“ผมทำทุกอย่างตามความเหมาะสมครับ ผู้หญิงคนนี้มือด้าน ไม่เหมาะที่จะสวมแหวนเพชรราคาแพงๆ หรอกครับ” ซึ่งเขาก็ให้คำตอบมารดาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานักราวกับจะสร้างความอับอายให้เจ้าสาวป้ายแดงของตัวเองก็ไม่ผิด นั่นยิ่งทำให้คุณทอแสงไม่พอใจไปกันใหญ่
“ตาทัช!”
“แค่นี้ก็พอแล้วค่ะคุณผู้หญิง เทียนชอบค่ะ” เป็นพลอยบุหลันที่ต้องเอ่ยห้ามเพราะไม่อยากเป็นต้นเหตุให้สองแม่ลูกต้องมาทะเลาะกันเพราะเธอ อีกอย่างที่พูดไปเธอก็ไม่ได้โกหก เธอชอบแหวนวงนี้ อย่างน้อยๆ มันก็เป็นแหวนที่เขาบรรจงสวมให้กับมือ แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
“เรียกฉันว่าแม่เถอะนะเทียน เพราะต่อจากนี้ไปเธอไม่ใช่เทียนคนเดิมอีกต่อไป” แม้อีกฝ่ายจะพูดอย่างนั้นแต่เธอก็ยังเป็นเธออยู่วันยังค่ำ การแต่งงานกับอินทัชไม่ได้ทำให้เธอสูงส่งขึ้นแต่อย่างใด เพราะเขาไม่เคยให้เกียรติกัน ไม่เว้นแม้แต่จะจดทะเบียนสมรสให้ทั้งๆที่ควรจะทำ
“ค่ะ…คุณแม่”
หญิงสาวขานรับทั้งน้ำตา เธอรู้สึกซึ้งใจเป็นอย่างมากที่คนตรงหน้าไม่มีได้ท่าทีรังเกียจกันให้ได้เห็น ซ้ำท่านยังยอมให้เธอเรียกแม่
เรือนบุหงา คือเรือนหอที่อินทัชเลือกที่จะใช้เพื่ออยู่กินกับภรรยาป้ายแดง เหตุผลที่เขาเลือกที่จะพาแม่ตัวดีย้ายเข้ามาอยู่เพราะที่นี่อยู่ไกลจากบ้านใหญ่อีกทั้งมันยังสงบ ไม่วุ่นวายชวนปวดหัวเหมือนที่ไหนๆ
ความจริงเขาสร้างเรือนหอเอาไว้อีกที่ เป็นสถานที่ที่สวยกว่าเรือนหลังนี้ค่อนข้างมาก แต่ก็ต้องประกาศขายไปเสียก่อนจะได้ย้ายเข้าไปอยู่เพราะเขาไม่คิดจะให้ใครเข้าไปอยู่นอกจากแววดาวอดีตเจ้าสาวที่ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้เขาก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย และเมื่อโอกาสที่ว่านั้นไม่มีแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้อีกต่อไป
“คุณทัชจะให้เทียนนอนที่ห้องไหนคะ” คนที่เงียบนิ่งอยู่นานหลายนาทีตัดสินใจเอ่ยถามขึ้น เพราะไม่กล้าคิดเอาเองว่าเขาจะให้เธอนอนร่วมห้องด้วย เธอรู้ว่าเขาเกลียดเธอ เกลียดเสียยิ่งว่ากิ้งกือไส้เดือน
“อยากนอนตรงไหนก็เลือกเอายกเว้นห้องเดียวคือห้องของฉัน!” เมื่อคำตอบที่ได้ไม่ผิดไปจากที่คิดไว้เท่าไหร่ หญิงสาวจึงเลือกที่จะนอนในห้องเก็บของที่ชั้นล่าง แทนที่จะขึ้นไปนอนในห้องรับรองแขกชั้นบน
เธอใช้เวลาจัดการข้าวของให้เข้าที่ไม่นานนักก็เข้าไปอาบน้ำก่อนจะกลับออกมาที่ห้องครัวเพื่อหวังว่าจะดื่มนมสักแก้วก่อนนอนตามที่อ่านเจอจากหนังสือที่คุณทอแสงซื้อมาให้ แต่สายตาเจ้ากรรมกลับเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่ของสามีที่กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่เพียงลำพังที่ห้องรับแขกเข้าเสียก่อน จึงได้ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขาอย่างเป็นห่วง
“ดึกมากแล้ว คุณทัชน่าจะเข้านอนได้แล้วนะคะ” น้ำเสียงที่เหมือนจะแสดงอาการเป็นห่วงเป็นใยกันของหล่อนนั้นมันช่างน่ารำคาญหูสิ้นดี ในความคิดของอินทัชที่กำลังนั่งคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว
“ไม่ต้องมายุ่ง! ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน เธออย่าคิดนะว่าการที่ฉันยอมแต่งงานด้วย แล้วเธอจะมีสิทธิ์มาวุ่นวายชีวิตของฉันได้!” นั่นคือสิ่งที่เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เกิดขึ้น สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือลูก!
ส่วนผู้หญิงคนนี้…เธอจะเป็นได้มากสุดแค่แม่ของลูกเขาเท่านั้น
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก
หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ
“ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
พลอยบุหลันจำไม่ได้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน รู้แต่ว่าพอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็พบว่าไม่ได้มีแค่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ข้างกายยังพบอินทัชที่กำลังนอนกอดเธอเอาไว้แน่นเสียจนเธอไม่กล้าที่จะขยับแรงๆ เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้เขาตื่นขึ้นมาโวยวายใส่กันเข้าอีก
หญิงสาวใช้เวลาที่แสนมีค่านี้ลอบมองคนใจร้ายอยู่นานหลายนาที เขาหล่อเรื่องนั้นใครๆ ก็รู้ และเพราะความหล่อที่แสนร้ายนี้เองที่มันทำให้เธอหลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ
แรกเริ่มก่อนที่จะรู้ว่าการที่เขามาทำดีด้วยมีหวังผลนั้นอินทัชทำดีกับเธอแทบทุกอย่าง จนเมื่อตกเป็นของเขาเธอถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบเธอเลยสักนิด เขาก็เป็นเหมือนผู้ชายทั่วๆ ไปที่สามารถมีอะไรกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักได้ ต่างจากเธอที่หากลองไม่ได้มีใจรักเขาอยู่ก่อน เธอก็คงไม่มีวันยอมตกเป็นของเขาง่ายๆ
หากเธอทันคนสักนิด ชีวิตคงไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานแบบนี้
“จะมองหน้าฉันอีกนานไหม! ไม่รู้รึไงว่าแอบมองคนที่กำลังหลับมันเสียมารยาท!” เสียงตวาดที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวได้สติ เธอทำท่าจะผละหนีความผิดที่แอบมองเขา แต่เพียงแค่ขยับ คนเจ้าเล่ห์ก็ตวัดให้เธอล้มลงไปลงบนเตียง ส่วนตัวเขาก็ลุกขึ้นมาคร่อมกันไว้อย่างรวดเร็ว
“ว่าไง…แอบมองหน้าฉันทำไม!”