ความเดิม
"สวัสดีบุญเก็บ เรียกพี่สาวคุณมาเปิดประตูให้ผมหน่อยครับ เร็ว ๆ นะครับ" ปกรณ์พูดจาล้อเลียนพยักเพยิดกับสุนัขแสนรู้ไปพลาง ๆ แก้เบื่อก็เพลินดี
..หู้ว...เอร๋อ.....ฮู่ ฮ่า.... (เจ้าตูบก็คุยไม่หยุด)
.............................................
"อ้าวสวัสดีค่ะคุณอา คุณลุงเปรมกิจมาด้วยหรือเปล่าคะ เดี๋ยวรอแป๊บนะคะ หนูไปเอากุญแจบ้านก่อน....." (เด็กสาวรีบสับเท้าเข้าไปในบ้านแล้วเดินออกมาไขกุญแจประตูรั้วและเปิดออกกว้างเพื่อให้แขกผู้มาเยือนนำรถเข้ามาจอดข้างในบ้าน)
"สวัสดีค่ะคุณลุง ทานข้าวทานยาแล้วเหรอคะ" อัญญารินทร์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับปลายตาไปมองอีกคนทำเอาคนที่พามารู้สึกผิดขึ้นมาตะหงิด ๆ
อีกด้านของอรัญญาที่วันนี้เธอลาพักร้อนเพื่อเตรียมเอกสารหลักฐานและเตรียมเงินสดไว้ส่วนหนึ่งสำหรับเรื่องมอบตัวลูกสาวในส่วนที่เจ้าหน้าที่ไม่รับเงินในรูปแบบการโอนผ่านแอพพลิเคชั่น
"ใครมาหรือจ๊ะน้องเอ๋ย แม่ได้ยินเสียงบุญเก็บคุยกับใครไม่หยุดเลย ป้ากรองหรือป้าเหมียวล่ะ" อรัญญาเอ่ยถามลูกสาวเสียงเจื้อยแจ้วเพราะเข้าใจว่าเป็นผู้ร่วมงานหรือคนรู้จักมาเยี่ยมเยียนกันตามประสา แต่ต้องยืนอึ้งอยู่พักใหญเมื่อเห็นคนที่หนีมาตลอดชีวิต พร้อมกับดึงข้อศอกลูกสาวเข้ามาใกล้ตัว จนทำให้อัญญารินทร์ต้องถอยหลังมาหนึ่งก้าวเพื่อทรงตัว
"อัน...อัน....พี่คิดถึง...ฮึ่ก ๆ....." ชายวัยกลางคนถึงกับสะอื้นไห้เมื่อเห็นหญิงที่รักดั่งดวงใจยืนอยู่ตรงหน้าและพยายามเดินเข้าไปหาอย่างช้า ๆ ดวงตาจับจ้องที่ดวงหน้าแม่ของลูกอย่างมุ่งมั่น
"พี่กิจ!!!!!....หยุด...หยุด....หยุดอยู่ตรงนั้น แล้วออกไปจากบ้านของฉั๊น คุณก็ด้วย คุณพาเค้าพาใช่มั๊ย ฉั๊นรบกวนให้คุณช่วยพาเค้าออกไปจากที่นี่ที ที่นีไม่มีใครต้อนรับพวกคุณ"
"แม่คะ ทำไมแม่พูดเสียงดังใส่คุณลุงแบบนี้ล่ะคะ คุณลุงป่วยเป็นหลอดเลือดสมองแตก มีรอยโรคอยู่นะคะ หนูเคยอ่านในบทความของแพทย์ ในนั้นบอกว่าไม่ควรพูดจารุนแรงกับคนไข้กลุ่มนี้นะคะ อาจจะมีอาการป่วยซ้ำซ้อนได้ ถ้าคุณลุงตกใจหรือตื่นเต้น มีเลือดออกในสมองอีกจะทำยังไงคะ" อัญญารินทร์กล่าวอย่างตรงไปตรงมาเพื่อหวังให้มารดาหยุดถ้อยคำรุนแรงที่อาจจะเป็นผลเสียต่อคนป่วย
"น้องเอ๋ยไม่เข้าใจหรอกลุก เข้าบ้านไป มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แม่บอกให้เข้าบ้านไปเดี๋ยวนี้.." อรัญญาสั่งลูกสาวเสียงเข้ม
"......." อัญญารินทร์เงียบ แต่มีน้ำคลอหน่วยในตาพร่างพราวเต็มไปหมด เดินเข้าไปในบ้านแบบหงอย ๆ อย่างน่าสงสาร
ด้านอรัญญาที่เห็นว่าลูกสาวเข้าบ้านไปแล้วจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วหันมาประจันหน้ากับแขกผู้มาเยือน
"เชิญนั่งก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเมื่อย แล้วรีบพูดธุระของพวกคุณมา" อรัญญาพูดห้วน ๆ แต่ยังคงรักษากิริยาอยู่
"เอ่อ สวัสดีครับผมชื่อปกรณ์ สหศิลป์ปรีชา ครับ เป็นลูกชายของป๊ากรพัฒน์ ผู้สืบสานเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษเรื่องการให้ทุนการศึกษาภายใต้มูลนิธิ สหศิลป์ปรีชา คือครอบครัวของผมรู้จักกับครอบครัวของเฮียกิจครับ ก่อนอื่นผมอยากอธิบายแทนพี่กิจนะครับ อย่าหาว่าละลาบละล้วงเลยเพราะลำพังพี่แกจะยืนจะเดินยังลำบาก เอาเท่าที่ผมทราบนะครับหลังจากที่แกอกหักก็ได้ข่าวว่าแกดื่มเหล้าหนักมาก ข้าวปลาอาหารไม่แตะจนวูบล้มไป ทางครอบครัวมาเห็นทันรีบนำส่งโรงพยาบาลได้เร็ว แพทย์พบเลือดออกในช่องสมอง และผ่าตัดได้เร็ว แต่ก็มีส่วนเสียหายไปบ้างทำให้เฮียกิจเป็นอย่างที่เห็น นี่ถือว่าดีมากแล้วนะครับ เมื่อก่อนเฮียกิจไม่ใช่แบบนี้ เพราะอะไรรู้มั๊ยครับ เพราะเฮียแกมีกำลังใจ ยอมให้ความร่วมมือกับแพทย์ พยาบาล นักกายภาพทุกอย่าง กำลังใจของเฮียแกก็คือแกรู้ว่ามีลูก ลูกที่เกิดจากพี่กับเฮียกิจไงครับ..."
"เหลวไหล ฮึ่ก...เอาอะไรมาพูด ฉั๊นไม่เคยมีลูกกับผู้ชายคนนี้ ฮึ่ก..." อรัญญาเอ่ยแทรกก่อนที่ปกรณ์จะพูดอธิบายต่อไป พร้อมกับสะอื้นไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น
"อัน กลับมาอยู่ด้วยกันนะ พี่รักอัน รักลูกนะ พี่คิดถึง ตอนที่พี่นอนหลับไปพี่ฝันเห็นอันในนั้น ตื่นมาพี่ก็คิดถึงอันแต่ไม่เห็นอันมาหาพี่เลย" เปรมกิจพยาพยามเรียบเรียงคำพูดอย่างที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อสื่อสารให้ภรรยาสุดที่รักฟัง
ด้านปกรณ์ที่ทนฟังอยู่นานได้เอ่ยขึ้นบ้าง
"ผมขออนุญาตครับ ผมขอร้องเถอะครับพี่ เฮียกิจแกไม่รู้เรื่องด้วยจริง ๆ แกทำแต่งาน ก่อนจะป่วยแกก็ดื่มเหล้าหนักจนวูบไป ผมก็เพิ่งมารู้เหตุผลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าเป็นเพราะอะไร พี่ช่วยถามใจตัวเองหน่อยเถอะครับว่าพี่ยังรักผู้ชายคนนี้อยู่หรือเปล่า เค้าเป็นแบบนี้ก็เพราะพี่นะครับ" ปกรณ์กล่าวอย่างเหลืออด
"เค้าป่วยเพราะตัวเค้าเองต่างหากล่ะ เขาไม่เข้มแข็งพอ ฉั๊นไม่ได้เอาเหล้าไปกรอกปากเค้านิ่" อรัญญาแย้งเสียงแข็ง
อีกด้าน
.....ปึ่ก..... เป็นเปรมกิจที่อยู่ในท่านั่งคุกเข่าแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาคลี่ออกแล้วยื่นให้คนตัวเล็กดู
"อัน พี่อยากดูแลอัน พี่อยากดูแลลูก ลูกของเราไง พี่อยากส่งเสียลูกให้ลูกได้เรียนสูง ๆ คุณพ่อก็เห็นด้วย ท่าน...."
"คุณทำได้ยังไง คุณละเมิดสิทธิ์ฉั๊นที่เป็นแม่ได้ยังไง ฉั๊นไปอนุญาตให้คุณตรวจ ดี.เอ็น.เอ.ลูกสาวฉั๊นตอนไหน ห๊ะ พวกคุณมันร้ายกาจ เลว เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว ไหนว่าเรามันคนละชั้นวรรณะกันไง แล้วทำไมถึงอยากมาเกี่ยวดองกับฉั๊น" อรัญญาพูดเสียงเข้มจนคอเป็นเอ็น
อีกด้านของคนทีออกมาจากข้างในบ้าน
"อะไรนะคะ เรื่องมันเป็นยังไงกันหรือคะคุณแม่ น้องเอ๋ย งง ไปหมดแล้ว!!!!!????"