บทที่ 3 ชีวิตของเจ้าคือของของข้า! [1]

1101 Words
​ เซียนบุปผาไม่สามารถทราบได้เลยว่ายามนี้เป็นยามใด ภายในดินแดนปีศาจแห่งนี้มีเพียงความมืดมิดเท่านั้น หน้าห้องของนางมีปีศาจหน้าตาน่ากลัวสองตนคอยเฝ้าอยู่ตลอดเวลาทำให้นางไม่อาจจะออกไปได้อีก จอมมารเองก็ไม่ได้มาหานาง นางทำได้เพียงนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมใหญ่เท่านั้น... นางราวกับเป็นบุปผาที่ถูกเด็ดออกมาจากสวนแล้วถูกนำมาปักอยู่ในแจกัน เพื่อรอเวลาเหี่ยวเฉา... แต่ทว่าวันหนึ่งกลับมีปีศาจสาวสองตนเข้ามา พวกนางโยนเสื้อผ้าให้เซียนบุปผาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับไม่อยากจะสนทนาด้วย “ท่านจอมมารสั่งให้เจ้าเปลี่ยนชุดแล้วไปที่งานเลี้ยง” เซียนบุปผาเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ นางมองชุดสีแดงวาบหวิวที่ถูกโยนมาให้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลากหลาย ร่างกายของนางที่ถูกเขากระทำย่ำยีเพิ่งจะดีขึ้น เมื่อนางเห็นชุดพวกนี้แล้วย่อมทราบว่าหากนางไปพบจอมมาร จะต้องถูกเขากัดกินทั้งตัวอีกเป็นแน่ “เปลี่ยนชุดให้ไว” ปีศาจสาวตนหนึ่งเอ่ยก่อนจะสะบัดหน้าจากไป เซียนบุปผากำชุดสีแดงในมือแน่น นางไม่มีทางเลือก... หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วนางก็ถูกนำทางไปยังงานเลี้ยง ซึ่งเพียงแค่ใกล้งานนางก็ได้ยินเสียงดังคึกคักมาแต่ไกล เหล่าปีศาจหลายตนมองมาที่เซียนบุปผาอย่างสนใจ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะทราบว่าเซียนบุปผาตนนี้เป็นสมบัติที่ท่านจอมมารเก็บได้ จอมมารที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หัวกระดูกงูยักษ์เท้าคางมองร่างของเซียนบุปผาที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา เพียงแค่มองเขาก็ทราบว่านางกำลังหวาดกลัว ร่างกายของนางสั่นเทาจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า รอยยิ้มเหี้ยมของจอมมารปรากฏ ก่อนจะเอ่ยคำสั่ง “รำให้ข้าดู” “ข้ารำไม่เป็น...” นางเอ่ยตอบเสียงอ่อน สองมือกำแน่น “โกหก! เทพเซียนอย่างพวกเจ้าวันๆ ก็เอาแต่ร่ายรำอยู่บนสวรรค์ แล้วเจ้าจะมาบอกว่ารำไม่เป็นคิดว่าข้าโง่เชื่อหรือไง!” จอมมารตวาดออกมาอย่างหัวเสีย ก็แค่เซียนบุปผาคนเดียวแต่ใบหน้าที่เอาแต่ร้องไห้ของนางนั้นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด เพียงแค่เจอเขาตวาดน้ำตานางก็ไหล เสียงดนตรีขับกล่อมดังขึ้น ท่วงทำนองดนตรีของดินแดนปีศาจนั้นต่างจากบนสวรรค์หรือนครบุปผาที่นางเคยได้ฟังโดยสิ้นเชิง เซียนบุปผาค่อยๆ ขยับร่างกายไปตามจังหวะของดนตรี นางร่ายรำอย่างอ่อนช้อยตามความทรงจำที่เคยเห็นยามเป็นดวงจิตที่อาศัยอยู่ในดอกกุหลาบขาว สีหน้าของจอมมารพึงพอใจขึ้นไม่น้อยเมื่อเซียนบุปผายอมทำตามที่เขาเอ่ยสั่ง ส่วนปีศาจงูนั้นยิ้มเย้ย ในสายตาของนางเซียนบุปผาตนนี้ร่ายรำไม่ได้น่าดูเลยแม้แต่น้อย ปีศาจงูทำการรินสุราให้จอมมารอีกจอกก่อนจะเอ่ย “ยินดีต้อนรับการตื่นของท่านจอมมารเจ้าค่ะ งานวันนี้แม้แต่เซียนก็ยังมาร่ายรำอวยพรให้ให้ท่านจอมมาร เห็นทีครั้งนี้ชัยชนะย่อมต้องเป็นของท่าน” น้ำเสียงหวานใสเอ่ยอย่างเอาใจ “ซิงเยียน คำพูดของเจ้าดียิ่งนัก” เขากระดกสุรารวดเดียวหมดจอก “ครั้งที่แล้วข้าก็ไม่ได้แพ้!” เขาโยนจอกสุราทิ้งอย่างหัวเสียเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เขากำลังปะทะอยู่กับเทพสงคราม แน่นอนว่าสาเหตุที่เขาพ่ายในครั้งนั้นเป็นเพราะเทพสงครามนั่นเล่นไม่ซื่อ! มันใช้จิตของอาวุธให้มาลอบโจมตีเขาจากทางข้างหลัง! “แน่นอนว่าท่านไม่ได้แพ้...ข้าทราบดีเจ้าค่ะ” นิ้วมือเรียวขาวของสตรีอีกนางที่อยู่ข้างกายจอมมารลูบไล้ใบหน้าคมของเขาอย่างยั่วยวน ริมฝีปากแดงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของเขา “ข้าทราบว่าอย่างท่านจอมมารไม่มีทางแพ้ให้แก่เทพเซียนเป็นแน่ การที่ท่านได้รับบาดเจ็บจนถูกผนึกเอาไว้ถึงห้าร้อยปี ย่อมเป็นพวกมันที่เล่นไม่ซื่อ” “เจ้าฉลาดสมกับเป็นจิ้งจอกจริงๆ” จอมมารหัวเราะในลำคอ “ลำบากเจ้าแล้วซูเม่ย ที่เจ้าช่วยจัดการเรื่องทุกอย่างให้ข้า” ริมฝีปากแดงของผู้ที่ได้รับคำชมคลี่ยิ้ม “เหมือนพลังของเจ้าจะแกร่งขึ้น?” จอมมารเอ่ยถามเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมของปีศาจจิ้งจอก “แต่ก็ยังน้อยกว่าท่านนัก” นางตอบอย่างถ่อมตน จอมมารหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ แม้เขาจะสนทนากับซูเม่ย แต่ทว่าสายตาของเขายังคงจ้องมองการร่ายรำของเซียนบุปผาไม่วางตา ปีศาจเฒ่าร่างเล็กวิ่งขึ้นมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของจอมมาร เขาส่งโซ่ที่เหมือนกับปลอกคอของสัตว์อสูรให้จอมมารพร้อมกับเอ่ย “สิ่งที่ท่านจอมมารต้องการได้แล้วขอรับ” เขาเอื้อมมือไปหยิบโซ่นั่นขึ้นมาก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก “หยุด!” เขาเอ่ยคำสั่งเสียงดังก้อง ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองร่างของเซียนบุปผาที่ยืนนิ่งเฉย เสื้อผ้าอาภรณ์ที่นางสวมใส่อยู่นั้นคลับคล้ายกับเหล่าปีศาจสาวตนอื่น ทำให้ปรากฏเรือนร่างขาวเนียนต่อสายตาปีศาจตนอื่น เขายิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อปีศาจเหล่านั้นบางตนมีท่าทีกระหาย ถึงอย่างนั้นเขาก็ให้พวกมันได้แต่มอง... ตราบใดที่เขายังไม่เบื่อบุปผาดอกนี้เขาย่อมไม่มีทางปล่อยให้ปีศาจตนอื่นแย้งไป การที่เขาเก็บบุปผาดอกนี้ได้นั้นถือว่าโชคเข้าข้าง แน่นอนว่าปีศาจย่อมไม่มีทางบุกสวรรค์ไปจับตัวเทพเซียนลงมาดินแดนปีศาจได้ง่ายๆ ตอนแรกเขาคิดจะสังหารนางเพื่อระบายอารมณ์แค้น แต่เมื่อคิดดีๆ แล้ว การเก็บนางไว้ทรมานย่ำยีนั้นดียิ่งกว่า และจนป่านนี้แล้วสวรรค์ยังไม่ทราบเลยกว่าเขาเก็บเซียนบุปผาดอกนี้ได้ หากเขาสามารถล้างสมองเซียนตนนี้ให้เชื่อฟังเขาได้คงทำให้เทพเซียนบนสวรรค์คับแค้นใจไม่น้อย แผนร้ายที่ผลุดขึ้นมาในหัวทำให้จอมมารหัวเราะในลำคอเสียงเย็น “ขึ้นมาหาข้า ข้าจะให้รางวัลแก่เจ้า” ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD