บทที่8 ย่าสวีพลิกแผ่นดิน1

3219 Words
"ได้ข่าวมั้ย มีเ**กย้ายมาอยู่ตรงถนนหลักถัดจากเขาป่าลำดวนด้วย เห็นว่ามีคนรับใช้อยู่ครึ่งร้อย ต้องรวยมากแน่ๆ พวกเ**กจะเอาที่ดินประเทศเราไปหมดแล้ว" "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ที่ตรงนั้นไม่ใช่นายพงษ์ดูแลอยู่หรือ ที่ดินนายพงษ์ดูแลต้องเป็นของพระพี่นางเธอสิ หรือเ**กคนนี้จะได้ที่ดินมาจากพระพี่นาง" "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การมอบกรรมสิทธิ์ที่ดินให้คนต่างประเทศมากๆอย่างนั้น จะดีงั้นเหรอ พวกเราชาวสยาม ไม่มีที่ทำกินก็เยอะแยะ" "เ**กกลุ่มนี้คงแลกเปลี่ยนอะไรที่คุณเจ้าหญิงเธอพอใจนั่นแหละ พวกเอ็งมีอะไรไปแลกกับเขาล่ะนอกจากตัว" "เฮ่ยๆ พูดถึงตัว ข้าได้ยินว่าเ**กหนุ่มตาตี่ๆสองคน ไปขอเช่าแรงงานจากหัวหน้าหมู่บ้าน แต่โดนปฏิเสธหมดเลยว่ะ ไม่รู้ไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจมา" "เอ้า ทำไมล่ะ เขามาจ้างงาน ถ้าเป็นข้า ข้าก็จะรีบไปทันทีเลย ยังไงไอ้เราก็มีแต่ตัวอยู่แล้ว ต้องใช้แรงทำงานเยอะๆเท่านั้นแหละถึงจะมีเงินซื้อที่ดินกับเขาบ้าง จะได้เป็นไทเสียที" .สามวันก่อนหน้านั้น สวียืนมองลูกชายที่ก้มหน้ารู้สึกผิดกับจงที่หมอบอยู่บนพื้นด้วยท่าทางไม่ดีนัก พวกเขาดูเสียใจมาก "โดนปฏิเสธทั้งหมดเลยงั้นเหรอ" "ครับแม่ ไม่ว่าจงจะเสนอค่าแรงเท่าไหร่ ให้สิทธิยังไง พวกเขาก็ปฏิเสธท่าเดียว" หลงรู้สึกผิด งานแรกที่แม่บอกให้เขาทำแต่กลับไม่สำเร็จ อย่างนี้เขายังจะสามารถทำอะไรได้อีก ทั้งที่มีความรู้ความสามารถมากมาย แต่กลับทำเรื่องแค่นี้ไม่สำเร็จ ช่างน่าละอายยิ่งนัก "ให้เขาเงยหน้าขึ้น" สวีหมายถึงจง ทันทีที่เธอพูดเขาก็เงยหน้าขึ้นเลยเช่นกัน "ครับ นายหญิง!" จงตาแดงก่ำมองเจ้านายด้วยความอดกลั้น แต่คิดว่าเขาคงเกินกลั้นเพราะคงโทษตนเองมาก น้ำตาจึงเอ่อออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "อย่าผิดหวังไปเลย ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ ตูเก้าอี้ ให้หลงกับจงด้วย หยงให้เด็กๆเตรียมชามา" ว่าแล้วสวีก็นั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะยื่นกระดาษสองแผ่นให้พวกเขา "นี่คือรายชื่อผู้มีอิทธิพลในระแวกนี้ ที่ตูไปซื้อมาจากตลาดมืด ส่วนใหญ่แล้วมีที่ดินทำกินไม่เกินร้อยไร่ เพราะอย่างนั้นย่อมไม่พอใจที่จู้ๆก็มีเ**กจากที่ใดไม่รู้ โผล่มาพร้อมกับที่ดินทำกินร้อยไร่ และที่เขาอีกทั้งลูก แน่นอนว่าถ้าจ้างงานคนในพื้นที่ย่อมต้องถูกขัดขวางอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้น..." "จง ในกรณีนี้ เธอคิดว่าจะแก้ปัญหายังไง ในฐานะบุตรชายของมหาบัณฑิต เธอ...คิดออกหรือไม่" "อึ่ก" จงอยากจะก้มหน้าแต่ไม่กล้าหลบตาท่าน...นายหญิง เขากัดลิ้นตัวเองเพื่อตั้งสติ ตอนนี้คือเวลาที่เขาจะได้แสดงความสามารถต่อหน้าผู้ที่ตนศรัทธายิ่ง "นายหญิง ผมคิดว่าการที่หัวหน้าหมู่บ้านปฏิเสธเพราะเกรงกลัวในอำนาจของคนเหล่านั้นในรายชื่อ แต่...ชาวบ้านจะไม่ปฏิเสธเมื่อมีการเสนองานให้ถึงที่ กระนั้นก็ยังมีส่วนน้อยที่กล้าจะทำงานกับเรา หรืออาจไม่มีเลย แต่การที่เราจะพ้นจากสถานการณ์นี้ได้ ไม่ใช่การปะทะกับคนเหล่านั้นหรือแสดงอำนาจที่มี ผมคิดว่า..." จงเปลี่ยนท่าทางเป็นครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะมองนายหญิงอย่างจนใจ สวีถอนหายใจเบาๆ หันไปมองหลง "หลง เธอคิดยังไง" "เมื่อชาวบ้านระแวกนี้ไม่ต้องการทำงานกับเรา ก็เพียงแค่จ้างชาวบ้านจากระแวกอื่นเท่านั้น" สวีถอนหายใจ ทำให้หลงและจงรู้สึกประหม่า จงยิ่งกังวลเพราะเขาเกรงว่าเจ้านายที่เขารับใช้โดยตรงอย่างหลง จะทำให้นายหญิงผิดหวัง หากตัวเขาได้รับการยอมรับมากกว่า เจ้านายอาจไม่ชอบตนได้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีในสถานการณ์เช่นนี้ "เฮ่อ หลงคงเพราะเราหนีมา เธอจึงคิดว่าการถอยเป็นทางที่ควร แม้จะปลอดภัยที่สุดแต่ก็เสียหายมากที่สุด เธอยังด่วนตัดสินใจเกินไป จง ฉันอนุญาตให้เธอทำตามใจ ส่วนหลง จงติดตามเขาไปและเฝ้าดูว่าเขาทำอย่างไร จดเอาไว้และนำมารายงานแม่ เข้าใจหรือไม่" "นาย...นายหญิง" จงตัวสั่น มองหน้านายหญิง ให้ทำเช่นนี้ไม่ใช่การสลับหน้าที่กันหรอกหรือ "ครับ แม่" หลงกลับไม่คิดอะไรเขามองลูกน้อง พยักหน้าให้ เป็นเชิงว่าให้เอาตามที่มารดาพูด "อย่ากังวล ลูกชายของฉันใจกว้างกว่านั้น" สวีพูดยิ้มๆ ทำให้หลงยิ้มตามไปด้วย ในที่สุดจงก็วางใจลง เขารู้ว่าเจ้านายใจดีแต่ช่วงนี้ท่านมีเรื่องหลายอย่างให้ต้องคิดจึงอารมณ์ไม่ดีนัก ยกเว้นตอนอยู่กับนายหญิงและคุณหนู ชิงหลงมักจะดูน่ากลัวตลอดเวลาจนไม่มีใครกล้าเข้าหน้า "ถ้าอย่างนั้นฉันจะดูแลหง และรอคอยฟังรายงานของเธอ" "ผมจะทำให้ดีครับแม่" . หลงเดินตามจง เขายังรู้สึกสับสนเล็กน้อย เมื่อคิดว่าแม่ไม่ไว้ใจตัวเองเท่าข้ารับใช้คนหนึ่งตอนแรกก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เมื่อนึกดีดีแล้วทั้งหมดนี้ก็ถูกต้อง จง...เหมือนจะเป็นคนธรรมดา แต่เขาคือทายาทคนสุดท้ายของตระกูลจง อีกทั้งยังเป็นยอดบัณฑิตที่หาได้ยาก หากเกิดในยุคที่ยังมีราชวงศ์ชิง คาดว่าตำแหน่งมหาบัณฑิตคงไม่หนีไปไหน น่าเสียดายราชวงศ์ล่มสลาย ถึงอย่างนั้นเขาก็ยินดีติดตามและเป็นพี่เลี้ยงให้กับชิงหลง ด้วยความภักดีต่อสวี จงมีอายุมากกว่าหลงห้าปี แต่เป็นคนที่ดูแลเขาราวกับแม่นม เมื่อโตมาหลงและจงก็คล้ายเพื่อนเล่น แต่ยังมีช่องว่างระหว่างกันเสมอด้วยสถานะที่แตกต่าง จงมักจะคอยยับยั้งความเป็นอัจฉริยะของตนอยู่เสมอเมื่ออยู่เคียงข้างเขา บางครั้งก็ช่วยให้หลงผ่านอะไรยากๆมาได้อย่างง่ายดาย เมื่อคิดดูแล้ว ผลงานทั้งหมดของเขาอาจเป็นของจงผู้อยู่ด้านหลังก็เป็นได้ แต่...นี่ทำให้หลงไม่สบอารมณ์เอาซะเลย เขารู้ว่าจงแอบหลงรักคุณหนูหงตั้งแต่ยังไม่เป็นหนุ่มเป็นสาว ตอนนี้หงเป็นภรรยาของเขา ดังนั้นบางครั้งหลงจึงมีอาการกดข่มจงให้อยู่ใต้อำนาจ ให้เขารู้ฐานะของตัวเอง เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้รู้สึกไม่ดีที่มารดาไว้ใจจงมากกว่าตัวเองในคราวนี้ เพราะมันเหมือนกับ...เหมือนกับอะไร? หลงขมวดคิ้วไม่พอใจ ขณะมองแผ่นหลังของจงที่กำลังตั้งโต๊ะเพื่อรับสมัครแรงงานชั่วคราวในตรอกที่พวกเขาได้รับมอบเมื่อมาถึงสยามเป็นครั้งแรก แต่ก็ต้องยอมรับว่าจงฉลาดมากจริงๆ เขามารับสมัครแรงงานจากกลุ่มคนอพยพ และจ้างรถคอกเพื่อมารับไปส่งที่ดินทุกๆวันเป็นเวลาสามวัน โดยมีแรงงานห้าสิบคน ขั้นตอนต่อมา จงพาหลงเดินทางมายังหมู่บ้านที่พวกเขาเคยมาสอบถามกับหัวหน้าหมู่บ้านเมื่อสามวันก่อน จากนั้นก็เริ่มพูดคุยกับชาวบ้านบ้างในร้านค้าที่แวะซื้อของ หรือร้านอาหารที่แวะกินข้าว "คุณป้าทำอาหารอร่อยจังเลยครับ คนสยามทำอะไรก็อร่อยจริงๆ" "พ่อหนุ่มไม่ใช่คนแถวนี้ พวกคนอพยพในเมืองงั้นหรือ ทำไมมาแถวนี้ล่ะ" เมื่อถูกชม ป้าคนขายอาหารก็มีใจอยากพูดคุยสอบถาม เมื่อเห็นทั้งสองสวมเสื้อผ้า มีหน้าตาแตกต่างจากคนสยามทั่วไป "ใช่ครับผมเพิ่งมาถึงสยามได้ไม่นาน" "แล้วทำไมถึงมาแถวนี้ล่ะพ่อหนุ่ม ปกติพวกเ**กก็ไปรับจ้างทำงานในเมืองทั้งนั้น ไม่ก็ไปอยู่ท่าเรือ" "ผมตามนายมาครับ พอดีนายของผมมีการติดต่อแลกเปลี่ยนกับคุณเจ้าหญิงประภา และได้รับเมตตาพระราชทานที่ดินให้แปลงหนึ่ง