ตอนที่ 5 ชายชั่วผู้นี้ข้ายินดีจะยกให้

1333 Words
ใครจะคิดว่าเริ่นเม่ยเซียนสามารถย้อนเวลากลับมาได้จริง ๆ นางสะดุ้งตื่นขึ้นท่ามกลางหอนอนที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศเดิม ๆ ร่างบางตบหน้าเรียกสติอีกหลายครั้งก่อนจะพบว่าเจ็บจริงอย่างไม่ต้องสงสัย “ข้าย้อนกลับมาได้ยังไง” คนงามพึมพำกับตนเองก่อนที่ประตูหอนอนจะถูกเปิดออกพร้อมการมาของบ่าวรับใช้คนสนิท “ทะ ทำอะไรหรือเจ้าคะคุณหนู” ถานเจ๋อเสว่ชะงัก นางพุ่งตัวไปยังเตียงของเจ้านายเพื่อดูหน้าที่มีรอยมืออยู่ครบทั้งสิบนิ้ว “เปล่า ข้าไม่ได้ทำอะไร…” อันนี้จริงก็ทำนั่นแหละ “ไม่ได้ทำอะไรเล่าเจ้าคะ ดูสิแดงหมดแล้ว เจ็บมากหรือไม่ คราวหลังอย่าทำอีกนะเจ้าคะ ร่างกายเป็นสิ่งที่พ่อแม่มอบให้มาคุณหนูต้องรักษาไว้เป็นอย่างดีมิเช่นนั้นพวกท่านจะเสียใจเอาได้ แค่บ่าวต้องมาเห็นผิวบาง ๆ เป็นรอยแบบนี้ก็เจ็บไปด้วยจะแย่แล้ว” มือหยาบกร้านลูบเบา ๆ บนรอยแดง เจ๋อเสว่ดูแลคุณหนูสามมาตั้งแต่นางยังเล็ก พวกนางอายุห่างกันไม่ถึงห้าปีด้วยซ้ำนั่นทำให้บ่าวคนสนิทรู้สึกราวกับว่าเจ้านายตัวน้อยเป็นน้องสาวของตนก็ไม่ปาน ความรู้สึกเป็นเพียงสิ่งไร้รูปร่าง กระนั้นกลับสัมผัสได้ด้วยใจ รอยแดงแค่นี้ไม่นานก็หายแล้วแต่สตรีเบื้องหน้ากลับมองมาด้วยความเป็นห่วง ความเจ็บปวดเพียงเท่านี้เทียบไม่ได้กับตอนที่นางตกจากที่นั่งในรถม้า ตอนถูกลากลงมากระแทกพื้นทั้งที่แขนสองข้างโดนมัดแน่นหรือตอนที่กำลังจะสิ้นใจจากการขาดอากาศใต้ผิวน้ำเย็นเยียบ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นทำให้หวาดกลัว เจ็บปวด เสียใจ ทรมาน ความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันให้วุ่นก่อนจะกลั่นออกมาเป็นน้ำตาหนึ่งสาย “เจ็บหรือเจ้าคะ เดี๋ยวข้าไปนำยามาทาให้ดีหรือไม่” “ไม่เป็นไร แค่เจ้าอยู่ตรงนี้ด้วยกันก็ดีมากแล้ว” เม่ยเซียนยิ้มทั้งน้ำตา นี่เป็นครั้งแรกที่เจ๋อเสว่เห็นเจ้านายร้องไห้ด้วยความทุกข์ถึงเพียงนี้ บ่าวคนสนิทเอื้อมไปรั้งร่างเล็กมากอดไว้พร้อมทั้งปลอบประโลมอยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะสงบลง “ข้าอยู่นี่แล้วเจ้าค่ะ” มือเล็กลูบแผ่นหลังที่กำลังสั่นไหวของเจ้านายไปมา เมื่อตั้งสติได้โฉมสะคราญก็ถามไถ่ถึงวันเวลาที่นางอยู่ในตอนนี้และพบว่านี่คือช่วงเวลาสามเดือนก่อนที่นางจะสิ้นลม ตระกูลเริ่นและตระกูลหลี่หมั้นหมายทายาทเอาไว้หลายปีแล้ว เวลานี้น่าจะกำลังพูดคุยกันเรื่องการแต่งงานเพื่อเชื่อมสองบ้านเป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่ ไม่รู้ว่าสวรรค์มีตาหรือนรกกำลังเพรียกหาชายโฉดหญิงชั่วนั่นอยู่กันแน่ถึงได้ส่งนางกลับมาเป็นเพชฌฆาตเช่นนี้ เริ่นเม่ยเซียนสัญญาว่าจะไม่ทำให้พวกเขาต้องผิดหวัง “เจ๋อเสว่ เจ้าช่วยข้าแต่งตัวหน่อยได้หรือไม่ เราจะไปพบท่านย่ากัน” ใบหน้างามล้ำแย้มยิ้มบอกกับบ่าวข้างกาย “ได้สิเจ้าคะ” ถานเจ๋อเสว่เดินไปเรียกบ่าวด้านนอกให้เข้ามาเตรียมน้ำให้คุณหนูอาบ จากนั้นจึงหันไปหยิบอาภรณ์มาจัดวางไว้ หลังจากที่คุณหนูสามแต่งตัวเสร็จนางก็เป็นคนช่วยม้วนผมให้ ไม่รู้ว่าเจ๋อเสว่คิดไปเองหรือไม่แต่วันนี้คุณหนูดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด แววตาสีดำสนิทเคยเปล่งประกายสดใสวันนี้กลับลึกล้ำราวหุบเหวลึกไร้ก้นยากเกินอ่านออก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีพวกนางจึงออกจากห้อง ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นสตรีสูงวัยที่ยังแข็งแรงแม้อายุจะล่วงเลยไปมากแล้ว หญิงชรามักไปไหว้พระสวดมนต์ที่วัดอยู่เสมอ บางครั้งก็จัดโรงทานให้ชาวบ้านยากไร้ด้วย วันนี้นางก็กำลังเตรียมตัวไปวัดตั้งแต่เช้า “ท่านย่าให้หลานไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวเดินมายังจวนด้านหน้าโชคดีเหลือเกินที่มาทันรถม้าของฮูหยินผู้เฒ่า “มีอะไรถึงได้มาทำบุญกับย่าตั้งแต่เช้านะ” แววตาแข็งกร้าวของหญิงชราแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นเมื่อเห็นหลานสาวคนโปรดมาหา “เมื่อคืนหลานฝันร้ายเลยอยากไปทำบุญกับท่านย่าเจ้าค่ะ” ริมฝีปากระเรื่อยิ้มให้ “มาสิ” มือเหี่ยวย่นยื่นมาให้เม่ยเซียนกุมไว้ก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นรถม้าไปด้วยกัน “มีอะไรก็พูดมาเถอะ” ตู้หวาซิน เอ่ยถามหลังจากที่รถม้าเคลื่อนออกมาจากจวนได้พักหนึ่ง “มีเรื่องใดบ้างที่หลานสามารถปิดบังท่านย่าได้เจ้าคะ” ดรุณีน้อยระบายยิ้มออกมา ต่อให้นางจะปิดบังความคิดไว้เพียงใดเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านย่า ความคิดเหล่านั้นก็ถูกอ่านออกได้อย่างง่ายดาย “เพราะย่าอยู่มาจนหัวงอกแล้วต่างหาก เมื่อก่อนก็เคยเป็นเด็กสาวเช่นเจ้า ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาขนาดนี้หากยังดูคนไม่เป็นก็แก่ตายไปเถอะ” เรื่องปากคอเราะร้ายของตู้หวาซินเป็นที่กล่าวขานไม่แพ้ความเมตตาของนาง ถ้ามีการจัดอันดับรายชื่อของคนที่ไม่อยากมีผู้ใดเป็นศัตรูด้วยหนึ่งในนั้นย่อมมีชื่อฮูหยินผู้เฒ่าท่านนี้อยู่แน่นอน “หลานไม่อยากแต่งงานเจ้าค่ะ” “หืม เจ้าทำย่าตกใจอยู่นะเม่ยเอ๋อร์” หลานสาวเป็นเด็กใสซื่อไม่ทันคนเท่าไหร่เรื่องนี้หวาซินรู้อยู่แก่ใจ ดังนั้นตอนที่รู้ว่าสามีผู้ล่วงลับทำสัญญาหมั้นหมายกับเจ้าบ้านหลี่ นางก็อยากจะไปปลุกสามีที่นอนในหลุมขึ้นมาด่าอีกรอบให้สาแก่ใจ แต่ก็มิได้ปริปากอะไรเพราะเห็นว่าเม่ยเอ๋อร์เองก็ดีใจกับการหมั้นครั้งนี้ หญิงชราจึงไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเมื่อครู่จากปากหลานรักเลยจริง ๆ “ท่านย่าพอจะชี้หนทางให้หลานได้หรือไม่เจ้าคะ” ตระกูลหลี่นับเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่มีอายุเก่าแก่ นอกจากพวกเขาเป็นบ้านที่ได้รับบรรดาศักดิ์พระราชทานขั้นโหว ยังมีตำแหน่งขุนนางเป็นถึงมหาเสนาบดี การจะถอนหมั้นจึงมิง่าย “เรื่องวิธีก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าสัญญาที่เกิดขึ้นแล้วการจะยกเลิกนั้นเกรงว่าคงเกิดผลเสียมากกว่าผลดี” หญิงชราขบคิดถึงสิ่งที่อาจตามมาจากการตัดสินใจครั้งนี้ “แล้วถ้าหลานไม่ยกเลิกเล่าเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมาจากสตรีที่นั่งตรงกันข้าม “หมายความว่ายังไง” “บุตรสาวตระกูลเริ่นมิได้มีเพียงคนเดียวเสียหน่อย พี่รองต้องยินดีมากแน่หากนางได้แต่งกับคุณชายหลี่” เม่ยเซียนยังคงจดจำใบหน้าและรอยยิ้มของสตรีผู้นั้นได้ดี หลิงเซียวคงภูมิใจมากที่ได้กายใจของหลี่ป๋ายจวิ้นไป นางเก็บซ่อนใบหน้าบิดเบี้ยวนั้นเอาไว้ภายใต้หน้ากากของพี่สาวแสนดีมาตลอดสิบแปดปีทั้งที่ลับหลังลอบเป็นชู้กับชายที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วโดยมิได้รู้สึกผิดสักนิด การได้ย้อนเวลากลับมาในครั้งนี้เริ่นเม่ยเซียนไม่เคยคิดเสียดายคู่หมั้นคนนั้นเลยสักนิดเดียว ซ้ำยังมองว่าพวกเขาช่างเหมาะสมกันเสียยิ่งกว่าผีเน่าโลงผุ หลิงเซียวหากเจ้าอยากได้ชายชั่วผู้นี้ข้าก็ยินดีจะยกให้ ........................................................................................... โยนให้หมามันกินไปเลยลูกเนื้อเน่า ๆ แบบนี้ ปล่อยให้ผีสองตัวลงหลุมไปพร้อมกันเลย

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD