บทนำ การตื่นของจอมมาร
เมื่อห้าร้อยปีก่อน เกิดตำนานเล่าขานถึงความเก่งกาจของเทพสงครามคนปัจจุบันซึ่งมีนามว่า ‘เทพสงครามหวังเจี้ยน’ ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วแดนสวรรค์ เหตุเป็นเพราะเขาสามารถสู้รบชนะจอมมาร และผนึกพลังของจอมมารเอาไว้ทำให้จอมมารหลับใหลไปนานถึงห้าร้อยปี...
“ท่านอาจารย์ เหตุใดเทพสงครามถึงไม่สังหารจอมมารล่ะเจ้าคะ” เสียงแจ๋วๆ ของเซียนบุปผาผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้น
ผู้เป็นอาจารย์หรือก็คือ ‘ฮั่วหยูจิน’ คลี่ยิ้มตอบ “สงครามนี้ลากยาวมานานถึงสิบวัน ทำให้พลังที่เหลืออยู่ของเทพสงครามไม่อาจจะทำลายดวงจิตจอมมารไปได้”
“แล้วเช่นนี้จอมมารจะมีโอกาสฟื้นคืนชีพหรือไม่เจ้าคะ”
เซียนบุปผาอีกคนเอ่ยถามทำให้เรียกความตื่นกลัวของเหล่าเซียนบุปผาคนอื่นขึ้นมา พวกนางเป็นเพียงเซียนน้อยที่มีพลังบำเพ็ญเพียรหนึ่งร้อยปี เมื่อได้ฟังตำนานเทพสงครามทำให้พวกนางชื่นชมเขายิ่งนัก แต่ทว่าก็เกิดความหวาดกลัวต่อจอมมารขึ้นมาด้วย
ฮั่วหยูจินยังคงมีใบหน้าเปื้อนยิ้ม นางเป็นเทพธิดาบุปผาซึ่งปกครองนครบุปผาแห่งนี้ แน่นอนว่านางผ่านเหตุการณ์มานับไม่ถ้วนแล้ว
“ย่อมต้องฟื้นตื่นขึ้นมาแน่นอน แต่จะอีกร้อยปี พันปี หรือหมื่นปีพวกเราก็ไม่อาจจะรู้ได้”
นางจับปอยผมของเซียนบุปผาตนหนึ่งขึ้นลูบอย่างเอ็นดูแล้วกล่าวเสริมว่า “พวกเจ้าเป็นเพียงเซียนบุปผาน้อยที่อ่อนแอ อย่าได้ออกไปจากนครบุปผาเล่า เบื้องล่างนั้นอันตราย หากพวกเจ้าโชคร้ายอาจจะเจอพวกมารจับไป ‘กิน’ ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้แต่ดวงจิตของพวกเจ้าก็คงไม่เหลือ ข้าเองก็คงจะช่วยอันใดไม่ได้ พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
เหล่าเซียนบุปผารีบพากันรับคำ เมืองบุปผาสวยงามเช่นนี้พวกนางเองก็ไม่อยากจะออกไปไหนอยู่แล้ว
ฮั่วหยูจินมองไปยังดอกกุหลาบขาวดอกหนึ่งที่สั่นเล็กน้อยราวกับกำลังตอบรับเช่นกัน กุหลาบขาวดอกนั้นเองก็มีดวงจิตกำเนิดของเซียน
บุปผาอยู่ ทั้งที่ดวงจิตนั้นควรจะได้รับกายเนื้อเช่นดวงจิตอื่นๆ แล้ว แต่ทว่าถึงผ่านมานานสองร้อยปี นางก็ยังคงเป็นเพียงดวงจิตอยู่ในดอกกุหลาบขาวเท่านั้น
อยู่มาวันหนึ่ง สวรรค์ที่เคยสงบสุขก็เกิดอาเพศขึ้น พระจันทร์กลายเป็นสีแดงสดดั่งเลือด ความมืดเข้ามาปกคลุมทั้งห้าพิภพ[1] แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างไม่ทราบสาเหตุ มีเพียงเผ่ามารที่ได้รับผลดีจากอาเพศนี้ทำให้พื้นพิภพปีศาจเกิดช่องว่างเพียงพอให้เหล่ามารร้ายออกจากดินแดนปีศาจขึ้นมาอาละวาดถึงบนสรวงสวรรค์ เพื่อแก้แค้นเรื่องราวเมื่อห้าร้อยปีก่อนซึ่งพวกมันไม่เคยลืม
แน่นอนว่าเหตุความวุ่นวายนี้ทำให้ดินแดนบุปผาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิภพสวรรค์เกิดผลกระทบด้วย ฮั่วหยูจินต้องออกมาปกป้องไม่ให้พวกมารเข้าไปในนครบุปผาได้ แต่ทว่าอาเพศกลับไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ แผ่นดินที่สั่นสะเทือนหอบเอาลมโหมพัดแรงทำเอาเกือบจะทั่วทุกพื้นที่บนสรวงสวรรค์ย่อยยับ เสียงร้องโห่ยินดีของเหล่ามารดังสนั่น ราวกับจะบ่งบอกว่าจอมมารกำลังจะกลับมาแก้แค้นสวรรค์แล้ว!
ในขณะที่ทุกพิภพกำลังวุ่นวาย ดอกกุหลาบขาวดอกหนึ่งก็ถูกลมหอบพัดหักจากลำต้น กุหลาบขาวดอกนั้นลอยไปตามลมหลุดลอดเข้าไปในดินแดนปีศาจที่มืดสลัวและเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย
มิทราบว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย ดวงจิตเซียนบุปผาดอกนี้กลับได้กายเนื้อมาก่อนที่ดอกกุหลาบขาวที่นางอาศัยอยู่จะแปดเปื้อน...
นางก้มมองเรือนร่างตัวเองที่มีชุดสีขาวนวลดั่งกลีบกุหลาบขาวปกปิดอยู่...มือของนางเล็กนัก แม้เรือนร่างจะมีทรวดทรงองเอวแต่ทว่าก็ยังคงดูเหมือนกับอิสตรีอายุประมาณสิบสี่สิบห้าที่ยังไม่โตเต็มวัย แต่ทว่ามีส่วนหนึ่งที่โตเกินกว่าร่างนี้อยู่จนนางรู้สึกว่าขัดตาเล็กน้อย...
ตอนนี้นางมีทั้งความรู้สึกยินดีที่ในที่สุดก็ได้กายเนื้อมาแล้ว และหวาดกลัวที่ไม่ทราบว่าตนเองยามนี้กำลังอยู่ที่ใด รอบกายของนางน่ากลัวยิ่งนัก ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ความมืด...
“นึกว่าผู้ใดกันที่ปลุกข้าขึ้นมา”
บุรุษที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำลุกขึ้นนั่ง พื้นหญ้าที่ตอนแรกปกคลุมร่างกายของเขาอยู่นั้นแห้งเหี่ยวลงไปเพราะไม่อาจจะทนพลังกระแสหนึ่งที่ไหลออกมาจากตัวของเขาได้ จนกระทั่งพลังนั้นแผ่ขยายออกไปทำให้ทุกสรรพสิ่งเหี่ยวเฉาล้มตาย ไม่เว้นแม้กระทั่งต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“ที่แท้ก็เป็นเพียงเหมยกุ้ย[2]ดอกหนึ่ง...”
เสียงทุ้มต่ำราวกับหัวเราะดังขึ้นมาในลำคอของเขา ดอกกุหลาบที่ควรจะเป็นสีขาวแปลเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทเพราะเปื้อนไอชั่วร้าย เขาโยนมันทิ้งอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะลุกขึ้นก้าวเดินไปหาเซียนบุปผาตัวน้อยที่ตอนนี้แววตาสั่นเทาด้วยความตกใจ ยิ่งเขาเข้ามาใกล้ นางก็ยิ่งเห็นว่าร่างของเขานั้นสูงใหญ่เพียงใด เขาดูน่ากลัวไม่เหมือนกับคนบนสรวงสวรรค์ อีกทั้งดวงตาของเขายังเป็นสีแดงก่ำ...
เขาก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว นางถอยหลังไปหนึ่งก้าว...
แต่ก้าวของเขานั้นยาวกว่านางมากนัก จนในที่สุดเขาก็มาเผชิญอยู่เบื้องหน้าของนาง เซียนบุปผาน้อยทำตัวไม่ถูก ขาของนางอ่อนแรงจนล้มลงไปกับพื้น สายตาสีแดงก่ำที่จ้องมองนางนั้นดูแคลนนางยิ่งนัก แต่ทว่ากลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากกายของนางนั้นทำให้เขารู้สึกสนใจ
“เจ้าเป็นเซียนบุปผาหรือ”
ผู้ที่ถูกถามพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะทำใจกล้าถามกลับไป
“แล้วท่านเป็นผู้ใดกัน...”
เสียงของนางใสดั่งระฆังแก้ว คำถามของนางทำให้จอมมารที่เพิ่งจะฟื้นตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลไปนานถึงห้าร้อยปีหัวเราะดังสนั่น เห็นทีเขาจะหลับนานเกินไปจนแม้แต่เซียนบุปผาที่อายุประมาณร้อยสองร้อยปีตนนี้ไม่รู้จักเขาเสียแล้ว
“เจ้ามาอยู่ในดินแดนของข้าแล้วยังไม่รู้อีกหรือว่าข้าคือผู้ใด”
เซียนบุปผามองใบหน้าที่ยิ้มน่ากลัว ลมหายใจนางติดขัดไม่กล้าที่จะเดาออกมา แต่ก็ไม่กล้าที่จะส่ายศีรษะเช่นกัน
“ในดินแดนแห่งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างคือของของข้า...ไม่เว้นแม้แต่เจ้าที่ตอนนี้มาอยู่ในกำมือของข้าแล้ว” เขายิ้มเหี้ยม “เอาละเซียนบุปผาน้อย
เจ้าคงจะฉลาดพอที่จะรู้สินะว่าผู้ใดยิ่งใหญ่และครอบครองทุกสรรพสิ่งในดินแดนปีศาจแห่งนี้...ไหนเจ้าลองบอกมาสิว่าข้าคือผู้ใด”
คำบอกใบ้นี้ทำให้นางทราบในทันที “ท่านคือ...จอมมาร!”
“ใช่ เป็นข้าเอง”
[1] สวรรค์ เมืองบาดาล โลกมนุษย์ นรก และดินแดนปีศาจ
[2] ดอกกุหลาบ