นายผมตั้งใจว่าจะต้องทำทุกอย่างให้ดีเพื่อถวายเป็นเกียรติแแก่คุณเจ้าหญิงที่ไว้ใจ ผมเลยมาหาหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อติดต่อหาเช่าแรงงาน" "โอ้ อย่างนั้นหรอกหรือ" เมื่อได้ยินอย่างนั้น ชาวบ้านแถบนั้นก็เอียงหูฟังอย่างมีมารยาท ทำให้จงยิ้มแก้มปริ นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ "นี่ก็กะว่าจะไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน แต่พอเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมๆจากร้านข้าวของคุณป้าเสียก่อน ผมเลยต้องแวะชิมเสียหน่อยไม่งั้นคงถือว่ามาไม่ถึง" "พ่อหนุ่มคนนี้ปากหวานเสียจริง แล้วนี่ไปหมู่บ้านดินดำตรงนู้นมารึยัง ลูกชายของฉันแต่งงานไปหมู่บ้านนั้น เขามีแรงกำลังใช้ได้เลยทีเดียวแหละ" "ผมไปมาแล้วครับ น่าเสียดาย..." จงมีท่าทางสลด จนชาวบ้านนึกสงสาร ต้องขอบคุณใบหน้าหล่อเหลาแบบคนจีนของเขาที่ทำให้ชาวบ้านให้ความสนใจชายหนุ่ม และรู้สึกเห็นอกเห็นใจ มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกับการแสดงความรู้สึกของคนรูปงาม "เกิดอะไรขึ้นพ่อหนุ่ม" คนที่แอบฟังทนไม่ได้เอ่ยถามอย่างปวดใจ หลงกลอกตา จงนอกจากจะฉลาดแลฟ้วยังหน้าตาดี อีกฝ่ายอาจมีไอคิวสูง แต่อีคิวก็ไม่ตำ่ เพราะอย่างนั้นจึงเป็นศัตรูที่น่ากลัวมาก ต้องขอบคุณตระกูลสวีที่กำสายใยความภักดีของคนๆนี้ไว้อย่างอยู่หมัด มือหนากำแน่นอย่างไม่รู้ตัว "น่าเสียดาย ผมถูกปฏิเสธจากหัวหน้าหมู่บ้าน คงไม่สามารถจ้างลูกของป้าได้แล้วครับ" 'ใช้มุกนี้นี่เอง นายฉลาดมากจริงๆจง' หลงอดชื่นชมข้ารับใช้คนสนิทของเขา และคนที่เขาถือว่าเป็นคู่แข่งมาโดยตลอดไม่ได้จริงๆ "ข้อเสนอของเธอคงกดขี่พวกเรามากล่ะสิ หัวหน้าถึงไม่ยอมรับ พวกเ**กขี้งกจะตายไป" เสียงป้าคนหนึ่งพูดออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอยังมีความเชื่อว่าพวกเ**กจะขี้งกเหมือนๆกันหมด เพราะในอดีตเมื่อเกือบร้อยปีมีการอพยพของคนจีนรุ่นก่อน และในรุ่นนั้นก็เป็นคนขี้งกอย่างที่ป้าแกว่าจริงๆ แต่ถ้าจะเท้าความไปถึงขี้งกก็จะยาว เอาเป็นว่าคนเราจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ใช่ว่าคนจีนจะขี้งกทุกยุคทุกสมัย ย่อมมีการพัฒนา จากขี้งกอย่างออกนอกหน้า เป็นการขี้งกแบบมีชั้นเชิงแทน ถึงอย่างนั้นจงก็ไม่คิดจะพูดแบบนั้น เขามีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที "ผมให้ค่าจ้างแรงงาน ตามที่สมาคมแรงงานกำหนดไว้ทุกประการ เจ้านายผมยังกำชับมาว่า ทำงานใช้แรงงานก็ต้องกินให้อิ่มนอนให้อุ่น ท่านยังบอกว่าให้เลี้ยงอาหารเช้า และอาหารเที่ยงของคนงาน นอกจากนี้ยังสามารถทำงานได้ทั้งชายและหญิงอีกด้วย ข้อเสนอของผมเอาเปรียบที่ตรงไหน ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมถึงถูกปฏิเสธ หรือที่สยามเขาไม่เลี้ยงข้าวกลางวันคนงานกันเหรอ ถ้าอย่างนั้น..." "พ่อหนุ่มๆ ช้าก่อนๆ เลี้ยงสิดี ใช่แล้ว ถูกต้องแล้ว ว่าแต่ที่ดินที่ว่าอยู่ไหนนะ" "ผมไม่กล้าหรอกครับ ได้ยินว่าต้องติดต่อเช่าแรงงานจากหัวหน้าหมู่บ้าน ผม...ผมจะลองไปหาหัวหน้าหมู่บ้านดูอีกรอบก่อนดีกว่า" ว่าแล้วจงก็จ่ายตัง แล้วยังยิ้มขอบคุณป้าเจ้าของร้านอาหารอีกรอบ "พ่อหนุ่ม พวกเรารอทำงานอยู่นะ" เสียงไล่หลังมา จนกระทั่งเมื่อจงมาถึงบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน ข่าวลือการจ้างงานแสนยุติธรรมโดยเ**กที่มาดูแลที่ดินของเจ้าหญิงประภา ก็กระจายไปทั่วหมู่บ้าน หมู่บ้านแล้ว...หมู่บ้านเล่า ถึงอย่างนั้นชาวบ้านก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าหัวหน้าหมู่บ้านทุกๆหมู่บ้าน ล้วนแต่ปฏิเสธที่จะมอบแรงงานให้เช่า จนพวกเขากระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุข แต่แล้วเมื่อวันถัดมา เห็นรถคอกขนคนงานห้าสิบคนเข้าไปในพื้นที่ของเ**กผู้มาใหม่ ชาวบ้านก็ได้แต่กัดผ้าเช็ดหน้าด้วยความริษยา เงินก็ให้ตามที่กรมแรงงานกำหนด ยังมีเลี้ยงข้าวเที่ยงอีก ทำไมหัวหน้าหมู่บ้านของตนถึงได้ปฏิเสธข้อเสนอดีดีแบบนั้นนะ เพราะมันเป็นงานอันตรายงั้นเหรอ เมื่อสงสัยก็เริ่มมีคนอยากรู้ บางคนไปสืบจากตลาดพวกอพยพ และได้รู้ว่างานที่ต้องทำก็แค่งานสวนทั่วไป แค่ขนดินลงมาเท่านั้นเอง แถมไม่ต้องจับเสียมจับจอกขุดดินทำไร่ เพราะเ**กคนนั้นจ้างรถไถมาต่างหาก ที่ต้องทำก็แค่ขุดดินบนเขาใส่ถุงปุ๋ยเอาไว้แค่นั้น งานง่ายๆแบบนี้มันอันตรายตรงไหนกัน ไม่เห็นเหมือนที่หัวหน้าหมู่บ้านบอกเลย ในที่สุดชาวบ้านก็เกิดการประท้วง จนหัวหน้าหมู่บ้านไม่สามารถรับมือได้ ไม่นานการฟ้องร้องก็ประทุขึ้น จากหนึ่งหมู่บ้านกลายเป็นสิบหมู่บ้านที่อยู่รอบๆ ขณะที่สวีนั่งมองจงที่กำลังตั้งโต๊ะ รับลงทะเบียนแรงงานซึ่งมาขอทำงานด้วยมากกว่าสามร้อยคนในวันถัดมา "ทำได้ดีมาก" สวีพูดกับหลงที่ยืนอยู่ข้างกัน "ขอบคุณครับแม่ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความเฉลียวฉลาดของจง ถึงอย่างนั้น...เจ้านั่นก็ใจอ่อนเกินไป" "เพราะเรื่องเด็กๆ และคนชรางั้นเหรอ" สวีมองเด็กและคนชราที่ถูกรับทำงานด้วยค่าแรงครึ่เดียว ซึ่งมีจำนวนไม่น้อย แถมพวกเขายังมาเพื่ออาหารฟรีหนึ่งมือมากกว่าที่จะมาตั้งใจทำงาน "งานของเราเร่งรีบ แต่กลับยังรับตัวถ่วง..." "เด็กๆ ผู้หญิง และคนชรา คือตัวถ่วงในสายตาเธองั้นสินะ หลงเธอยังมองภาพรวมได้น้อยเกินไป" สวีส่ายหน้า รู้สึกว่าชิงหลงช่างเหมือนฮ่องเต้ทั่วไปในราชวงศ์ทั้งหลายของจีนจริงๆ โง่เขลาสิ้นดี "ผมอาจจะใช้คำพูดแรงไปหน่อย" "ไม่เลย มันไม่ใช่คำพูดที่แรงเกินไป แต่ความคิดของเธอยังไม่ลึกซึ้งมากพอ เธอมองไปที่คนงานเหล่านั้นแล้วเห็นอะไรบ้าง?" "พวกเขายิ้ม...กินข้าว...แล้วก็ทำงาน" "เอาเป็นว่าฉันจะไม่บอกให้เธอมอง ลองดูคนพวกนั้น แล้วดูคนที่เพิ่งออกไปไม่คิดทำงานกับเราพวกนั้น ทีนี้ รู้สึกยังไง" หลงชะงักอย่างแรง เขาเองก็สังเกตเห็นสิ่งที่จงทำ "หัวหน้าเราสามารถนำพ่อแม่และลูกมาที่ทำงานด้วยได้จริงๆใช่มั้ย" "ใช่ พวกเขาจะได้รับอาหารกลางวันเหมือนๆกัน" "ข่าวลือเป็นจริงจริงๆด้วย ทำไมถึงมีเจ้านายที่ดีขนาดนี้อยู่ด้วย" "เจ้านายที่ดีอะไรกัน ฉันไม่เห็นว่าจะดีตรงไหน เด็กๆมาเกะกะขวางการทำงาน พวกคนแก่ก็เงอะงะ ฉันไปทำงานรับจ้างที่ท่าเรือยังได้มากกว่านี้" ชายคนหนึ่งแสดงความไม่พอใจที่ต้องมาเสียเวลาต่อแถวยาวๆ แล้วยังมีเด็กๆวุ่นวายในที่ทำงานเต็มไปหมด "นอกจากนี้ข้าวนั่นก็เอาไว้ให้คนทำงานกิน คนไม่ทำงานจะได้กินได้ยังไง แถมยังจ่ายให้กับคนแก่ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย พอๆกับพวกเราด้วยซ้ำ ไม่ยุติธรรมเลย" "คุณคิดว่าแบบนั้นไม่ยุติธรรม ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องทำงานกับเรา และกลับไปที่ท่าเรือก็น่าจะได้เงินมากกว่าใช่มั้ยครับ" จงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม หลายคนได้ยินอย่างนั้นก็หัวเสียและรีบจากไป เพราะพงษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเป็นคนที่พวกเขาไม่กล้ายุ่งด้วยจริงๆ "ไ*****กหน้าตี๋ อย่าให้เห็นแถวท่าเรือนะโว้ย" ยังไม่วายตะโกนกลับมา แล้วรีบวิ่งหนีไปด้วยกลัวอำนาจของพงษ์เหมือนเดิม "ขอบคุณนะครับน้าพงษ์" จงหันไปขอบคุณพงษ์ที่ออกมาช่วยเสียเวลายืนเฝ้าเขารัยสมัครแรงงาน "เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว" พงษ์ตอยแคีนั้นเลยไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ กระทั่งชาวบ้านที่มาลงทะเบียน แต่คนที่เหลือยู่ส่วนใหญ่ก็มาเพื่อทำงานและไม่ใช่กลุ่มคนที่ชอบสร้างความวุ่นวาย แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ดูวุ่นวาย เพียงเพราะผู้ใหญ่หลายคนไม่ชอบเด็ก สวีเห็นอย่างนั้นก็หันไปพูดกับหลง "เด็กๆมีพ่อแม่ พ่อแม่ก็มีพ่อแม่ของพวกเขา คนชราที่พวกเขาต้องดูแลที่บ้าน หรือเด็กๆที่พวกเขาต้องเป็นห่วง แต่เรามีลานกว้างๆ มีศาลาใหญ่ๆ ห้องน้ำชั่วคราว และอาหารมากพอที่จะให้พวกเขามาอยู่ที่นี่ ขณะที่พ่อแม่หรือลูกๆกำลังทำงานได้" "จงดูเหมือนจะให้ค่าจ้างเพิ่ม แต่เขาได้ลดค่าจ้างของแรงงานหลักลง แล้วนำมาโปะตรงนี้" "แล้วอาหารส่วนที่ขาดไปล่ะครับ" หลงเอ่ยถามอย่างสับสน "หลง เธอรู้มั้ยว่าจงมีเงินเดือน ไม่น้อยไปกว่าเธอและหง" หลงได้ยินอย่างนั้นก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย นี่เป็นเรื่องที่เขารู้ ข้ารับใช้ทั้งสิบคนล้วนมีเงินเดือนไม่น้อย นี่เพราะมารดาของเขา สวี เป็นคนใจดีมากและไม่เคยแบ่งแยกเลยว่าคนเหล่านั้นคือข้ารับใช้ และตนเองเป็นนาย "จงสละเงินเดือนของตนเพื่อพวกเขา" "อย่างนี้ไม่เสียต้นทุนเพิ่มอีกมากหรือครับ ในทางธุรกิจแล้วไม่เป็นผลดีเลย" "แต่อย่างที่เธอเห็น พ่อแม่ไม่ต้องห่วงก็ทำงานได้มากขึ้น มีแรงงานฟรีเพิ่มขึ้นจากแรงงานคนชราที่มาช่วยทำงานเล็กๆน้อยๆ ทำให้แรงงานปกติทำงานเร็วขึ้น และมีเวลาให้พวกเขาพักผ่อนมากขึ้น แวะเวียนมาเยี่ยมลูกๆเป็นครั้งคราว ที่เราเสียคืออะไร อาหาร? แรงงานข้ารับใช้หญิงห้าคน แล้วอะไรอีกล่ะ?" "หลง เธอรู้มั้ยว่าสิ่งสำคัญที่สุดในโลกนี้คืออะไร" "ไม่รู้ครับ เงิน?" "เงินก็สำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าคือเวลา เพราะมนุษย์ทุกคนมีเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงเท่ากันทั้งหมด ไม่สามารถให้มีมากกว่าหรือน้อยกว่าได้ กำหนดไม่ได้และเวลาเดินไปเรื่อยๆโดยไม่สามารถหยุดไว้ได้" "แรงงานเพิ่ม งานเสร็จเร็วขึ้น คุณแม่...จง...เป็นอัจฉริยะจริงๆครับ" หลงกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ดวงตาจ้องมองจง เขาแพ้อีกครั้งแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD