บทที่ 14: การกลับมาของความอาฆาต
ตอนเย็นในวันหนึ่ง
มีนาเดินหิ้วถังน้ำไปยังแม่น้ำกับเพื่อนบ้านเช่นเคย ท้องของเธอโตมากจนรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องเคลื่อนไหว
แต่เธอไม่อยากให้ความเหนื่อยล้าในช่วงใกล้คลอดทำให้เธอรู้สึกไร้ประโยชน์ การออกไปตักน้ำเป็นหน้าที่ที่เธอทำประจำ และมันทำให้เธอยังคงรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในเผ่า
แต่ในขณะที่พวกเธอกำลังคุยเล่นและหยอกล้อกันอยู่ริมฝั่งน้ำ สายตาของมีนาก็เหลือบไปเห็นสิ่งแปลกประหลาดบนผิวน้ำ มีเรือหลายลำกำลังแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว นักรบต่างเผ่าบนเรือเหล่านั้นดูฮึกเหิมเต็มไปด้วยความกระหายในการสู้รบ พวกเขาพายเรือด้วยความแรงและเร็ว ประหนึ่งเตรียมตัวเข้าจู่โจมทันที
หัวใจของมีนากระตุกแรง ความกลัววิ่งพล่านในใจ เพื่อนบ้านของเธอก็เห็นเช่นกัน พวกเธอรีบตะโกนเตือนและวิ่งกลับไปที่ถ้ำของตนเองอย่างเร็วที่สุด แต่เพราะมีนาท้องแก่ ทำให้การวิ่งของเธอเป็นไปอย่างเชื่องช้าและลำบาก ความเจ็บปวดเริ่มแผ่ซ่านขึ้นมาตามร่างกาย แต่เธอก็ต้องวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด
เมื่อพวกเธอวิ่งกลับไปถึงถ้ำ ภาพที่เห็นทำให้ทุกคนต้องตะลึง เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นจากภายในถ้ำ ควันไฟดำทะมึนพวยพุ่งออกมาราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งที่ขวางหน้า แสงเพลิงทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัวและวิ่งหนีกันกระจายออกไปในทิศทางที่ต่างกัน
เสียงกรีดร้องดังสะท้อนไปทั่ว เผ่าของมีนาถูกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวทั้งทางน้ำทางบก
ไฟที่ลุกไหม้มาจากการจุดเผารากไม้พิษที่ศัตรูนำมาด้วย ควันพิษจากรากไม้ทำให้หลายคนล้มลง หายใจไม่ออก และตายในไม่ช้า ภายในถ้ำเต็มไปด้วยความโกลาหลและความสับสน มีนาเห็นคนรอบข้างล้มลงไปทีละคน พวกเขาพยายามหนีเอาตัวรอดแต่ก็ไม่สามารถฝ่าควันพิษไปได้
เธอพยายามวิ่งเอาชีวิตรอด แต่ท้องที่โตมากทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง ความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าทวีคูณขึ้น เธอเริ่มสำลักควันพิษจนหายใจติดขัด และรู้สึกเหมือนลมจะหมดไปจากปอด มือของเธอกุมท้องด้วยความกังวล เธอรู้สึกว่าลูกในท้องกำลังดิ้นแรงขึ้น ราวกับว่าเขาก็รู้ถึงอันตรายเช่นเดียวกัน
“อาร์น!”
มีนาร้องเรียกเสียงดัง หวังว่าเขาจะได้ยิน เธอต้องการเขามากที่สุดในตอนนี้ แต่เสียงของเธอกลับเลือนหายไปกับเสียงเปลวไฟและควันพิษ
เธอพยายามเคลื่อนไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุด แต่ทุกย่างก้าวเป็นการต่อสู้กับความเจ็บปวดและการหายใจที่ขาดช่วง ร่างกายของเธออ่อนแรงลงทุกที ความรู้สึกสิ้นหวังและกลัวปกคลุมทั่วหัวใจ
ในตอนนั้นเอง มีนาสะดุดล้มลงกับพื้น หัวใจของเธอเต้นแรง แต่แรงกายเริ่มจะหมดลงแล้ว ความมืดมิดเข้าครอบงำสายตาของเธอ
ทันใดนั้น เธอรู้สึกถึงอ้อมแขนที่แข็งแรงประคองเธอไว้ ก่อนที่สติจะดับลงไปพร้อมกับความหวังที่ว่า
อาร์นจะพาเธอออกไปจากความตายนี้ได้
ในขณะที่เหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นที่ถ้ำ ผู้เฒ่าหลายคนยังคงนั่งสนทนาถึงเรื่องราวในอดีตและอนาคตอย่างไม่รู้ตัวถึงภัยคุกคามที่กำลังเข้ามา
ส่วนหนุ่มๆ ในเผ่าก็พากันออกไปล่าสัตว์เหมือนเป็นการพักผ่อนถือเป็นการกีฬาอย่างหนึ่ง อาร์นก็เป็นหนึ่งในนั้น เขารู้สึกถึงความสนุกสนานขณะอยู่ในป่า มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เขาลืมปัญหาและความกังวลชั่วขณะหนึ่ง
แต่ทันทีที่เขากลับมาถึงหมู่บ้าน ภาพที่เขาเห็นกลับทำให้หัวใจของเขากระตุก แทนที่จะเห็นชีวิตที่สงบสุข เขาเห็นควันไฟดำคลุ้งขึ้นมาจากถ้ำ ควันพิษที่พัดออกมาจากรากไม้เผาทำให้ทุกอย่างดูโกลาหลและน่ากลัว เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังไปทั่วบริเวณ คนหนุ่มสาวล้มลงกับพื้น มีบางคนกำลังพยายามวิ่งหนี แต่ควันพิษทำให้พวกเขาหมดแรงอย่างรวดเร็ว
อาร์นเห็นเช่นนั้น เขารีบวิ่งเข้ามาในหมู่บ้านโดยไม่รีรอ ในใจเขามีแต่ภาพของมีนาที่กำลังท้องแก่ เขาต้องรีบช่วยเธอให้ได้ เขาเร่งวิ่งเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังล้มตายและสำลักควันพิษ แต่ยิ่งเขาพยายามฝ่าฝันเข้าไปเท่าไร ก็ยิ่งเหมือนทุกอย่างซับซ้อนและชุลมุน ทุกคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด ควันพิษที่หนาทึบทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นชัดเจน และการหายใจของเขาก็เริ่มขาดช่วง
เขาวิ่งจนหมดแรง ล้มลงกับพื้น หัวใจเต้นถี่รัว เขารู้สึกเหมือนลมหายใจกำลังจะหมดไปและร่างกายไม่สามารถตอบสนองได้อีกต่อไป เขาอยากลุกขึ้นแต่กลับรู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มหมดสติทีละนิด
แต่ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังขึ้นฝ่าควันพิษ
เสียงร้องของทารก มันเป็นเสียงที่ชัดเจน ทรงพลัง และปลุกให้เขาฟื้นจากอาการหมดสติ อาร์นค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา และทันทีที่เขาได้ยินเสียงนั้น หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น
“ลูกพ่อ”
เขาพึมพำกับตัวเอง ภาพของลูกในท้องของมีนาปรากฏขึ้นในใจ เขารู้ว่าเวลานี้สำคัญแค่ไหน เขาไม่สามารถล้มเหลวได้ เขาต้องไปช่วยลูกและเมียของเขาให้ได้
ด้วยพลังที่ฟื้นคืนมา อาร์นลุกขึ้นยืน แม้ร่างกายจะเจ็บปวด แต่เขากลับรู้สึกถึงแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง เขาใช้พละกำลังทั้งหมดที่เหลือรีบวิ่งต่อไปในทิศทางของเสียงร้องนั้น
เสียงทารกยังคงดังอยู่ในหูของเขา มันเป็นแรงผลักดันให้เขาฝ่าอันตรายและควันพิษไปจนถึงที่หมาย
*****