"แม่จะเข้าบริษัทหน่อยจ๊ะ พนักงานหลายคนเสียขวัญกับเรื่องนี้ แถมยังต้องมีงานที่คุณศรทำค้างไว้ที่แม่ต้องเข้าไปดูแล" แม่นินเอ่ยยาวเฟื้อย
"ให้หนูอัยญ์ไปเป็นเพื่อนไหมคะ?" ฉันไม่อยากให้แม่นินที่เหนื่อยตลอดสามสี่วันมานี้ต้องหักโหมและแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้คนเดียว
"แม่ไหวจ้ะ หนูกลับไปพักผ่อนเถอะนะ เดือนหน้าก็สอบแล้วนี่" สอบน่ะใช่ แต่มันเดือนหน้า นั่นแปลว่าช่วงนี้ฉันสามารถแบ่งเบาภาระแม่เลี้ยงฉันได้ "แต่.."
หมับ ฉันยังไม่ทันเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจ แม่นินก็จับมือฉันไปกอบกุมไว้และลูบเบา ๆ
"เชื่อแม่นะคะ หนูอัยญ์กลับไปพักผ่อนเถอะ ค่ำ ๆ แม่จะรีบกลับจ้ะ"
หมดหนทางจะคัดค้าน ร่างบางของคนวัยกลางคนจูงมือฉันไปขึ้นรถสปอร์ตหรูสีแดงเพลิงของเฮียดีลทันที
"ผมจะพาอัยญ์ดาส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย" เฮียดีลรับปากแม่เลี้ยงฉันเสร็จก็ออกรถบึ่งกลับบ้านจิตตานิกรทันที
แปะ.. มือหนาข้างซ้ายยกวางบนหัวฉันเบา ๆ ก่อนลูบไล้ไปมา
"อย่าทำหน้าเครียด คุณป้ารับมือได้ หรืออัยญ์ไม่เชื่อใจคุณป้านิน"
คำถามแกมคำปลอบใจของเฮียดีลทำฉันส่ายหน้าไปมา
"อัยญ์เชื่อแม่นิน แม่นินของอัยญ์เก่งอยู่แล้ว"
รอยยิ้มกว้างที่ทุกคนบอกว่าสวยและน่ารักผุดขึ้นบนใบหน้าฉัน แต่จะมีสักกี่คนรู้ว่ารอยยิ้มนั้นข้างในของอัยญดาเจ็บปวดสักเท่าไหร่กัน
[หนูอัยญ์ให้ตรีไปนอนเป็นเพื่อนมั้ย] กลับถึงบ้าน ตรีญ่าก็โทรเข้ามาหาฉันพอดี
"ไม่เป็นไรตรี หนูอัยญ์อยู่คนเดียวได้จ้ะ" ฉันตอบเพื่อนรักเสียงปกติเพื่อไม่ให้เธอคิดมากอีกคน [เรื่องคุณลุงศร เร็วเกินไปจริง ๆ เนอะ]
เมื่อตรีญ่าพูดถึงเรื่องพ่อ หัวใจฉันก็หน่วงอีกครั้ง
"พ่อไปสบายแล้ว หนูอัยญ์จะเข้มแข็งเพื่อพ่อจะได้ไม่มีห่วง" ภายนอกฉันจะต้องเข้มแข็งเพื่อให้ทุกคนสบายใจ [หนูอัยญ์เก่งมาก งั้นเดี๋ยวมะรืนเจอกันที่มหาลัยนะ]
ฉันตอบ "อื้อ" แล้วคุยกับตรีญ่าสักพักเธอก็วางสายไป
Rrr เสียงโทรศัพท์ฉันดังอีกครั้ง ฉันจึงกดรับสาย
[อัยญ์ โอเคนะ?] รันรันเป็นคนโทรเข้ามา
"นี่รันโทรมาจากญี่ปุ่นเลยเหรอ" เพราะเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ต่างประเทศ
[ใช่ ป๊ายังทำธุระที่นี่ไม่เสร็จเลย รันขอโทษนะที่ไม่ได้ไปช่วยงานคุณลุง]
