บทที่ 15: สายโลหิต
มีนากำลังตะเกียกตะกายหนีจากควันพิษ
ร่างกายที่อ่อนล้าและท้องแก่ใกล้คลอดทำให้การเคลื่อนไหวของเธอช้าลงทุกที เพื่อนบ้านที่เคยวิ่งหนีไปพร้อมกับเธอหายไปทีละคนสองคน บ้างก็ล้มลงเพราะสำลักควันพิษ บ้างก็หมดแรงจนไม่อาจไปต่อได้
มีนารู้สึกถึงความเจ็บปวดจากท้องที่บีบตัวแรงขึ้นทุกขณะ ราวกับลูกในท้องกำลังเตรียมตัวที่จะออกมา แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ การคลอดลูกเป็นเรื่องที่เธอรู้ดีว่ามีความเสี่ยงมากเกินไป
“ยังไม่ใช่ตอนนี้… ลูกต้องอยู่ต่อไปอีกสักหน่อย” มีนาพยายามบอกตัวเองในใจ เธอกลั้นหายใจเพื่อควบคุมความเจ็บปวด และพยายามประคองตัวเองไปตามซอกหินที่พอให้เธอหลบซ่อนจากควันพิษได้ แต่ธรรมชาติของการคลอดลูกยิ่งใหญ่กว่าพลังที่เธอจะต้านทานได้
ทันใดนั้น
ร่างกายของเธอเริ่มบีบรัดอย่างรุนแรงจนเธอไม่อาจทนไหว ทารกในท้องเริ่มดิ้นและขยับตัวเพื่อออกมา เสียงร้องจากภายในดังขึ้นในใจของเธอ มันเป็นเสียงของการเกิดใหม่ เสียงที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยาย
มีนาล้มลงกับพื้นและกรีดร้องออกมาด้วยความปวดร้าว ร่างกายของเธอไม่สามารถหนีไปได้อีกต่อไป ทารกคลอดออกมาพร้อมกับเสียงร้องดังก้องกลางควันพิษ เสียงนั้นเป็นเสียงแห่งชีวิต เสียงที่ทำให้มีนารู้ว่าเธอได้กลายเป็นแม่แล้ว
มือของเธอเต็มไปด้วยเลือด เลือดของการให้กำเนิด เธอกอดลูกแนบอก ปกป้องลูกน้อยจากความอันตรายรอบตัว ความรักที่เธอมีต่อลูกนั้นมากมายจนเธอลืมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น เธอมองลูกน้อยของเธอที่กำลังร้องไห้ เสียงของทารกทำให้เธอรู้สึกถึงความหมายของชีวิตใหม่ท่ามกลางความตายที่รายล้อม
ขณะที่มีนาใช้มืออีกข้างหนึ่งสัมผัสผนังหินที่เธออิงพิง เลือดที่เปื้อนมือของเธอถูกทาบลงไปบนผนังอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นแม่ สัญลักษณ์ของการให้กำเนิดและความรักที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าเธอจะปวดร้าวเพียงใด แต่ความรักที่มีต่อลูกก็ทำให้เธอมีพลังในการต่อสู้กับชะตากรรม
มือที่เต็มไปด้วยเลือดของเธอทาบไปบนฝาผนังหินครั้งแล้วครั้งเล่า รอยฝ่ามือเหล่านั้นไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของความเจ็บปวด
แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความรัก และการเริ่มต้นใหม่ที่เธอฝากไว้ในโลกใบนี้
มีนาคลานเข้าไปในซอกหลืบเล็กๆ ของหินใหญ่ หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความกลัว
แต่ก็ยังมีความหวังเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในใจ จากเสียงร้องของลูกที่ดังก้องในถ้ำ เสียงนั้นเหมือนเป็นแสงสว่างที่ขับไล่ความมืดออกไป ไม่ว่าเพราะเธอลืมตาขึ้นหรือเพราะเสียงสดใสของทารกเกิดใหม่ที่ทำให้ความมืดถูกขับไล่ เธอไม่อาจบอกได้ แต่ทุกอย่างรอบตัวดูเปลี่ยนไปในทันใด
มีนาพบว่าตัวเองได้หลุดเข้าไปในถ้ำที่โอ่โถงและสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ เพดานหินสูงขึ้นไปเหนือศีรษะ ราวกับกำลังมองเห็นท้องฟ้าภายในถ้ำที่สว่างไสว ลวดลายสีสันแปลกตาตามผนังถ้ำทำให้เธอรู้สึกถึงบางสิ่งที่มากกว่ามนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจได้ แม้ว่าความงดงามนี้จะสร้างความรู้สึกหวาดกลัวให้กับเธอ แต่มันยังดีกว่าที่จะต้องออกไปเผชิญกับอันตรายนอกถ้ำ
เสียงนักรบต่างเผ่าร้องดังก้องอยู่นอกถ้ำ การต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกมันพยายามจะบุกเข้ามาภายในถ้ำ แต่หากพวกมันเข้ามาได้ เธอกับลูกคงไม่มีทางรอด ชีวิตที่มีอยู่ตอนนี้เหมือนเป็นของยืม เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ร่างกายที่อ่อนล้าของมีนาก็ยิ่งปวดร้าว แต่ในขณะเดียวกัน เธอกลับไม่รู้สึกถึงความทุกข์อะไรเลยนอกจากความปีติสุข เธอได้ทำหน้าที่ของแม่ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ลูกของเธอปลอดภัย และนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเธอ
ขณะที่เธอนั่งพิงผนังถ้ำ กอดลูกน้อยที่ยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขน ทันใดนั้น เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังมาจากมุมมืดของถ้ำ เสียงนั้นทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้นชั่วขณะ เพราะมันเป็นเสียงที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินอีก
“มีนา…” เสียงนั้นเรียกชื่อเธอเบาๆ แผ่วเบาแต่ชัดเจนพอที่เธอจะจดจำได้
มันเป็นเสียงของคาเลน ผู้ชายที่เคยรักเธอ เขาที่เคยหลงรักเธออย่างลึกซึ้งและล้มเหลวในความรักนั้น ตอนนี้เสียงของเขาดังก้องอยู่ในถ้ำแห่งนี้ ราวกับวิญญาณของเขายังคงเฝ้ามองเธอจากที่ใดที่หนึ่ง
มีนารู้สึกถึงความเย็นวาบที่ลอยมาใกล้ตัว หัวใจของเธอสั่นเทาด้วยความกลัวและความประหลาดใจ แต่เสียงนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกถึงความปลอดภัยที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน ราวกับคาเลนวิญญาณของเขาได้กลับมาเพื่อช่วยเธอและลูกให้รอดพ้นจากความตาย
“ไม่ต้องกลัว” เสียงของคาเลนดังอีกครั้งในความเงียบงัน
มีนาน้ำตาคลอ เธอรู้ว่าคาเลนไม่ใช่แค่เสียงในความมืด แต่วิญญาณของเขามาอยู่ที่นี่จริงๆ มาเพื่อช่วยเธอในเวลาที่เธอต้องการความช่วยเหลือที่สุด
“ฉันไม่ได้ช่วยอะไร” คาเลนพูดอย่างสงบจากเงามืดภายในถ้ำ
“หมายความว่าอย่างไร”
“เลือดแห่งความเป็นแม่ในกายเจ้าได้ทำให้พิษภัยและอาถรรพ์ของพวกมันอ่อนแอลงในที่สุด”
อาร์นคลานไปในควันพิษที่ลอยอบอวนอยู่ในถ้ำ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า สัญญาณของการต่อสู้กับนักรบต่างเผ่าทำให้เขาหมดแรง
และเมื่อเขาหายใจเข้า น้ำตาและเลือดสีดำพุ่งออกจากปากและจมูก ขณะที่เขาพยายามทำใจให้สงบและตั้งสติให้ดีขึ้น เสียงร้องของทารกกลับดังก้องในหูของเขา มันเป็นเสียงที่มีพลัง ช่วยกระตุ้นให้เขาต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่วุ่นวายนี้
“มีนา! ลูกเราอยู่ที่ไหนกัน!” อาร์นตะโกนออกมาในใจ พร้อมกับตำหนิตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องคนที่เขารักได้
และที่สำคัญคือ เขาตำหนิผู้นำเผ่าที่เอาแต่นิ่งนอนใจ โดยไม่ทำอะไรเพื่อป้องกันเหตุการณ์ร้ายแรงนี้ พวกเขาหวังพึ่งแต่เสียงอ้อนวอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่กลับไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
เขาพยายามลุกขึ้นและตั้งสติอีกครั้ง ขณะนั้นเขาได้ยินเสียงของมีนาที่พูดกับใครบางคน แต่อาร์นไม่เห็นตัว เธอกำลังส่งเสียงเพียงเพื่อติดต่อกับวิญญาณของคาเลนหรือไม่? แต่ทุกอย่างดูเป็นความยุ่งเหยิง เมื่อเขาตั้งใจจะไปหามีนา เสียงทารกกลับดังขึ้นอีกครั้ง
อาร์นรู้สึกถึงแรงผลักดันจากเสียงนั้น ราวกับมันเป็นการกระตุ้นให้เขาลุกขึ้น เขาเริ่มคลานเข้าไปหา มีความหวังเกิดขึ้นในใจว่าเขายังมีลูกของเขาอยู่ที่นั่น
ลูกที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่เขาและมีนามีร่วมกัน
ในที่สุด เขาพบเห็นร่างของมีนานั่งอยู่ในมุมหนึ่งของถ้ำ มือของเธอกอดลูกแน่น น้ำตาของเธอไหลอาบแก้ม และเมื่อเธอเห็นอาร์น ใจของเธอเต็มไปด้วยความดีใจและความโล่งอก
“อาร์น!” มีนาร้องเรียก พร้อมยื่นมือออกไปหาเขา
อาร์นไม่รอช้า เขาเข้าไปอุ้มลูกน้อยขึ้นมาแนบอก มือของเขาเต็มไปด้วยเลือด แต่เขารู้สึกถึงความอบอุ่นและพลังแห่งความรักที่มีต่อลูก น้ำตาของเขาไหลอาบแก้มขณะยิ้มให้กับลูกและมีนา เขารู้สึกถึงการมีชีวิตอีกครั้งในช่วงเวลาที่มืดมนนี้
“เราไปกันเถอะ!” เขาพูดเสียงดัง ขณะวิ่งออกไปจากถ้ำอย่างบ้าคลั่ง ไม่คิดถึงความอ่อนล้าและบาดแผลอีกต่อไป
เสียงร้องตามหลังของมีนาก็ดังก้องอยู่ในหูของเขา มันเป็นเสียงแห่งความรัก ความหวัง และการเริ่มต้นใหม่
มีนาวิ่งตามอาร์นและลูกน้อยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ความกลัวที่เคยรุมเร้าใจกลับเปลี่ยนเป็นพลังภายในที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ยิ่งเธอวิ่งไปยิ่งรู้สึกถึงความหวังที่เติมเต็มหัวใจ แม้ควันพิษที่ลอยคละคลุ้งอยู่รอบตัวจะเป็นอันตราย แต่กลับมีบางอย่างที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นกับเธอและครอบครัว ควันพิษดูเหมือนจะพัดไปในทิศทางอื่น ไม่ได้มุ่งตรงมาหาพวกเขาเลย
เสียงดังก้องของหัวหน้านักรบต่างเผ่าดังกระหึ่มตามหลังเขา “ไล่พวกมัน! อย่าให้เหลือเชื้อสายของพวกมัน!” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความปรารถนาที่จะทำลายจนถึงขีดสุด เพื่อให้เชื่อมั่นในความคิดเก่าๆ ที่สอนกันมาเกี่ยวกับการล่าทุกคนที่ไม่ใช่เผ่าของตน
ทว่าความพยายามของเขากลับนำไปสู่ความพ่ายแพ้ หัวหน้าคนดังกล่าววิ่งตามเสียงที่ดังก้องแต่กลับถูกควันพิษที่เขาก่อขึ้นเองทำร้าย เมื่อแรงจากความโกรธและความเกลียดชังทำให้เขาหมดแรงและล้มลง เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง ก่อนที่เขาจะหายใจไม่ออกจากควันพิษนั้น
มีนาหันไปมองเห็นร่างของหัวหน้านักรบล้มลง เขาไม่มีพลังที่จะตามล่าเธอและครอบครัวอีกต่อไป มีนารู้สึกโล่งใจในใจ บทเรียนนี้เป็นสิ่งที่สอนให้เธอเห็นว่า ความเกลียดชังจะนำมาซึ่งการทำลายตัวเอง เธอจึงสามารถวิ่งต่อไปข้างหน้าได้โดยไม่มีความกลัวอีกต่อไป
อาร์นรู้สึกถึงพลังที่กลับคืนมาภายในขณะที่มีนาวิ่งตามเขาอย่างไม่ลดละ เขาเห็นความมุ่งมั่นในดวงตาของเธอ ความรักและความหวังที่ยิ่งใหญ่ยิ่งทำให้เขามีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป “เราจะปลอดภัย!” เขาร้องขึ้น ขณะพวกเขาฝ่าฟันเข้าไปในป่าอันมืดมิด แต่เต็มไปด้วยอนาคตใหม่ที่รอคอยอยู่ข้างหน้า
ในที่สุด พวกเขาก็เริ่มเห็นแสงสว่างที่ลอดผ่านต้นไม้ใหญ่ เสียงของธรรมชาติเริ่มกลับมาอีกครั้ง เสียงนกร้องเสียงดัง ทำให้หัวใจของมีนาและอาร์นเบาใจขึ้น
ขณะพวกเขาเตรียมก้าวเข้าสู่ชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและความรักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
*****