นขึ้นมาหลังจากหลับใหลไปห้าร้อยปี ตอนนี้ดินแดนปีศาจกำลังกลหนท่านรีบกลับไปที่ตำหนักก่อนเถอะขอรับ อย่าไปเสียเวลากับเซียนบุปผาที่หลงมาตนนี้เลย นางยังบำเพ็ญเพียรได้น้อยนัก ปล่อยให้เป็นอาหารของเหล่ามารปลายแถวไปเถิดขอรับ”
“เจ้าเป็นใครถึงมาเอ่ยคำสั่งกับข้า!” สิ้นเสียงตวาด เพียงแค่สะบัดฝ่ามือร่างเล็กของปีศาจเฒ่าก็ลอยกระเด็นไปไกลถึงร้อยลี้ด้วยพลังของจอมมารที่ยังคงถูกผนึกเอาไว้เก้าส่วน แม้เขาจะเพิ่งฟื้นตื่นขึ้นมามิหน้ำซ้ำยังมีพลังเพียงหนึ่งส่วน แต่ทว่าพลังของเขาก็ยังคงร้ายกาจยิ่งนัก
เซียนบุปผาน้อยไม่กล้าที่จะหนี รอบตัวของนางตอนนี้นั้นมีแต่ทุ่งหญ้าโล่งไกลสุดลูกตาจนไม่รู้ว่าควรจะหนีไปทางไหน “ทะ...ท่านจอมมารท่านอย่ากินข้าได้หรือไม่” นางร้องอ้อนวอนขอน้ำตานองหน้า นางเพิ่งจะได้กายเนื้อมนุษย์มาแต่กลับโชคร้ายหลุดเข้ามาในเขตแดนของจอมมาร มิหน้ำซ้ำจอมมารที่เพิ่งจะฟื้นคืนชีพก็ดูหิวกระหายไม่น้อยทำให้นางนึกถึงคำเตือนของอาจารย์ว่าพวกมารนั้นชอบกินเซียน...
เขาโน้มตัวลงมาเชยคางของนาง รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏบนใบหน้า
“กินหรือ? น่าสนใจ...แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์มาร้องขอข้า!”
ร่างเล็กเบิกตากว้างเมื่อลำคอขาวถูกกัดด้วยเขี้ยวใหญ่ของจอมมารจนเลือดไหลซึมออกมา นางร้องออกมาอย่างเจ็บปวดขณะที่จอมมารดูดกินเลือดหอมหวาน แม้กลิ่นกายของนางว่าหอมหวานแล้วเมื่อยิ่งได้ลิ้มรสเลือดของนางกลับหอมหวานเสียยิ่งกว่า
ลิ้นสากเลียบาดแผลที่ยังคงมีเลือดไหลซึมของนางก่อนจะเลียริมฝีปากตนเอง สีหน้าเขามีความพึงพอใจอยู่หลายส่วน เพราะนึกไม่ถึงเลยว่าเซียนบุปผานั้นจะหอมอร่อยถึงเพียงนี้ เขาดูดเม้มติ่งหูของนางก่อนจะสูบดมกลิ่นกายหอมยั่วยวนเข้าไปจนเต็มปอด รสชาติที่ถูกใจเช่นนี้กินหมดภายในครั้งเดียวคงน่าเสียดายแย่
บุปผาน้อยอ่อนต่อโลกที่ถูกจมูกคมซุกไซ้พร้อมกับริมฝีปากหนาดูดเม้มไปทั่วทั้งลำคอรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย นางเริ่มที่จะมีอาการหอบหายใจถี่ อ้อมกอดของจอมมารกอดรัดนางแน่นจนร่างแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกวาบหวิวจากมือสากที่เลื่อนผ่านเนื้อกายทำเอานางสั่นสะท้าน
“ทะ...ท่านทำอะไรข้า”
“หึ ก็กำลังกินเจ้าไง”
บุปผาน้อยเม้มปากแน่เมื่อรู้สึกเหมือนตนเองจะส่งเสียงร้องออกมา มันไม่ใช่ความรู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อคราแรก ยิ่งเขาสัมผัสร่างกายนางเท่าไหร่นางก็ยิ่งรู้สึกเร่าร้อนมากขึ้นเท่านั้น นางไม่รู้ว่าทำไมการถูกมารกัดกินถึงให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้ มิหน้ำซ้ำยังเหมือนกับอยากให้เขาสัมผัสกัดกินมากกว่านี้ แต่ความกลัวก็ยังมีมากกว่า นางจึงเริ่มที่จะขัดขืน
มือเล็กพยายามดันแผ่นอกกว้างให้ออกห่าง แม้จะไม่สามารถทำให้ร่างใหญ่ถอยห่างออกจากกายของนางได้แม้แต่น้อย แต่ก็ทำให้เขารู้สึกรำคาญ เขาปล่อยกายของนางแล้วผลักนางให้ล้มลงนอนอยู่บนพื้นหญ้าแห้งอย่างไม่สบอารมณ์ นางรู้สึกเจ็บจนร้องออกมา แต่ยังไม่ทันที่นางจะตั้งตัวเชือกที่เกิดจากมนต์เส้นหนึ่งก็โผล่ขึ้นจากพื้นมัดกายนางไม่ให้สามารถขยับไปไหนได้
“ฮื่อ ท่านจอมมารได้โปรด ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”
น้ำเสียงหวานร้องขอร้องด้วยน้ำตานองหน้า แม้นางจะน่าสงสารเพียงใดแต่สำหรับมารไร้ใจเช่นเขานั้นกลับไม่รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย
“ต้องโทษเจ้าที่ทำให้ข้ามีน้ำโห!”
สิ้นเสียง อาภรณ์ของนางก็ถูกกระชากออกจนเผยร่างกายเปลือยเปล่า เนื้อกายภายใต้ร่มผ้าขาวเนียนกระจ่างใสชวนมองจนไม่อาจจะละสายตาออกได้โดยง่าย แสงจันทร์ที่ส่งกระทบลงมาทำให้ดวงตาสีแดงก่ำมองเห็นเรือนร่างของนางได้ชัดเจนจนกระตุ้นความกระหายมากขึ้นไปอีก
บุปผาน้อยที่ถูกตรึงร่างเอาไว้ส่ายศีรษะร้องขอความเมตตา มือของจอมมารเริ่มที่จะสัมผัสร่างกายของนางอีกครั้ง
“เจ้ามีร่างกายน่ากินเช่นนี้อย่าหวังว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป”
“ไม่นะท่านจอมมาร ได้โปรด! อ๊า~”