“เพื่อนคนอื่นไปไหน?”
ผมลองถามดู รู้สึกไม่ค่อยดีกับเพื่อนของเธอเล็กน้อย ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ทิ้งเพื่อนให้อยู่คนเดียว ต่อให้ตัวเองเหนื่อยแค่ไหนก็จะวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เหมือนตอนนี้ที่เพื่อนผมรอดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของพวกมันเลย
“ไม่มีหรอก ขนมเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเรา ขอตัวไปดูเพื่อนก่อนนะ”
“อื้อ คืนนี้ขอโทรหานะ”
“อ่า อื้ม”
ผมมองตามหลังคนตัวเล็กไปจนลับสายตา ไอ้คิงกับไอ้ชาร์ลเดินกลับมาตบไหล่ผมอย่างแรง มองหน้าผมพลางยิ้มล้อเลียน ผมเลยทำหน้าเหวี่ยงใส่พวกมัน เพื่อกลบอาการเขินอาย
“คนนี้ถูกใจ?”
“ก็… อืม”
“สงสัยเสือจะทิ้งลายแล้วว่ะ!”
“ก็ ไม่รู้สิ เรื่องอนาคต บอกไม่ได้หรอก”
คำตอบของผมทำให้เพื่อนทั้งสองส่ายหน้า มันจริงนี่หว่า ถึงหน้าตาเธอจะตรงสเปกมาก แต่เรื่องการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันก็ขึ้นอยู่กับนิสัยของเราอยู่แล้ว ถ้าเข้ากันไม่ได้ ผมก็ไม่อยากเสียเวลาหรอก
“มึงนี่แม่ง! เอาใจยากชิบ!”
“อืม ไปกินเหล้ากัน กูเลี้ยง”
ผมยักไหล่อย่างไม่แคร์คำปรามาสของเพื่อน เดินนำพวกมันกลับไปทางตึกคณะของตัวเอง อย่างไม่ต้องรอคำตอบของเพื่อน มั่นใจว่าพวกมันต้องไปแน่ ไม่ใช่ว่าเห็นแก่ของฟรี แต่ไอ้พวกนี้มันสิงค์นักดื่มอยู่แล้ว
17:15 น.
@S Club
แม้จะยังหัววันอยู่ แต่ผมถืออภิสิทธิ์ลูกชายเจ้าของสถานที่ จึงมีคนคอยบริการอย่างดี เหล่าพริตตี้ที่ถูกจ้างมาราคาแพงลิ่ว นั่งขนาบเพื่อนและผมจนโซฟาดูแคบลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครบ่น มีแต่คนอยากจะได้สาวๆมาเพิ่ม
“เข้มไหมคะคุณฟาร์”
“ไม่ต้องหรอก ยังอยากอยู่ต่อยาวๆ”
“มึงจะไม่เล่าจริงเหรอวะ ว่าเมื่อวานมึงทำอะไรกับน้อง K บ้าง”
ไอ้คิงวางแก้วเหล้าลง คำถามของมันทำให้ผมหวนคิดถึงเรื่องที่หลงลืมไปชั่วขณะ มันควรเล่าไหมวะ คันปากหยุบหยิบอยากจะเล่ามาก แต่ทำไมผมถึงไม่เล่าอะไรให้เพื่อนฟังเลย ทั้งๆที่พวกมันเอาแต่ถามคำถามแบบนี้ตลอดทั้งวัน
“ไม่มีอะไรพิเศษ”
“เห้อ! น่าจะลากพวกไอ้ชุนมาด้วย กูอยากได้ข้อมูล เผื่อน้องเขาเปิดรับงานอีก”
“พวกมันอาจจะโกหกมึงก็ได้”
ผมนึกถึงคำพูดของเพื่อนที่ว่า ‘น้อง K ลีลาอย่างเด็ด ตอนที่ร่อนอยู่บนตัวกู แม่งอย่างยั่ว!’ เรื่องหลอกเงินเธออาจจะทำจริงๆ แต่เรื่องนี้มันโกหกแน่ๆ เธอจะร่อนบนตัวมันได้ยังไง ในเมื่อเธอเพิ่งจะเสียตัวให้ผมเป็นคนแรก
“ทำไมมึงพูดงั้น?”
“ไม่รู้ดิ บางทีพวกมันอาจจะพูดความจริงไม่หมด”
“แล้วความจริงมันเป็นยังไงล่ะ?”
“เลิกสนใจผู้หญิงแบบนั้นเถอะน่า”
“นั่นสิคะ สนใจพวกเราหน่อย”
“สาวๆน้อยใจเหรอ ไม่ต้องน้อยใจน้า เดี๋ยวคืนนี้อยู่เล่นด้วยทั้งคืนเลย”
“แหม๋! ให้มันจริงเถอะค่ะ”
“ฮ่าๆ”
ผมวางแก้วเหล้าลง เพื่อให้สาวข้างกายได้เติมเหล้าให้ รู้สึกร้อนขึ้นมาเฉยเลย เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่ทำเมื่อคืน จะว่าแย่ มันก็แย่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ที่แย่มันก็มีแค่ยัยนั้นขี้โกง ปล่อยให้ผมทำทุกอย่างคนเดียว ซ้ำยังหนีไปก่อนเวลา แต่อย่างอื่นมันไม่แย่เลย โดยเฉพาะร่างกายส่วนนั้นของเธอ ที่มันดีที่สุดเท่าที่เคยทำมา
“อุ๊ย! คุณฟาร์ ตรงนี้มันเป็นอะไรน้า?”
สาวข้างกายถามพลางลูบเป้ากางเกงผมขึ้นลง แท่งเนื้อที่ผมภาคภูมิใจแข็งแน่นจนเริ่มปวด แม้จะมีเธอช่วยนวดคลึงอยู่ มันก็ไม่รู้สึกดีจนถึงขั้นอยากจะปลดปล่อยเลย แม้จะปล่อยให้เธอควักมันออกมาชักรูดอยู่ด้านนอก มันก็แข็งอย่างเดียว ไม่เสียวเหมือนตอนที่ได้เสียบคนเมื่อคืนเลย
หมับ!
“พอเหอะน่า อายพวกมัน!”
“มึงมีอะไรต้องอายพวกกู ขนาดเอากันต่อหน้ากู มึงยังเคย”
“ไอ้ห่า! จะพูดขึ้นมาเพื่อ?”
ผมรู้สึกหงุดหงิด เพราะเผลอนึกตามคำพูดของพวกมัน เห็นภาพของเธอคนนั้นเคลื่อนไหวร่างกายอยู่บนตัวผม โดยมีพวกมันมองจ้องอยู่ สายตาของพวกมันไม่ต่างไปจากที่เคยเกิดขึ้นเลย ผมไม่ชอบ ไม่อยากให้ใครเห็นร่างกายของผู้หญิงคนนั้น
หน้าอกแบบนั้น บั้นท้ายแบบนั้น ผมต้องเห็นจนเบื่อก่อน คนอื่นถึงจะมีสิทธิ์เห็น
“มึงหงุดหงิดอะไรเนี่ย?”
“แดกเหล้าเหอะ อย่าพูดมาก”
“อะไรวะ!”
เพื่อนผมหันไปสนใจสาวข้างกาย ปล่อยให้ผมอยู่กับอารมณ์หงุดหงิดเพียงลำพัง พวกมันรู้ดีว่าถ้าผมอารมณ์ขึ้น ใครหน้าไหนก็เข้าใกล้ไม่ได้ คนที่จะทำให้ผมเย็นลงได้ มีแค่แม่กับพี่สาวเท่านั้นแหละ ไม่มีใครอยากเสี่ยงชีวิต ในเวลาที่ผมหงุดหงิดแบบนี้หรอก
21 : 45 น.
[ขนม part ]
ฉันนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับ แม้ร่างกายจะมีไข้ขึ้นสูง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเลิกเรียน มันทำให้ข่มตานอนไม่ลงจริงๆ
ฉันไม่นึกเลยว่าผู้ชายคนนั้น จะเป็นรุ่นน้องคณะบริหารของมหาวิทยาลัยฉันเอง ซ้ำเขายังเป็นคนที่จะหมั้นกับเพื่อนฉันด้วย ถ้าหากฉันรับงานกินข้าวธรรมดา ฉันจะไม่คิดมากเลย แต่นี่ฉันรับงานนั้นมา ถ้าหากว่าเขากับเพื่อนฉันรักกันจนถึงขั้นแต่งงาน ฉันจะมองหน้าเพื่อนยังไง
Tru Tru
ฉันลังเลที่จะรับสายโทรศัพท์จากเฟื่องฟ้า แต่เมื่อคิดว่ารับช้าเพื่อนจะเป็นห่วง ฉันก็กดรับสายแล้วเงียบฟังว่าทางนั้นจะคุยอะไร
[ตัว! หนม! ฮัลโหล?]
“จ้าเฟื่อง เราฟังอยู่ มีอะไรเหรอ”
[ตัวอยู่โรงพยาบาลกับยาย หรืออยู่บ้าน?]
“เรากลับมาถึงบ้านสักพักแล้ว ตอนนี้อาบน้ำเสร็จพร้อมนอนแล้ว”
[ตัวอาบน้ำเหรอ? เราว่าตัวมีไข้อ่อนๆนะ]
“อ่า… เรากินยาแล้ว”
ไม่ใช่ไข้อ่อนๆหรอก ถ้าใช้ปรอทวัดไข้วัด ฉันว่ามันน่าจะพุ่งไปถึง 38-39 องศาเซลเซียสเลยแหละ แต่พูดแบบนั้นไปเพื่อนจะยิ่งเป็นห่วง กินยาแก้ปวดลดไข้ที่ได้มาจากโรงพยาบาลไปแล้วด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร พรุ่งนี้ก็คงไปเรียนได้ตามปกติ
[พรุ่งนี้เราว่าตัวหยุดเรียนดีกว่าไหม เดี๋ยวไม่สบายหนักไปอีกคนนา]
“เราไปไหว”
[อ่า]
“ตัวโทรมามีอะไรเปล่า ไม่สบายใจอะไรเล่าได้นะ”
เพราะเราเป็นเพื่อนกันมาหลายปี เวลาที่เฟื่องฟ้าผู้รักการนอนโทรมาดึกดื่น นั่นหมายความว่าเธอมีเรื่องจะปรึกษา ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่
[แหะๆ ก็ไม่เชิงไม่สบายใจหรอก เราแค่อยากถามความเห็นตัวอะ ตัวคิดว่าน้องที่เข้ามาคุยวันนี้โอเคไหมอะ?]
เพิ่งจะเคยเห็นเพื่อนสนใจผู้ชาย ฉันดีใจเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าเพื่อนฉันเป็นเลสเบียน หรือเพศที่คนสมัยนี้เรียกรวมๆกันว่า LGBTQ แต่การที่เพื่อนสนใจผู้ชายคนนั้น มันมาพร้อมกับความกังวลนิดๆ ฉันกลัวว่าเพื่อนกับเขาจะลงเอยกัน ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันจะทำยังไงดี