ภายในรถยนต์คันที่จอดนิ่งสนิท
[ฟาโรห์ part ]
ผมมองตามแผ่นหลังของสองนักศึกษารุ่นพี่ ไปจนกระทั่งพวกเธอเดินเข้าไปในอาคารของคณะที่เรียน มุมปากขยับขึ้นเป็นรอยยิ้ม เมื่อหนึ่งในสองนักศึกษานั้น เป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาตรงสเปกผมสุดๆ ผมชอบผู้หญิงตัวเล็ก แต่ถึงอย่างนั้นผู้หญิงที่อยู่ข้างๆกัน ก็ดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย มันทำให้ผมนึกถึงเมื่อครู่ ตอนที่เธอใช้กระจกรถของผมเพื่อลบร่องรอยบางอย่าง
หน้าอกที่โผล่พ้นออกมาให้ได้เห็นนั้น มีรอยแดงช้ำจากการถูกดูดและถูกกัดเต็มไปหมด
Tru Tru
“ว่าไงชุน?”
[แกไม่เข้าเรียนเหรอวะฟาโรห์]
“กำลังจะไป มาแอบส่องอะไรแถวๆคณะมนุษฯ อยู่อะ”
[นี่แกยังไม่เลิกตามหาน้อง K อะไรนั่นอีกเหรอ ไหนว่าเมื่อคืน เขานัดกับแกไปแล้วไง]
“ก็เพราะนัดนั่นแหละ ถึงต้องมาหาให้เจอ ว่าแม่งเป็นใครกันแน่ แม่ง!”
‘หลอกกู’
ผมสบทอย่างหงุดหงิด กดตัดสายเพื่อนทิ้งอย่างไม่เกรงใจ เพราะข้อมูลที่สืบมาได้ บอกว่าเธอเป็นหนึ่งในนักศึกษาคณะนี้ แต่ผมกับเพื่อนๆเที่ยวตามหาตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน กลับไม่เจอผู้หญิงที่ใช้นามลับว่า K เลย
ตอนนี้ประเด็นของเพื่อนไม่สำคัญกับผมแล้วด้วย เมื่อคืนเธอหนีผมก่อนเวลา แบบนั้นมันเข้าข่ายฉ้อโกงกันชัดๆ ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่ จะจับมาใช้หนี้เงินที่ได้ไปให้เข็ด
ผมขับเคลื่อนรถยนต์ลูกรักรุ่น Audi RS 7 Sportback Performance ตัวล่าสุดที่เพิ่งเปิดขาย ออกไปจากบริเวณคณะมนุษยศาสตร์ เพื่อไปเรียนคาบแรกให้ทัน เมื่อจอดรถในที่จอดประจำก็พบว่าไอ้คิงกับไอ้ชาร์ล ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆรถของพวกมัน
ปึ่ง!
“เป็นไงบ้างวะฟาร์ น้อง K คนดัง” ไอ้คิงถามทันทีที่เห็นผม ด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นสุดๆ
“คนเขาลือกันว่าเธอลีลาเด็ดมาก” ไอ้ชาร์ลถึงกับทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้น เพื่อมาฟังคำตอบของคำถามเมื่อครู่
“หึ!”
ผมพ่นลมหายใจออกไปแทนคำตอบ สีหน้าที่กำลังแสดงออกทำให้พวกมันคิดไปต่างๆนาๆ ส่วนความคิดผมนะเหรอ มันก็เหมือนเสียงพ่นลมหายใจนั่นแหละ ยัยนั่นเหรอเด็ด? โคตรห่วยแตกสิไม่ว่า เสียงครางก็งั้นๆ ลีลาไม่ต้องพูดถึง เพราะทั้งหมดของเมื่อคืน ผมเป็นคนทำเองทั้งหมด
“แสดงว่าเด็ดจริง กูต้องทำไงถึงจะได้บ้างวะ!”
ไอ้คิงทำหน้าสงสัย ซึ่งพวกเราที่อยากเป็นลูกค้าของ K ไม่เคยรู้เงื่อนไขในการรับงานของเธอเลย แต่ตอนนี้ผมเริ่มรู้ขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ เธอคงจะรับงานคนที่ให้เงินมากที่สุด ซึ่งเมื่อวานผมก็ลองใช้ชีวิตนั้นดู สรุปว่ามันก็ได้ผลจริงๆ
“ทำใจ! เพราะยัยนั่นเลิกรับงานแล้ว”
“มึงรู้ได้ไงวะฟาร์?”
“ก็เข้าไปดูในไลน์ดิ แม่งลบไอดีไปแล้ว”
“จริงดิ! ได้ไงวะ กูยังไม่ได้ลองเลย”
“ถ้าร้อนเงินอีก เดี๋ยวเขาก็มาโพสต์ใหม่ ตอนนั้นมึงค่อยเสนอราคาดีๆไปแล้วกัน”
ผมแนะนำเพื่อนไป มั่นใจว่าอีกไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นต้องกลับมาโพสต์รับงานอีกแน่ๆ มันมีวิธีที่หาเงินใช้แบบง่ายๆอยู่ ผมมั่นใจว่าเธอคงจะเลือกใช้วิธีนั้นเหมือนเดิม
“อืม เข้าเรียนกันเถอะ เริ่มร้อนแล้ว”
ไอ้ชาร์ลยกแขนรวบเอาคอผมกับไอ้คิงไปกอด ผมพรูลมหายใจออกเบาๆ หงุดหงิดชิบหายตอนที่คิดถึงผู้หญิงคนนั้น รู้สึกรังเกียจเธอขึ้นมา ถ้าหากว่าเธออยากจะรับงานคนอื่น เหมือนที่รับงานของผม
ไม่ได้หวงหรอกนะ แต่ผมยังไม่ได้ทำจนคุ้มค่าเงินที่เสียไปเลย ถ้าหากคนอื่นเสียบต่อ ผมก็ไม่อยากจะเอาเธอแล้ว
15:45 น.
เมื่อเรียนเสร็จแล้ว พวกเพื่อนๆก็ชวนผมมาส่องหาตัวตนของ K ที่คณะมนุษศาสตร์ต่อ ผมไม่น่าเล่าให้พวกมันฟังระหว่างเรียนเลย ว่ายัยนั่นสวย คือพวกมันถามไงว่าตัวจริงเธอสวยเหมือนในรูปไหม ผมก็ตอบไปตามความจริง เพราะแบบนั้นพวกมันถึงอยากรู้มากกว่าเดิม ว่าตัวตนจริงๆของเธอ คือใครกันแน่
“หนม เราว่าตัวไม่สบายนะเนี่ย”
เสียงหวานๆกับหน้าหวานๆของรุ่นพี่ปีสี่คณะมนุษย์ศาสตร์ ทำให้ผมเผลอยกมุมปากขึ้นยิ้ม พวกเพื่อนมองตามสายตาผมไป พวกมันยิ้มตามทันที ที่เจอผู้หญิงตัวเล็กหน้าคล้ายตุ๊กตา กับเพื่อนของเธอนั่งอยู่บนม้าหินอ่อน
“พี่เฟื่อง!”
“มึงรู้จักเหรอคิง?”
“เออสิ คนนี้ไง ว่าที่คู่หมั้นที่มึงถามกูเมื่อคราวก่อน คนนี้แหละ ลูกสาวตระกูล จิตพิทักษ์”
“เหรอ… โคตรน่ารักเลย”
ผมมองคนตัวเล็กที่กำลังพัดวีหนังสือให้เพื่อนอย่างสนใจ ไม่คิดเลยว่าคนที่จะมาเป็นคู่หมั้นของตัวเอง ตามความต้องการของพ่อแม่ จะเป็นคนที่สวยถูกใจขนาดนี้ ผมเดินเข้าไปใกล้เธอทันที ส่งยิ้มให้ก่อนจะเบือนสายตามองรุ่นพี่สวมแว่นที่เป็นตัวเกะกะ
“สวัสดีครับพี่เฟื่อง”
“อ่า ค่ะ เรารู้จักกันเหรอ?”
“เรายังไม่รู้จักกันหรอก แต่พ่อแม่เรารู้จักกัน เหมือนพวกท่านอยากจะให้เราหมั้นกันนะ”
ผมเฉลยสิ่งที่คนตัวเล็กสงสัย ท่าทางเอียงคอนิดๆของเธอ น่าเอ็นดูมาก แต่บรรยากาศรอบตัวเรากลับดูขัดๆ เพราะใครอีกคนที่ก้มหน้าก้มตาอยู่
เห้อ! ถ้ารู้ว่าตัวเองขวางทางคนอื่น ก็น่าจะลุกไปสิ จะก้มหน้าหลบทำไม ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ ต่อให้พยายามทำตัวเล็กตัวน้อยแล้วก็เถอะ มันก็ยังเกะกะลูกตาอยู่ดี
“งั้นเหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องเลยแฮะ”
“ผมยินดีนะ ถ้าเป็นพี่”
“อ่า เหรอ”
“อื้อ พี่ติดอะไรเหรอ มีคนที่ชอบแล้วหรือไง?”
“ก็เปล่า เพียงแต่… ยังไม่คิดเรื่องแฟนน่ะ”
เธอหลบสายตาผมไปมองเพื่อน ผมจึงมองตามไป สายตาห่วงใยของเธอทำให้ผมรู้สึกไม่ดี ไม่ใช่ว่าชอบผู้หญิงด้วยกันหรอกใช่ไหม แบบนี้ผมมีแววว่าจะแห้วหรือเปล่า
“ชอบผู้หญิง?”
“หา! เปล่า!”
“ก็ดี งั้นจีบนะ!”
ผมเป็นคนประเภทที่เจออะไรถูกใจจะรีบคว้าไว้ทันที คำพูดของผมทำให้ใครบางคนเงยขึ้นมามอง ดวงตาภายใต้แว่นมีความตกใจ เธอคนนั้นก้มหน้าหลบอย่างไว ผมจึงไม่เห็นหน้าของเธออีก แต่ก็เคยเห็นแล้วแหละ เธอคือรุ่นพี่คนที่ชนผมเมื่อวาน
“ตัว เอาไงดีอะ?”
“ไม่รู้สิ เขาจีบตัวนี่ ตัวตัดสินใจเลย”
“งะ! ตัวช่วยเราหน่อยสิ เรากลัวอะ”
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ไม่ทำอะไรหรอก”
“เหอะ!”
“…?”
“อะไรเหรอตัว?”
“เราเหนื่อยอะเฟื่อง ขอตัวนะ”
“ไม่เอา ไปด้วยกันสิ ตัว! ตัว! หนม! ขนม!”
คนตัวเล็กน้ำตาคลอ เมื่อเพื่อนของเธอไม่ยอมหยุดเดิน เมื่ออยู่กับผมตามลำพัง ใบหน้าก็งอง้ำ ริมฝีปากพึมพำบางอย่าง
“…”
“คือ ขอคิดหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ”
“งั้น ขอตัวนะ”
“เดี๋ยวสิ ขอช่องทางการติดต่อหน่อยได้ไหม?”
“อ่า ได้สิ”
เราแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกัน ผมใช้เวลาระหว่างนั้นสำรวจคนที่ตัวเองสนใจไปด้วย เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก น่าจะสูงเพียงแค่ 155 เองมั้ง ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด รูปหน้าไม่ต้องพูดถึง เธอหน้าหวานราวกับตุ๊กตาตัวหนึ่งเลยแหละ แปลกใจชะมัดที่เธอมีเพื่อนเพียงคนเดียว