ตอนที่9

2010 Words
พ่ายรักเจ้าสาววันไนท์ฯ 9 มิราลืมตาขึ้นมาก็รู้ตัวได้ทันทีว่าอยู่ที่โรงพยาบาล สายน้ำเกลือที่ระยางกับมือข้างซ้ายที่เจ็บจี๊ดๆ คงไม่ต้องถามใครแบบในละครไทยว่าที่นี่ที่ไหน ก็เห็นๆอยู่ว่าโรงพยาบาล "มิราตื่นแล้วเหรอลูก เป็นยังไงบ้างทำไมปล่อยให้ตัวเองเป็นถึงขนาดนี้หือ?" "คุณแม่มิราไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ" มิรายิ้มให้ผู้เป็นมารดาพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆห้อง "อุย! นี่มากันหมดเลยเหรอคะ?" มิราหันไปเห็นผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งที่นัดดินเนอร์กันเอาไว้ตอนค่ำพากันมานั่งกันอยู่ในห้องพักฟื้นผู้ป่วยกันครบทุกคน ไหนจะพนาพี่ชายของเธอด้วย ขาดแต่เขาไม่รู้ไปไหน "ก็ทุกคนเป็นห่วงลูกกันหมด" "สวัสดีค่ะ" มิรายกมือไหว้เมื่อคุณนายเกตุวดีผู้ซึ่งเป็นว่าที่แม่สามีในอนาคตของเธอที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับลูบหัวเบาๆท่านมองมิราด้วยสายตาอบอุ่นจนมิราอดไม่ได้ที่จะตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส "พักผ่อนเถอะจ้ะหลานอา ไม่เป็นอะไรแล้วนะ" พูดพร้อมกับลูบบนศีรษะของมิราเบาๆ มิราเคยเจอท่านเมื่อตอนเด็กๆแต่หลังๆพอย้ายไปเรียนที่วอชิงตันก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย "วันนี้มิราก็เลยต้องทำให้ทุกคนมาดินเนอร์กันที่โรงพยาบาลแทน มิราขอโทษนะคะ" มิรายกมือขึ้นไหว้ขอโทษขอโพยทุกคน แกร่ก! เสียงลูกบิดประตูพร้อมกับบานประตูห้องที่ถูกเปิดออกจากคนข้างนอก คุณหมอทินกรในชุดกาวสีขาวเดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลสาว มิรารู้จักท่านดีเพราะเป็นหมอประจำของครอบครัวเธอ "คุณหมอมาแล้ว" มิรามือเย็นเชียบ ใจสั่นระรัวรู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นนับแต่นี้ ถ้าหายตัวได้ในวินาทีนี้มิราอยากจะหายวับไปนักเชียว "คุณหมอ สรุปลูกสาวของดิฉันเป็นอะไรไปคะ?" คุณจันทินีหันไปถามคุณหมอทินกรด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว "ไม่ต้องเป็นกังวลไปครับ คุณมิราไม่ได้เป็นอะไรมาก มันเป็นอาการปกติของคนแพ้ท้อง" "ห๊า!แพ้ท้อง" ทุกคนหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก มิราก้มหน้าหงุดหลบสายตาทุกคนที่หันมามองเธอเป็นจุดเดียวกัน "ท้อง ท้องกับใคร บอกพ่อมาสิมิรา?" คุณเกริกพลบิดาของมิราลุกขึ้นเดินเข้ามาหามิราพร้อมตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงเข้มบวกกับอารมณ์โกรธขึ้ง ทั้งตกใจทั้งผิดหวังกับการกระทำของบุตรสาวเพียงคนเดียวอย่างตั้งรับไม่ทัน "อย่าขึ้นเสียงกับลูก" มารดาของมิราเข้ามาขวางผู้เป็นสามีไว้ "คุณพ่อใจเย็นๆค่อยๆพูดกับน้องเถอะครับ" พนาเดินเข้ามาห้ามผู้เป็นบิดาที่อารมณ์เริ่มเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ดูท่าแล้วใครก็ห้ามไม่ได้สักคน พลั่ก! ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง "ท้องกับผมเองครับ!" เจตต์เดินเข้ามาพร้อมกับตอบคำถามคุณเกริกพลแทนมิราก่อนที่บรรยากาศจะดูเครียดไปมากกว่านี้ มิรายังคงนั่งก้มหน้าก้มตา น้ำตาใสๆเริ่มเอ่อล้นขอบตาออกมาที่โดนผู้เป็นบิดาขึ้นเสียงใส่อย่างที่ไม่เคยโดนมาก่อนในชีวิต น้ำเสียงที่ดังกังวานอย่างชัดถ้อยชัดคำของเจตต์ทำให้มิราเงยขึ้นมามองหน้าเขาอย่างอึ้งๆเพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะรับผิดชอบ มิราไม่ปฎิเสธคำสารภาพใดๆของเจตต์เพราะเด็กในท้องคือลูกของเขาจริงๆ "หมายความว่าไงนายเจตต์?" พนาถามขึ้น มิรารู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่างกลัวว่าเขาจะพูดความจริงออกมาทั้งหมดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา "มิราท้องได้สองเดือน ซึ่งก็พอดีที่ผมกับมิรามีอะไรกันครับ เรากำลังคบกันอยู่ แต่ว่าเราต่างคนต่างก็ไม่รู้ว่าพวกเราเป็นคู่หมั้นกัน" ก่อนหน้าที่จะเข้ามาในห้องเจตต์ไปคุยกับหมอทินกรมาเรียบร้อยแล้วเลยตามเข้ามาช้ากว่าคนอื่น แต่มิรากลับโล่งอกเมื่อเจตต์พูดออกมาแบบนั้น ถ้าขืนเจตต์เล่าว่าไปมีอะไรกันแบบone night stand คงได้งามหน้าไปทั้งตระกูลนรากุล และเธอคงจะโดนท่านทูตเกริกพลและภริยาทุบหลังแอ่นแน่ๆ "ไม่เป็นไรนะที่รัก ไม่เป็นไร" เจตต์เดินเข้ามานั่งข้างๆมิรา จับมือของเธอมากุมไว้ มิรารู้ได้ทันทีว่าเจตต์กำลังช่วยกู้สถาณการณ์ให้เธออยู่ "ถ้าอย่างนั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ" เมื่อคุณหมอเดินออกไปแล้ว ทั้งหมดก็หันมามองหน้ากัน "ผมขอโทษคุณลุงคุณป้าด้วยนะครับ ผมไม่รู้จริงๆว่ามิราคือคู่หมั้นผม แต่ผมกับมิรารักกันจริงๆนะครับ" ทุกคนยิ้มออกมาเมื่อเรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้ "ขอโทษอะไรกันหลานชาย มันเป็นเรื่องที่น่ายินดี เรากำลังจะได้หลาน" สรุปกลายเป็นเรื่องที่ถูกใจสำหรับทุกฝ่ายซะงั้น สถานการณ์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ "ต้องรีบหาฤกษ์แต่งงานให้เร็วที่สุด" คุณพิทักษ์พ่อของเจตต์เสริมขึ้นมาบ้าง เรื่องทั้งหมดกลับกลายเป็นเรื่องที่น่ายินดีจนมิรารู้สึกโล่งไปหมด มีแต่พนาที่มองเจตต์ด้วยสายตาเขียวปั๊ด ตอนนี้เขาอยากจะคุยกับหมอนี่เป็นการส่วนตัวมากที่สุด "ผมว่าปล่อยให้บ่าวสาวเขาได้คุยกันดีมั้ยครับ คุณพ่อคุณแม่ คุณอา กลับไปก่อนเถอะครับ" พนาบอกทุกคน "เอ่อ คืนนี้ผมขอดูแลน้องมิราที่โรงพยาบาลเองครับ" "งั้นลุงฝากน้องด้วยนะ พรุ่งนี้เราจะมากันแต่เช้า" คุณเกริกพลตบบ่าเจตต์เบาๆ บอกให้รู้ว่าเขาไม่ถือโทษโกรธอะไร แถมมองเป็นข่าวดีที่จะได้หลานมาอุ้มในไม่ช้า "ครับ" เจตต์พยักหน้ารับเขามองไปที่พนาก็รู้ว่ามีเรื่องต้องคุยกันยาว พนาคงจะไม่พอใจอยู่มาก เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว "เรื่องจริงเหรอ?" พนาถามเจตต์ขึ้นมาหลังจากนิ่งเงียบไปหลายนาที "พี่พนา มิราขอโทษ" มิราพูดแทรกขึ้นมาเพราะเห็นหน้าตาของพี่ชายเธอแล้วเอาเรื่องน่าดู "พี่ไม่ได้ถามเรา ไม่ต้องพูดอะไร" พนาแหวใส่มิรา มิราถึงกับหุบปากเกือบไม่ทัน "เรื่องจริงหรือเปล่าที่ว่านายคือพ่อเด็ก ถ้าไม่ใช่ไม่ต้องมาซี้ซั้วรับ" "จริง" เจตต์ตอบสั้นๆ ผั๊วะ! ร่างของเจตต์ล้มลงตามแรงหมัดของพนา "พี่พนาทำอะไรคะ?" มิราลุกขึ้นมาจากเตียงอัตโนมัติ "นอนเฉยๆ อย่าลุกมา พี่เคลียร์กับพนาได้" "ไอ้เลว! ถ้ามิราไม่ใช่น้องกูล่ะ มึงจะฟันน้องกูแล้วทิ้งใช่มั้ย?" พนาแผดเสียงออกด้วยอารมณ์ที่โกรธมากจริงๆ เพราะเขารักมิรามาก ไม่เคยคิดว่าเพื่อนของเขาเองจะเป็นคนมาย่ำยีน้องสาวเขา "ขอโทษ" เจตต์คุกเข่าลงขอโทษพนา พนาเมื่อเห็นสภาพเพื่อนรักแล้ว ความโกรธในใจก็หายวับไปครึ่งหนึ่ง ถึงแม้จะโกรธมากแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้เขาเกลียดเจตต์ได้ลงคอ "ดูแลมิราให้ดี" กล่าวเสร็จพนาก็ออกไปเลย เจตต์เช็ดปากของตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือดเนื่องจากปากแตกจากแรงหมัดของพนา "คุณ เป็นยังไงบ้าง?" "ท้องกับผมใช่มั้ย?" มิราถึงกับชะงักกับคำถามของเจตต์ อารมณ์เป็นห่วงเป็นใยเขาก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น นี่เขามองเธอเป็นคนแบบไหน "ท้องกับหมามั้งคะ" พูดเสร็จมิราก็พลิกร่างไปอีกทางนอนหันหลังให้เขา เจตต์เมื่อได้ยินคำประชดที่หลอกด่านั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าลูกของเขา100% "ทำไมถึงหนีไป?" เจตต์ยังคงตั้งถาม "คุณบังอาจให้ฉันไปเป็นเมียเก็บของฉันเอง นี่วางแผนจะนอกใจฉันไว้นานแล้วเหรอ ยังมีอีกเท่าไหร่เมียเก็บของคุณ?" "มิรา คุณก็มีผมเป็นคู่หมั้น ยังไปนอนกับชายอื่นได้เลย ไม่คิดบ้างเหรอว่าคุณก็ไม่ต่างกัน" "ต่างกันสิ" มิราหันกลับมาหาเขาเธอพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง "พี่ช่วย" เจตต์ช่วยพยุงมิราให้ลุกขึ้นมา พร้อมกับเอื้อมมือไปกดเลื่อนเตียงให้อยู่ในท่านั่งพิงพนัก ยามที่เขาเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้นกลับทำให้มิรารู้สึกไม่ปกติขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากสภาวะหัวใจที่เริ่มเต้นแรง 