ตอนที่ 4 หายไปกับรัตติกาลอย่างเงียบงัน

1476 Words
จวนใหญ่จุดไฟสว่างไปทั้งหลัง พวกเขาพยายามค้นหาตัวคุณหนูสามเพียงแต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็หาไม่พบ เริ่นฉือโจวออกคำสั่งให้บุตรชายนำกำลังออกตามหาบุตรสาวคนเล็กที่หายไป เม่าหยวนออกตามหาน้องสาวทั้งคืนจวบจนเช้าก็ไร้วี่แวว “ข้าคงต้องไปคุยเรื่องนี้กับใต้เท้าหลี่” งานแต่งจะมีวันนี้แต่เจ้าสาวกลับหายไป เขาจนปัญญาจะทำอะไรแล้วจริง ๆ ลูกสาวก็ต้องตามหา งานมงคลก็ต้องเริ่มดำเนินการ “ลูกจะไปตามอีกหน” เริ่นเม่าหยวนอาสา เขาเองก็ร้อนใจไม่แพ้ผู้ใด “อืม เจ้าไปเถอะ หาน้องให้เจอนะ” มือของชายวัยกลางคนกุมไหล่บุตรชายแน่น เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้วขอเพียงตามหานางให้พบเท่านั้น ฉือโจวไม่รู้เลยว่าเพราะเหตุใดนางจึงหายไป นี่คือความตั้งใจของเม่ยเอ๋อร์หรือว่านางถูกพาตัวไปกันแน่ ที่ผ่านมาลูกสาวว่านอนสอนง่ายมาตลอดไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตนเลยจริง ๆ “ขอรับท่านพ่อ!” ชายหนุ่มพลิกกายขึ้นม้าและควบออกไปอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ หรือว่าน้องสามไม่อยากแต่งกับคุณชายหลี่กันนะเจ้าคะ” หลิงเซียวเข้ามาประคองร่างบิดาเอาไว้ “เม่ยเอ๋อร์ไม่เคยบอกอะไรพ่อเลย นางกล่าวเช่นนั้นกับเจ้าหรือ” “น้องสามเคยพูดไว้ว่า นางกับคุณชายหลี่เป็นเหมือนคนรู้จักแต่มิใช่คนรักลูกเองก็มิได้ถามต่อ ลูกผิดเองเจ้าค่ะที่ไม่ดูแลน้องให้ดี” หยาดน้ำใสไหลอาบใบหน้าสวยสด หลิงเซียวสะอื้นไห้จนดูน่าสงสาร “เราต้องหาน้องเจอแน่ ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร” ผู้เป็นพ่อกล่าว เขาต้องเป็นเสาหลักที่เข้มแข็งในวันที่ทุกคนอ่อนแอ “เจ้าช่วยดูแลทุกคนที่นี่ไปก่อน พ่อจะขอไปคุยกับใต้เท้าหลี่เรื่องงานวันนี้แล้วจะรีบมา หากพบตัวน้องแล้วให้คนไปแจ้งพ่อด้วย” “เจ้าค่ะ” หลังจากนั้นเริ่นฉือโจวก็หายไปพักใหญ่ เขากลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี หลี่หยินหลง เป็นมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของราชสำนัก เขาโกรธมากที่งานแต่งครั้งนี้เกิดปัญหา ฝ่ายเจ้าบ่าวเตรียมพร้อมแล้วทุกสิ่งอยู่ ๆ งานกลับจะล่มไม่เป็นท่าแค่คิดชายสูงวัยก็รู้สึกเสียหน้ามากพอแล้ว “กะ เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” เริ่นฮูหยินที่เพิ่งฟื้นหลังจากหมดสติไปเข้ามาถามไถ่ความเป็นไปกับสามี “หลิงเอ๋อร์” คำแรกที่หัวหน้าครอบครัวพูดออกมาจากปากกลับเป็นชื่อของลูกสาวอีกคน “เจ้าค่ะท่านพ่อ” นางรับคำและรีบเข้าไปหาแม้จะถูกฮูหยินมองอย่างเย็นชาก็ตาม “เจ้าช่วยแต่งงานแทนน้องทีได้หรือไม่” “ทะ ท่านพี่” เริ่นฮูหยินรู้สึกราวกับว่าจะเป็นลมไปอีกหน นางปล่อยมือออกจากสามีโดยมีถานเจ๋อเสว่ช่วยประคองไว้ “พี่ทำดีที่สุดแล้วน้องหญิงแต่ทางตระกูลหลี่ไม่ยอมท่าเดียว พวกเขายินดีหากเจ้าสาวจะเป็นหลิงเอ๋อร์อย่างน้อยก็เพื่อให้งานวันนี้ผ่านพ้นไปได้” จือโฉวกุมใบหน้าเอาไว้ก่อนที่น้ำตาสายแรกของเขาจะไหลออกมา ชายวัยกลางคนไม่รู้แล้วว่าต้องทำสิ่งใดต่อ ยามเย็นย่ำเมื่อขบวนเจ้าบ่าวเคลื่อนมายังบ้านเจ้าสาว บรรยากาศด้านในจวนสกุลเริ่นอึดอัดต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง เม่าหยวนผู้เป็นพี่เป็นคนอุ้มเจ้าสาวไปส่งยังเกี้ยวที่ฝ่ายชายเตรียมมารับ “หลิงเอ๋อร์ขอบคุณมากที่ทำเพื่อตระกูล เดี๋ยวพี่กับท่านพ่อจะตามไปนะ” เริ่นเม่าหยวนเป็นพี่ชายต่างมารดาของหญิงสาวก็จริงแต่สำหรับเขาคำว่าน้องสาวไม่มีแบ่งแยก หากวันนี้คนที่หายไปเป็นหลิงเซียว เขาก็จะตามหาจนพลิกฟ้าเช่นเดียวกัน “เจ้าค่ะ เรื่องน้องสามข้าคงช่วยตามหามิได้เพราะต้องเข้าพิธีวิวาห์ ท่านพี่ได้โปรดหาน้องให้พบนะเจ้าคะ” เจ้าสาวในชุดแพรไหมสีแดงสดกล่าว “เจ้าวางใจเถอะ” เกี้ยวขนาดหกคนหามเคลื่อนตัวออกไปพร้อมกับเจ้าสาวที่นั่งอยู่ด้านใน คนใหญ่คนโตไม่สนใจหรอกว่าคนที่แต่งกันเป็นผู้ใด สิ่งที่พวกเขาสนใจคือตระกูลใดกำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกันต่างหาก เมื่อขบวนเจ้าสาวมาถึงยังบ้านฝ่ายชาย ปลายทางมีหลี่ป๋ายจวิ้นในชุดแดงยืนรออยู่ก่อน เขาเปิดม่านแล้วรับตัวเจ้าสาวลงมาจากเกี้ยวก่อนที่ทั้งสองจะเข้าพิธีมงคลท่ามกลางความตระการตาที่จัดขึ้นเพื่อรอต้อนรับ โดยมีญาติฝ่ายสาวเข้าร่วมเพียงสองคนได้แก่เริ่นฉือโจวและเม่าหยวน ภาพบ่าวสาวสองคนจับจูงกันเข้าประตูที่ประดับไปด้วยโคมมงคลพร้อมแขกเหรื่อหลายร้อยช่างตราตรึงใจผู้คนรอบด้านยิ่งนัก งานแต่งคราวนี้จะถูกกล่าวถึงไปอีกนานแสนนาน ห้องหอ หลี่ป๋ายจวิ้นกลับเข้ามายังด้านในห้องหอหลังจากออกไปทักทายแขกที่มาร่วมงาน ร่างโปร่งตรงเข้าไปสวมกอดภรรยารัก เขาดึงผ้าคลุมหน้าออกก่อนจะยิ้มพอใจเมื่อเห็นว่าเจ้าสาวของเขาในค่ำคืนนี้คือหลิงเซียว มื้อกร้านเอื้อมไปดึงสายรัดเอวบางออกเพื่อปลดชุดแต่งงานตัวยาวจากร่างอ้อนแอ้น ผิวกายของนางยังมีรอยรักที่เขาประทับทิ้งไว้เมื่อคืนไม่จางหาย ไม่รู้ว่านางใช้วิธีใดปกปิดมันกันแต่หลังจากนี้นางคงไม่ต้องเก็บซ่อนอีกต่อไป “เราควรเกรงใจน้องสามหน่อยหรือไม่เจ้าคะ” น้ำเสียงหวานร้องบอกหลังจากที่ใบหน้าหล่อเหลาของสามีกำลังเคลื่อนลงต่ำ ที่ตรงนี้หรือว่าชุดแดงปักอันตระการตานี่ก็เคยเป็นของน้องสาม กระทั่งบุรุษเบื้องหน้าก็เคยเป็นของเม่ยเซียน ทว่ายามนี้ทุกสิ่งของน้องสาวกลายมาเป็นของนางจนหมดสิ้น “นางนอนอยู่ก้นแม่น้ำจะมารับรู้อะไร” บุตรชายมหาเสนาบดีกล่าวก่อนที่จะลากลิ้นผ่านส่วนอ่อนไหวของภรรยา เขาปรารถนาในตัวนางมาตลอด เวลานี้มีนางอยู่ข้างกายสมกับที่ชายหนุ่มเฝ้าอดทนมาตลอดหลายปียังจะต้องเกรงใจใครอีก หลังจากนั้นแม้จะผ่านงานสมรสไปแล้วตระกูลเริ่นก็ยังไม่มีผู้ใดตามหาคุณหนูสามพบราวกับนางหายไปกับรัตติกาลอย่างเงียบงัน เริ่นฮูหยินผู้เป็นมารดายังคงออกคำสั่งให้บ่าวรับใช้คอยทำความสะอาดหอนอนของนางอยู่เสมอเผื่อวันใดที่เจ้าของกลับมาจะได้มีห้องให้ใช้ มีเสื้อสะอาดให้ใส่ ยิ่งกว่านั้นสองสามีภรรยาก็มักจะนั่งอยู่หน้าบ้านยามไม่มีสิ่งใดทำ เวลาไปไหนก็คอยสอดสายตาหาหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเม่ยเซียนอยู่เสมอ ทุกคนที่รักนางยังคงเฝ้ารอการกลับมาของโฉมสะคราญแม้เวลาจะล่วงเลยไปหลายปี ……………………………………………………….. ……………………….. แผ่นน้ำเย็นยะเยือกและมืดมิด ความทรมานเริ่มต้นจากความเย็นที่แผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย ตามมาด้วยลมหายใจที่ค่อย ๆ โรยริน ภาพสุดท้ายก่อนที่เม่ยเซียนจะจากโลกใบนี้ไปมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น หญิงสาวรู้ดีว่าตนเองมิอาจเอาตัวรอดได้และไม่คาดหวังว่าจะมีผู้ใดตามมาช่วย ชีวิตของนางกำลังจะจบลงตรงนี้ หากย้อนเวลากลับไปได้นางคงไม่นำปิ่นเล่มนั้นไปให้พี่สาวต่างมารดาที่เรือนท้ายจวนจะได้ไม่ต้องเห็นเรื่องที่พวกเขากระทำกัน ไม่สิ… เรื่องที่คนพวกนั้นทำมันผิดต่อนางเหตุใดต้องเป็นนางที่เจ็บปวด เหตุใดคนเลวสองคนถึงได้มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขส่วนนางต้องมาตายในที่แบบนี้ ‘หากข้าย้อนกลับไปได้จริง ข้าปรารถนาจะหวนคืนกลับไปในช่วงเวลาที่สามารถลากพวกเจ้าไปลงนรกได้ยังจะดีเสียกว่า’ เปลือกตาคู่งามปิดลงพร้อมกับร่างเล็กที่จมลงสู่ก้นแม่น้ำช้า ๆ นางจะหลับใหลไร้วันตื่นที่ก้นแม่น้ำสายนี้ไปตลอดกาล…. ........................................................................................... อยากมอบรางวัลหน้าหนายอดเยี่ยมให้หลิงเซียวเลย หล่อนสตอมาก งานแต่งของผีเน่าโลงผุศีลเสมอกันเลยอยู่ด้วยกันได้ ฮือ สงสารลูกสาว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD