Synไนท์คลับ
21:00 น.
ท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มและแสงไฟหลากสีสาดส่องวิบวับ สามหนุ่มสามมุมนั่งซดเหล้ากันอยู่ตรงBeamBarของไนท์คลับ
"แก้วนี้แด่ว่าที่เจ้าบ่าว"
ณดลยื่นแก้วมาชนก่อนใคร
"ว่าที่น้องเขยด้วย"
พนายื่นมาสมทบ
"เออว่าแต่จะแต่งงานกันแล้วทำไม บ่าวสาวถึงยังไม่เคยเจอกันเลย ไม่แปลกไปหน่อยเหรอวะ?"
ณดลเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม กับใบหน้าหล่อของสามหนุ่มสามสไตล์ที่มีอยู่หนึ่งคนทำสีหน้าราวกับแบกความทุกข์ของคนทั้งโลกเอาไว้
"จริงๆวันนี้มิราอยากจะเจอนายอยู่ แต่ว่าฉันบอกว่าค่อยเจอกันพรุ่งนี้ทีเดียว"
พนาตอบด้วยน้ำเสียงปกติเพราะว่ายังไม่ได้เมาอะไรมาก
"อืม..."
เจตต์พยักหน้า ไม่มีคำถามหรือความเห็นใดๆ
"ทำไมทำหน้าตาเซ็งแบบนั้นน่ะไอ้คุณเจตต์?"
"อกหักมั้ง"
ณดลตอบแทนพรางปรายตาไปทางเจตต์ที่ยังยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกไม่หยุด
"อกหัก หมายความว่ายังไง?"
"ก็หมายความว่าโดนเท"
"หืม อย่างนายเจตต์มีโดนเทด้วยเหรอวะ แต่ก็ดีแล้วล่ะแต่งงานแล้วก็เคลียร์หลังบ้านซะด้วยนะโว้ย ฉันไม่อยากให้น้องฉันน้ำตาเช็ดหัวเข่า"
เจตต์ถอนหายใจออกมา คำว่าโดนเท มันสะกิดใจเขาไม่ใช่น้อย ว่าแล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นซดอีกหนึ่งกรึบ มองไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าสาวคืนวันไนท์เต็มไปหมด
"ปล่อยมันเถอะ แต่ว่าขอดูรูปน้องสาวนายหน่อยสิ"
"นายเคยเจอแล้ว"
"ตอนไหนวะ?"
"ก็ตอนที่เราไปปาร์ตี้ที่บ้านไง ตอนนั้นมิราน่าจะอยู่ประมานมอหนึ่งหรือมอสองนี่แหละ"
"ไอ้บ้า นานขนาดนั้นใครจะไปจำได้ ตอนนี้พวกเราอายุสามสิบสองกันแล้วนะโว้ย!"
ณดลโวยขึ้นมา เขานึกถึงเด็กหญิงวัยรุ่นหน้าตาจิ้มลิ้มตาโตคนนั้นขึ้นมาทันที ใช่สิ! ตอนนั้นมิราน่ารักมาก จนเขาแอบนึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย
"โตขึ้นมาคงสวยน่าดูสินะ"
ณดลยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงมิรา
"สวยสิ อ่ะนี่รูป"
ตุ๊บ!
"อุ้ย!ขอโทษค่ะ"
โทรศัพท์ของพนาร่วงหล่นลงสู่พื้นจากแรงชนของสาวสวยนุ่งน้อยห่มน้อยคนหนึ่ง
"ไม่เป็นไรครับ"
พนายิ้มให้หญิงสาวคนนั้นแล้วก้มเก็บโทรศัพท์กลับมา
"เครื่องดับไปแล้วว่ะ"
พนาชูโทรศัพท์ให้ณดลดู
"เลยอดดู"
ณดลหันไปสนใจแก้วเหล้าตรงหน้าต่อไม่ได้ถามเรื่องรูปของมิราอีก
"เฮ้อ!"
เจตต์ถอนหายใจออกมาเสียงดัง
"เป็นไรวะ เห็นถอนบ่อย ฝากไว้เยอะเหรอวะ?"
ณดลหันไปแซวเจตต์ต่อ
"เออ เยอะเลย"
"เออน่า อย่าคิดมาก มาๆชนกันต่อ"พนาพูดปลอบพรางหันไปตบบ่าเจตต์เบาๆ
ทั้งหมดยังคงนั่งกันต่อโดยไม่ได้รีบเร่งไปไหนเนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ต่างคนก็ต่างซัดกันเต็มที่โดยไม่ต้องห่วงว่าจะกลับกันไม่ไหวเพราะไนท์คลับแห่งนี้เจตต์เป็นเจ้าของ มีห้องพักส่วนตัวอยู่ชั้นบน ซึ่งสามหนุ่มมาใช้บริการกันอยู่บ่อยๆหลังจากที่เมาแล้วลากสังขารกลับบ้านไม่ไหว
@@@
มิราตกใจหน้าซีดเผือดกับผลของที่ตรวจครรภ์ในมือ เธอจำเป็นต้องตรวจเนื่องจากอาการเวียนศีรษะและคลื่นไส้ของเธอที่เริ่มมีอาการมากขึ้นๆในทุกวัน
"สองขีด!"
มือเรียวยกขึ้นลูบท้องของตัวเองเบาๆถึงแม้ว่าคิดอยู่แล้วว่าเธอต้องตั้งครรภ์แน่ๆแต่พอผลมันออกมาแบบนี้จริงเธอก็อดที่จะช็อกไม่ได้ รู้สึกสับสนไปหมดหน้าของเขาก็ลอยเข้ามาไม่หยุด นึกถึงอนาคต นึกถึงหน้าเด็กน้อยที่เป็นลูกของเธอกับเขา
"จะทำอย่างไรดี?"
มือเรียวของมิราถือที่ตรวจครรภ์เอาไว้ด้วยความสั่นพร่า แข้งขาของเธออ่อนระโหยโรยแรงไปหมด หญิงสาวทรุดนั่งลงบนฝาชักโครกเพราะไม่สามารถที่จะใช้ขาที่อ่อนเปรี้ยแบกรับน้ำหนักตัวเอาไว้ได้อีกแล้ว
"คงต้องแก้ปัญหาไปทีละเปลาะ เริ่มจากที่ต้องคุยกับคุณพี่เจตต์ก่อนเลยพรุ่งนี้เพื่อยกเลิกงานแต่งงาน"
มิรากระพริบตาถี่ๆเริ่มเรียกสติของตัวเองกลับมาและคิดหาหนทางแก้ไขทันที หนักใจที่สุดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ใหญ่โตของวันพรุ่งนี้ แต่อย่างไรซะ เธอก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ เธอจะไม่ร้องไห้เพราะทุกอย่างเป็นเพราะการกระทำของเธอเองทั้งนั้น แต่..ติดตอนไหนนะ ครั้งแรกหรือว่าครั้งที่สอง
"ไม่ว่าอย่างไร ฉันก็ยังคงรู้สึกดีกับนายอยู่ดี นายทูไนท์ เฮ้อ! "
แม้จะรู้สึกว่าเศร้าแค่ไหน แต่มิราไม่ได้มีน้ำตาไหลออกมาสักแอะ เพราะเธอยอมรับความจริงและพร้อมที่จะรับบทลงโทษนั้น
@@@
วันต่อมา
สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
"เป็นอะไรมิราทำไมหน้าซีดๆ?"
พนาถามขึ้นที่เห็นว่าน้องสาวมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก ตอนนี้ทั้งคู่กำลังยืนคอยผู้เป็นบิดาและมารดาอยู่ที่สนามบิน
"เวียนหัวค่ะ"
"ไม่บอกพี่แต่แรก ความจริงรออยู่ที่บ้านก็ได้"
"ไม่เป็นไรค่ะ มิราอยากมารับคุณพ่อและคุณแม่ด้วยกัน"
"อืม"
พนาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
"เออ เดี๋ยวนายเจตต์ตามมารับด้วย"
"เหรอคะ แล้วเขาอยู่ไหนคะ?"
มิรากวาดสายตาไปรอบๆ สนามบิน
"น่าจะมาถึงแล้ว กำลังหาที่จอดรถอยู่"
มิราพยักหน้าฝืนยิ้มให้พี่ชายไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไรที่จะได้เจอคู่หมั้นอย่างเป็นทางการ
ผ่านไปสิบนาที
"คุณพ่อคุณแม่ทางนี้ค่ะ!"
ทันทีที่ท่านทั้งสองเดินเข็นกระเป๋าใบใหญ่ออกมา มิราก็วิ่งเข้าไปโอบกอดผู้เป็นมารดาก่อนใคร พร้อมกับเจตต์ที่เดินมาถึงพอดีตอนนี้เขายืนอยู่ข้างๆพนา ส่วนมิรายังอยู่ในอ้อมกอดของมารดาก่อนจะเปลี่ยนไปกอดผู้เป็นบิดาบ้าง
"ดื้อมั้ยเราน่ะ มาอยู่ที่นี่?"
ท่านทูตเกริกพลถามบุตรสาวขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
"ดูพูดเข้าสิพ่อ ลูกของเราโตเป็นสาวแล้วใช้คำว่าดื้อได้อย่างไรกัน"
คุณจันทินีภริยาท่านทูตหรือมารดาของพนาและมิราเอ่ยเข้าข้างบุตรสาว ไม่บอกก็รู้ว่าบ้านนี้ใครสปอยล์ลูกคนเล็กที่สุด
"ไม่เลยครับคุณพ่อคุณแม่...ไม่นิดเดียว"
ทั้งหมดหันมาตรงพนาที่มีเจตต์ยืนอยู่ข้างๆด้วย
"สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า"
เจตต์ยกมือไหว้พอดีกับที่มิราหันมาพอดี สายตากลมโตประสานกับสายตาคมกริบนิ่ง มิราถึงกับเบิกตาโพลง ตะลึง!ไปชั่วขณะ แต่ยังคงสภาพความนิ่งเอาไว้ไม่กล้าเอ่ยทักเขาแม้แต่นิด
"สวัสดีหลานชาย ไปเถอะไปกินข้าวที่บ้านลุงกันดีกว่า"คุณเกริกพลยิ้มรับทักทายเจตต์ด้วยรอยยิ้มสุดยินดี
ส่วนมิรานั้นรับรู้ได้ว่าร่างกายของเธอตอนนี้สั่นพร่าไปหมดเหงื่อเริ่มไหลซึมออกมา
"มิรานี่พี่เจตต์ไหว้พี่เค้าสิ"
พนาแนะนำ ส่วนเจตต์นั้นมองมิรานิ่งมากไม่แสดงอาการสะทกสะท้านใดๆ มิราได้แต่ภาวนาขออย่าให้เขาพูดอะไรๆออกมาเลย
"สะ..สวัสดีค่ะ"
มิรายกมือไหว้หลบหน้าหลบตาเขา อาการหน้ามืดมันเกิดขึ้นมากะทันหันเนื่องจากเวียนหัวอยู่แล้วและมาเกิดอาการช็อกเล็กๆอีกหนึ่งตลบ
"สวัสดีครับ"
เจตต์รับไหว้ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยจะว่ายิ้มก็ไม่ยิ้ม จะว่าไม่ยิ้มก็ไม่ใช่ มิราเดาเขาไม่ออกว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่
'หายมาอยู่นี้นี่เอง มิราอย่างนั้นเหรอ หล่อนคือมิราคู่หมั้นของเรา'
ถึงแม้ว่าเจตต์จะรู้สึกตกใจที่สาว one night stand คนที่เขาออกตามหาตัวมาเป็นแรมเดือน กลับกลายเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขาไปได้ แต่ต่อหน้าผู้ใหญ่แล้วเขาก็ต้องเก็บซ่อนอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ข้างในก่อน นิ่งไว้ๆ เจตต์ได้แต่ท่องคำนี้ซ้ำๆ
'ที่แท้พี่เจตต์ก็คือเขา ซึ่งเป็นคู่หมั้นของเรา นี่มันเรื่องบ้าอะไร?"
จู่ๆมิราก็คุมร่างและสติของตัวเองเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ก่อนจะเป็นลมล้มตึง โชคดีที่วงแขนของเจตต์รับเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี