“เธอ! เลิกกัดได้ยัง มันเจ็บ!”
“ฮือ ฉันก็เจ็บ! ฮึก!”
“อึก! เดี๋ยวก็ดีขึ้นน่า!”
“อยะ อย่า อย่าเพิ่งขยับ!/ต้องขยับ มันจะได้เสียว!”
สวบ พับ! พับ!
“มันไม่เสียว! อะ! ไอ้บ้า!”
“แม่งเอ้ย! โคตรเสียวเลย!”
ตับ! ตับ!
พอได้เริ่มขยับ ผมก็ไม่สนใจเสียงคัดค้านของเธอ ร่างกายเธอสดใหม่และรัดแน่นมาก มันรู้สึกดีจนจะแตกทุกครั้งที่กระแทกตัวเข้าหา แม้จะมีแต่เสียงด่าทอออกมาจากปากของเธอ ผมก็ยังรู้สึกดีจนมองข้ามมันไป
ปึก! ปึก!
“อ๊ะ อื้อ! ไอ้บ้า สารเลว คนบ้า อื้อ !&@&฿&&&”
กึ่ด!
ก้มหน้าลงกัดไหล่คนที่ด่าทอตัวเองเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว สอดร่างกายเข้าออกถี่ขึ้น จนคนตัวเล็กใต้ร่างเริ่มครางไม่ได้ศัพท์ คำด่ากระท่อนกระแท่น ไม่ต่างจากร่างกายของเธอที่เคลื่อนไหวขึ้นลงตามแรงถาโถม ผมเล่นกับร่างกายเธออยู่นาน เมื่อเริ่มทนไม่ไหว ก็ดึงแก่นกายออกมาปล่อยน้ำเชื้อด้านนอกบริเวณหน้าท้องของเธอ
“อึก! อ่า อ่า!”
“อื้อ! มันเลอะท้องฉันนะ!”
“ครั้งต่อไปจะใส่ถุงแล้ว หรืออยากให้แตกใน?!”
“อะ ไอ้บ้า! มะ! ไม่เอา ฉันไม่ทำแล้วนะ!”
พูดจบคนตัวเล็กบนเตียงก็พลิกตัวอย่างรวดเร็ว ผมปล่อยให้เธอทำทุกอย่างที่ต้องการ เพราะรู้ว่ายังไงเธอก็ต้องคลานหนีแน่ เมื่อเธออยู่ในโก้งโค้งตามที่ผมต้องการ ก็ขยับตามไปคว้าสะโพกไว้ เอื้อมไปหยิบถุงยางอนามัยขนาดพิเศษในกางเกง สวมมันเข้ากับแท่งเนื้อ จากนั้นก็สอดเข้าจากทางด้านหลัง
“กรี๊ด! พอแล้ว!”
หงับ!
“เราตกลงกันว่าทั้งคืนไง นี่ยังไม่ถึงชั่วโมงเลย”
ผมก้มลงกัดหลังลำคอขาวเนียน เสียเงินไปเป็นแสน ไม่รวมค่าข้าว ค่าตั๋วหนังที่ยังไม่ได้ดู ไหนจะค่าโรงแรมอีก ผมต้องได้ทำมากกว่านี้สิ
“ฮือ มันเจ็บไง! ฉันเจ็บ! อึก”
ใบหน้างอง้ำหันมามอง ผมรู้สึกเห็นใจเธอขึ้นมาบ้าง เพราะมันเป็นครั้งแรกของเธอ แต่ผมจ่ายเงินไปเยอะมากสำหรับทำเรื่องนี้ แม้จะทำทั้งคืนไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่ครั้งสองครั้งสิ
“ทนหน่อยน่า! เธอไม่เป็นมืออาชีพเลย”
ถึงแม้เรื่องนี้เธอจะยังไม่เคย แต่เรื่องที่เธอหลอกเงินเพื่อนผมมันยังไม่เปลี่ยนไปนี่นา เธอยังต้องได้รับบทเรียนอยู่ ผมไม่หายโกรธเธอเพียงเพราะได้เป็นคนแรกของเธอหรอก ผู้หญิงหลอกลวงแบบเธอ ต้องได้รับบทเรียนซะบ้าง
“อึก! อื้อ!”
เมื่อเธอไม่ขัดขืนอีก ผมก็เริ่มกระหน่ำเอวเข้าหาไม่หยุด บอกได้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรก ที่ด่าทอผมขณะที่มีอะไรกันอยู่ เป็นผู้หญิงที่ไม่เร้าอารมณ์เอาซะเลย แต่มันแปลกมาก ที่ร่างกายผมรู้สึกดีกับร่างกายของเธอ มากกว่าผู้หญิงที่ผมเคยผ่านมา
03 : 45 น.
[ ขนม part ]
ซ่า ซ่า
ทันทีที่เสียงน้ำในห้องน้ำดังขึ้น ฉันก็รีบขยับร่างกายลงจากเตียง แต่ให้ตายเถอะ! เพราะผู้ชายบ้าคนนั้นทำกับร่างกายฉันแบบไม่บันยะบันยัง ฉันที่ควรจะเหลือแรงกลับบ้าน แทบจะลากร่างกายไปหาเสื้อผ้าไม่ไหว
เมื่อเจอเสื้อผ้าของตัวเองฉันก็รีบสวมใส่มัน แม้คนที่ยังอยู่ในห้องน้ำ จะขู่เข็นว่าห้ามหนีไปไหนเป็นอันขาด ฉันก็ไม่สามารถอยู่ในนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ขืนอยู่ต่อ คงหนีไม่พ้นโดนเขาจับทำเรื่องอย่างว่าอีก บอกตามตรงว่าแค่นี้ ร่างกายของฉันก็แทบจะแหลกสลายกลายเป็นผุยผงแล้ว
ฉันลากสังขารที่มันเกือบพังออกไปจากห้อง แอบมองเข้าไปข้างในด้วยความรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่หนีออกมาก่อนเวลา แต่คิดว่าสิ่งที่เขาได้ไปจากฉันมันก็คุ้มค่าเงินมากแล้ว จึงรีบหอบร่างเดินต่อ พนักงานของโรงแรมดังมองฉันอย่างสงสัย ฉันกระชับเสื้อคลุมไว้ ไม่ให้ร่องรอยที่ทำกับเขาคนนั้นโผล่ออกมาให้ใครเห็น
สองชั่วโมงต่อมา
เป็นการเดินทางที่ยาวนานมากสำหรับฉัน เมื่อมาถึงบ้านที่เช่าอาศัยอยู่กับยายตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ฉันก็หอบร่างกายเข้าไปในห้องน้ำ ล้างทุกคราบที่เกิดจากกิจกรรมกับเขาคนนั้นออกไป แต่ยิ่งล้างเท่าไหร่ สัมผัสของเขาก็ยิ่งชัดเจน
“อึก!”
ไม่เป็นไร แม้สิ่งที่ฉันเสียไปจะเป็นศักดิ์ศรีและความบริสุทธิ์ แต่เงินก้อนนี้ที่ได้มา มันมีค่ามากกว่าศักดิ์ศรีและสิ่งที่ฉันเสียไปมาก ฉันจะไม่คิดมากกับมัน และใช้ชีวิตต่อไปให้ดีที่สุด แล้วจะเลิกรับงานแบบนี้อย่างจริงจังสักที
ฉันเดินออกมาเลือกเสื้อผ้าใส่ เพราะรอยดูด และรอยฟันมีอยู่เต็มร่างกาย ฉันจึงไม่กล้าใส่ชุดนอนแบบเดิมทั้งที่อากาศในบ้านร้อนสุดๆ หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามานอนดูอยู่บนเตียง เข้าไปในแอพพลิเคชันไลน์ เพื่อลบไอดีไลน์เดิมออกจากเครื่อง
FR : เธอกล้าดียังไง ถึงได้แอบหนีฉัน!
ชิบหาย!
ฉันรีบกดบล็อกไอดีคนที่ตัวเองหนีมาอย่างรวดเร็ว รวมถึงลบไอดีไลน์ของตัวเองแล้วสร้างไอดีใหม่ขึ้นมาแทน เมื่อมั่นใจเขาไม่สามารถติดต่อตัวเองได้แล้ว ก็วางโทรศัพท์ไว้บนเตียง พยายามข่มตานอนให้หลับ เพราะวันพรุ่งนี้ฉันยังต้องไปเรียนตามปกติ
วันต่อมา
09:45 น.
ผลพ่วงจากเรื่องเมื่อคืน ทำให้ฉันไม่มีเวลาแต่งหน้าให้มันเหมือนปกติ ฉันตื่นสายเพราะอาการเหนื่อยล้า ตอนมาถึงมหาวิทยาลัยหลายๆคนจึงมองด้วยความสงสัย พยายามก้มหน้ากระชับแว่นแล้ว แต่ความอยากรู้อยากเห็นของคน ก็ทำให้ฉันถูกสงสัยอยู่ดี
“หนม วันนี้ตัวแต่งหน้าเหรอ?”
เฟื่องฟ้า เพื่อนเพียงคนเดียวถามพลางจ้องใบหน้าใต้แว่น คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ฉันจะตอบยังไงดี ว่าฝ้าและกระพวกนั้น มันคือเครื่องสำอางที่ฉันใช้พรางใบหน้าที่แท้จริง
“อื้อ! เราลองแต่งดูอ่า เป็นไงบ้าง”
เฟื่องฟ้าเป็นคนซื่อๆ เธอเชื่อคนง่ายแม้จะขี้สงสัยมากไปหน่อย เมื่อเพื่อนพยักหน้าขึ้นลง ฉันก็ถอนหายใจโล่งอกทันที หวังว่าจะไม่มีใครเข้ามาถามอีก ได้โปรดปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตเหมือนที่ผ่านมาเถอะ
“เออตัว! ว่าแต่ รอยนี่มันอะไรเหรอ?”
เฟื่องฟ้าไม่พูดเปล่า ยังเอานิ้วมือจิ้มบริเวณลำคอฉันอีกด้วย ฉันรีบจับมือเธอออก มองหาอะไรที่พอจะใช้ส่องได้ เมื่อเห็นว่ามีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ฉันก็รีบเดินไปใช้กระจกของรถคันนั้นทันที
“ชิบหาย!”
เมื่อเช้าฉันรีบมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมใช้รองพื้นที่มีปกปิดรอยแดง แต่ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้ ฉันคิดว่าปิดดีแล้วนะ ทำไมยังมีรอยเหลือเยอะอยู่เลยล่ะ
“ตัวเป็นอะไรไหมอะหนม เราว่าตัวไปหาหมอดีไหมอะ?”
เฟื่องฟ้าถามด้วยความเป็นห่วง และมีท่าทีรังเกียจอยู่นิดหน่อย ตามปะสาลูกคุณหนูผู้รักความสะอาด ฉันส่ายหน้าไปมา มองกระจกอีกครั้งพลางคว้านมือหาคุชชั่นเพื่อมาปิดรอยดูดของคนเมื่อคืน
“ตัวอย่าเล่าให้ใครฟังนะเฟื่อง”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“ก็ เรื่องรอยพวกนี้แหละ เรากลัวคนรังเกียจเราอะ”
“เราจะเล่าให้ใครฟังได้อะตัว เรามีตัวเป็นเพื่อนคนเดียวนะ”
เพราะเฟื่องฟ้านิสัยแปลก เธอเลยไม่มีเพื่อน ด้วยความที่ฉันเองก็ไม่มีใครอยากจะคบ เราจึงมาคบกันเอง ด้วยความที่เข้าใจกันและกัน ทำให้ความสัมพันธ์เหนียวแน่นมาจนถึงตอนนี้
“เราก็มีเฟื่องเป็นเพื่อนแค่คนเดียวเหมือนกัน”
“ให้เราช่วยไหมตัว”
“ไม่เป็นไรๆ เราจัดการเองได้”
ฉันใช้คุชชั่นปิดร่องรอยที่โผล่พ้นร่มผ้าออกมา เมื่อไม่มั่นใจก็ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาลงอีกสองเม็ด เมื่อเห็นว่าเนินอกก็มีรอยแดงช้ำจากการกัดและการดูด ก็รีบกดฟองน้ำทับลงไปรัวๆ แช่งชักหักกระดูกคนที่ทำไปด้วย แสนหนึ่งที่เขาให้ ฉันรู้สึกไม่คุ้มค่าเลยสักนิด
“ชิ! คนเอาแต่ใจ!”
“ตัว! เหมือนเราจะสายแล้วอะ!”
“อ๊าก! ไปกันเถอะเฟื่อง อาจารย์วิชานี้ยิ่งโหดๆอยู่ด้วย”
ฉันรีบกลัดกระดุมกลับเข้าที่เดิม คว้าแขนเล็กๆของเฟื่องฟ้าไปจับ ออกแรงลากเธอไปตามทางเดินเชื่อมไปยังตึกคณะ เพราะเฟื่องฟ้าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก และร่างกายของฉันยังบอบช้ำไม่หาย การลากถูของฉันกับเพื่อน จึงดูตลกจนใครหลายคนมอง