ใช่แล้วล่ะ ตอนงานศพพ่อฉัน รันรันไม่ได้มาช่วยเพราะเธอต้องบินไปญี่ปุ่นกะทันหันตั้งแต่เช้าวันที่มาส่งฉันที่หน้าบ้าน
"ไม่เป็นไร รันไม่ต้องขอโทษอัยญ์หรอก" ไม่ใช่ความผิดเพื่อน ฉันเลยรีบบอกเธอ
[เดี๋ยวรันกลับไปที่นู้นแล้ว อัยญ์มีอะไรอยากให้ช่วยบอกรันได้นะ เรื่องข่าวมั่วพวกนั้น อัยญ์ไม่ต้องใส่ใจ ป๊ารันกำลังคุยกับทนายเรื่องเอาผิดคนเขียนข่าว] รันรันคงหมายถึงข่าวใส่ร้ายพ่อฉันเกี่ยวกับยาเสพติด
"ขอบใจมากนะรัน ถ้าพ่อกับอาจรัญได้ความเป็นธรรมกลับมา หนูอัยญ์จะเข้าไปกราบขอบคุณพ่อรันนะ"
ตอนนี้ฉันคงต้องพึ่งอำนาจของพ่อเพื่อนสาวลูกครึ่งคนนี้แล้วล่ะ
[โอ้ย เรื่องเล็ก อัยญ์คนอื่นที่ไหน เพื่อนรันนะ ป๊าต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว]
ในความโชคร้าย ยังเหลือสิ่งดี ๆ เพื่อนดี ๆ อยู่รอบข้างฉันล่ะนะ
"ขอบใจนะ เพื่อนรัก" ฉันไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาเอ่ยอีกจึงพูดออกไปแบบนั้น
[จ้า อ้ะ! ป๊ามาแล้ว เดี๋ยวรันขอตัวก่อนนะ ไว้ดึก ๆ โทรมาเม้าธ์ใหม่จ้ะ]
"โอเค บายจ้า" ฉันรีบกดวางสายรันรันทันที ก่อนจะค่อย ๆ ล้มตัวลงนอน หยิบกรอบรูปของพ่อและแม่มากอดไว้ในอ้อมกอด
"แม่แก้วคะ ตอนนี้พ่อไปหาแม่แก้วแล้วนะ ทั้งสองคนคงได้อยู่ด้วยกันแล้วเนอะ อย่าลืมมองดูหนูอัยญ์และเป็นกำลังใจให้หนูอัยญ์จากที่ไกลแสนไกลด้วยนะคะ ฮึก"
น้ำใส ๆ ไหลหยดลงมาอาบข้างแก้ม ฉันหลับตาลงพร้อมกอดกรอบรูปนั้นไว้แนบแน่น แม้จะรู้ว่ามันคือความจริง แต่ทุกครั้งที่ฉันนอนหลับฉันมักจะภาวนาว่าขอให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝันซ้อนฝันไม่ใช่เรื่องจริง
แต่โลกกลับโหดร้าย เมื่อสิ่งที่ฉันภาวนาไม่เคยเป็นจริงเลยสักครั้ง
Special part
Ai-Inter corporation
ภายในบริษัทอัยอินเตอร์ บริษัทแม่ของโรงแรมระดับห้าจุดห้าดาวที่กำลังจะเข้าร่วมตรวจคัดคุณภาพให้กลายเป็นระดับหกดาวเต็ม คราคล้ำไปด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้าโศก เมื่อเพิ่งสูญเสียผู้นำเจ้าของบริษัทที่มากความสามารถไปอย่างไม่มีวันกลับ
ตอนนี้นายหญิงแห่งจิตตานิกรที่ถือหุ้นอยู่เพียงสิบเปอร์เซ็นต์แต่มีอำนาจรองจากเจ้าของบริษัทอย่างท่านศรศิลป์ที่เพิ่งล่วงลับไปเพราะเป็นภรรยาที่จดทะเบียนสมรสด้วย
แม้พจนินจะมาเป็นภรรยาคนที่สอง แต่ศรศิลป์ก็ประกาศให้คนในบริษัทรู้ว่านี่คือภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของเขา ทำให้แม้เสาหลักจะจากไป พนักงานส่วนมากก็ยังเกรงบารมีของพจนินกันอยู่บ้าง
"เราจะทำยังไงดีครับนายหญิง" เสียงพนักงานฝ่ายการตลาดอย่างองอาจเอ่ยขึ้น พจนินเอาแต่นั่งมองตัวเลขเก้าหลักที่วางอยู่ตรงหน้า
'นี่สามีเธอใช้งบตั้งสองร้อยล้านเพื่อให้โรงแรมของเขาเข้าคัดเลือกเลื่อนระดับหกดาวได้ถึงเพียงนี้กันเลยเหรอ?' คำถามพวกนี้พจนินคิดวนเวียนมาเป็นรอบที่สิบแล้ว
ปกติศรศิลป์เป็นคนรอบคอบ ไม่ค่อยทำอะไรเกินตัว แต่พอเธอมาคุมบริษัทแทนสามีผู้ล่วงลับไปแล้ว ทำไมทุกอย่างมันถึงได้เละเทะดูไม่ใช่สามีคนที่เธอรู้จักแบบนี้
"นี่ถ้าเราไม่จ่ายส่วนนี้ไปก่อน โรงแรมในเครืออัยอินเตอร์ต้องถูกลดระดับ แถมต้องมีข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ออกมาอีกเป็นแน่" องอาจย้ำอีกครั้ง
นั่นยิ่งเพิ่มความลำบากใจให้นายหญิงที่ไม่ค่อยได้ยุ่งกับงานของบริษัทเท่าไหร่ให้กุมขมับหนักขึ้นกว่าเดิม
"แต่ยอดนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันนะคะ ถ้าไม่มีพนักงาน โรงแรมเราก็จบเห่เช่นกันค่ะ" นุ่มนวล พนักงานฝ่ายบัญชีเอ่ยขึ้น พร้อมกับเลื่อนเอกสารด้านการเงินที่เป็นค่าแรงพนักงานในเครืออัยอินเตอร์ราวพันคนมาให้พจนินดูบ้าง
"เราไม่มีวิธีผ่อนผันบ้างเลยเหรอคุณองอาจ" พจนินชั่งใจแล้วว่า เงินเดือนพนักงานพันกว่าชีวิตย่อมสำคัญกว่า เธอเลยมุ่งเป้าไปที่ยอดการตลาดที่พุ่งสูงจนพจนินคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้
"งั้นคุณพจนินลองหาหลักประกันมาค้ำแทนเงินสดดูไหมครับ ถ้ามีผมจะลองไปเจรจากับทางฝั่งนั้นให้ดู" องอาจเอ่ยขึ้นอีกครั้งเสียงดังฉะฉาน
สมแล้วที่เขาเป็นพนักงานดีเด่นที่คุณศรไว้ใจ
"หลักค้ำอะไรจะมามีมูลค่ามากพอเป็นสิบ ๆ ล้านกันล่ะ" พจนินคิดไม่ออกเลยจริง ๆ งานศพสามีเพิ่งเสร็จแท้ ๆ เธอต้องมาเจอกับเรื่องในบริษัทที่ตอนนี้ไม่รู้จะเดินหน้าสานต่อจากสามียังไง
มองแฟ้มเอกสารอันไหน ๆ ก็มีแต่ตัวเลขที่พุ่งเข้าหลักสิบล้านกันทั้งนั้น แต่พอลองคำนวณรายรับกลับติดลบจนพจนินหน้ามืด หรือว่านี่คือเหตุผลที่คุณศรต้องพาคุณจรัญไปคุยงานดึก ๆ ดื่น ๆ ในคืนนั้นกันนะ
"ถ้าให้ผมตีราคาบ้านของท่านศรศิลป์น่าจะได้หลายสิบล้าน แต่ก็ยังไม่พออยู่ดี" องอาจที่เป็นนักการตลาดเอ่ยขึ้น