'หวั่นไหวให้ถูกเวลาหน่อยได้มั้ยมิรา'มิราหลับตากลั้นหายใจ เพราะกลัวเจตต์จะได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้นแรง "ที่ไม่เหมือนเพราะฉันไม่เคยคิดอยากจะแต่งงานกับคนที่เป็นคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่คุณคิด และจะเขี่ยฉันไปเป็นเมียเก็บ" เจตต์อึ้งไป มองหน้าของมิรานิ่ง ใช่อย่างที่เธอต่อว่า เขาตั้งใจที่จะแต่งงานอยู่แล้ว เหตุใดเล่าเขาจะต้องไม่อยากแต่งกับคนที่เพียบพร้อมอย่างลูกสาวท่านทูต "เอาเถอะ ที่ผ่านมาก็แล้วกันไป ต่อไปนี้เราคงต้องแต่งงานกันจริงๆ เพราะเด็กในท้องคือลูกของผม ผมถามหมอมาแล้วเวลามันเป๊ะๆ พอดีกับคืนที่ผมเมา เพราะผมไม่ได้ป้องกัน เอาเป็นว่าแต่งงานกันก่อนเพื่อลูก หลังจากที่คุณคลอดลูกอยากจะเลิกกันเพราะผมไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติของคุณก็แล้วแต่เลย" "ถ้าฉันไม่ท้อง คุณจะแต่งกับฉันเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่เพื่อลูก" "แล้วถ้าผมไม่ใช่คู่หมั้นของคุณ คุณจะบอกผมมั้ยมิราว่าคุณกำลังท้องกับผมอยู่?" มิราเป็นฝ่ายอึ้งไปบ้าง ก็จริงอย่างที่เขาพูด เธอตั้งใจจะไม่บอกอยู่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าเธออยากจะให้เขามารับผิดชอบเธอเพื่อลูกนี่นา "ยังไงก็แล้วแต่ ฉันไม่ได้มั่วแบบคุณ" "เลิกพูดฉันๆ คุณๆ สักทีเถอะ ถ้าไม่อยากให้ความแตกก็ควรจะเรียกชื่อให้มันดูสนิทสนมกว่านี้ ..พี่เจตต์เรียกได้มั้ย?" เจตต์รีบตัดบทก่อนที่จะทะเลาะกันไปมากกว่านี้ "อืม" มิราเบนสายตาไปทางอื่นไม่อยากเอ่ยอะไรกับเขาอีก เพราะเจตต์เอ่ยออกมาแต่ล่ะคำไม่ตรงใจเธอสักอย่าง "พี่จะออกไปซื้ออะไรมาให้กิน" เจตต์ลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไป "มิราจะหย่าให้ หลังจากที่ลูกคลอด มิรารู้ว่าผู้หญิงในสต็อกพี่มากมายและมิราไม่อาจยอมรับความเจ้าชู้ของพี่ได้" "ได้ ถ้าเธออยากหย่านัก เมื่อถึงวันนั้นพี่จะหย่าให้" เจตต์เดินออกไปจากห้องทันที ความรู้สึกของเขาไม่ต่างอะไรกับคนที่โดนฟันแล้วทิ้งอย่างไรยังงั้น เมื่อเจตต์ออกไปแล้ว 'แทนที่จะบอกว่ายินดีตัดผู้หญิงทุกคนเพื่อเรา แต่กลับยอมหย่ากับเรา...ให้ตายเถอะมิรา เธอคาดหวังอะไรจากผู้ชายเจ้าชู้อยู่' มิรายิ้มเยาะหยันตัวเองออกมาเบาๆ พร้อมกับเอามือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาตอนไหนไม่ทราบได้ นี่นะเหรอผู้ชายในฝันที่เธอคลั่งเขานักเขาหนา สุดท้ายแล้วเป็นอย่างไรเล่ามิรา @@@ ยังไม่ทันได้แต่งกันเลย ก็จ้องจะหย่ากันแล้ว คู่นี้ไม่แผ่วกันเลยจริงๆ???? วันนี้ปล่อยตอนยาวให้ค่ะ อีก2วันจะมาปล่อยอีกทีนะคะ☺
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD