บทที่8

1515 Words
“เทียนขอโทษค่ะ ถ้าคุณทัชไม่ชอบเทียนจะไม่ทำอีก ปล่อยเทียนเถอะนะคะ”อินทัชไม่ได้ว่าอะไรต่อ เขายอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระตามที่ขอ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมละสายตาไปจากใบหน้าอ่อนหวานของเธอ “หิวข้าว” “คะ” “ทำไข่เจียวหมูสับให้กินหน่อย” สิ้นคำร่างสูงก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรต่อ การกระทำนั้นทำให้พลอยบุหลันต้องลุกขึ้นจากเตียงไปอาบน้ำ ก่อนจะรีบเข้าครัวทำอาหารเช้าให้เขาตามคำสั่ง อินทัชใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เดินลงมาที่ชั้นล่างซึ่งตอนนี้มีข้าวไข่เจียวหอมกรุ่นวางเอาไว้รออย่างน่ากิน แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นคือทำไมมันถึงได้มีแค่จานเดียวส่วนที่เป็นของอีกคนเล่าอยู่ไหน “ทำไมมีแค่จานเดียว แล้วของเธอละ” “เดี๋ยวเทียนไปทานในครัวก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีสถานะเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา แต่เธอก็ไม่คิดอาจเอื้อมตีตนเสมอกับเขาได้เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ แค่เขาจอมจดทะเบียนด้วยมันก็มากเกินกว่าที่คิดเอาไว้ด้วยซ้ำ เธอจะไม่ร้องขออะไรที่มากไปกว่านี้ จะอยู่ในที่ที่เขาต้องการให้อยู่ ขอแค่ที่ตรงนั้นมันทำให้เธอได้อยู่กับลูกไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ยอมทั้งนั้น “ไปยกออกมากินที่นี่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องกิน!” “ตะ…แต่…” “ไปเดี๋ยวนี้พลอยบุหลัน! อย่าให้ฉันสั่งซ้ำเป็นรอบที่สอง!” เมื่อคนใจร้ายตวาดมาเช่นนั้นพลอยบุหลันจึงไม่มีทางเลือกจำต้องเดินไปหยิบจานข้าวที่มีไข่เจียวโป๊ะอยู่ด้านบนออกมาวางไว้ที่โต๊ะตรงข้ามกับเขา แต่เหมือนอินทัชจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่เขากำลังให้ความสนใจอยู่ตอนนี้นั้น มันคือหน้าตาของจานข้าวเช้าของอีกคนที่ดูน่ากิน “ทำไมของเธอน่ากิน” “เทียนใส่ดอกอัญชันเข้าไปด้วยค่ะ” คนถูกถามตอบกลับเบาๆ เธอบังเอิญเห็นต้นอัญชันที่ริมรั้ว จึงคิดถึงเมนูนี้ที่แม่ชอบทำให้กินขึ้นมา “ฉันจะกินจานนั้น!” คนพาลบอกก่อนจะแย่งจานข้าวของคนท้องเข้าหาตัวหน้าตาเฉย การกระทำนั้นทำว่าที่คุณแม่เผลอตวาดอย่างลืมตัวเพราะเธอเองก็อยากกินเหมือนกันถึงได้ทำต่างจากที่ทำให้กับเขา “คุณทัช!” “ทำไม! ไข่นี่ก็ของฉัน ดอกอัญชันนั่นฉันก็เป็นคนปลูก เธอมีสิทธิ์อะไรมาหวง!”จนถูกตอกหน้าด้วยคำพูดที่ทำให้เถียงไม่ออกพลอยบุหลันจึงจำต้องยอมปล่อยเขาทำสิ่งที่ต้องการไป แต่อะไรก็ไม่ทำให้เสียใจเท่าต้องมาทน นั่งมองดูเขากินไข่เจียวดอกอัญชันของตัวเองไปอย่างเอร็ดอร่อย ทางด้านแววดาวก็กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากเมื่อจู่ๆ มารดาก็ใช้ให้เด็กไปเรียกเธอออกจากห้องก่อนจะพบว่าไม่ได้มีเพียงมารดาเท่านั้นที่นั่งรอกันอยู่ที่ห้องรับแขก ข้างกายของท่านยังมีผู้ชายอีกคนนั่งอยู่ด้วย “นี่คุณภาคินัย มาทำความรู้จักกับพี่เขาไว้เสียสิ” คุณประกายดาวเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบก่อนจะฉุดแขนบุตรสาวให้นั่งลงข้างๆ กัน “สวัสดีค่ะ” ซึ่งแววดาวก็รับคำของมารดาด้วยการทักทายอีกคน ผู้ชายที่เธอจำไม่ได้ว่าเขากับแม่ของเธอไปรู้จักกันได้ยังไง ที่ไหน “สวัสดีครับคุณแวว ตัวจริงคุณแววน่ารักกว่าในรูปอีกนะครับ เอ่อ…คุณป้าจะว่าอะไรไหมครับถ้าเกิดว่าผมจะขออนุญาตพาคุณแววออกไปขับรถเล่นสักหน่อย”ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเป็นกันเอง ทำราวกับว่าเขาสนิทชิดเชื้อกับครอบครัวมานานหลายปีทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเขาไม่รู้จักใครเลยนอกจาก 'เธอ' ผู้หญิงที่เขาทำได้เพียงแค่มองมาตลอดสามปี เธออาจจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งหนึ่งเคยวิ่งออกไปกลางถนนเพื่อช่วยลูกแมวที่กำลังจะถูกรถชน ภาพนั้นทำให้เขาที่บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์ในครั้งนั้นรู้สึกชอบในตัวของเธอมากจนถึงขั้นสั่งให้คนสนิทไปสืบประวัติถึงได้รู้ว่าเธอมีว่าที่คู่หมั้นอยู่แล้ว เขาถึงได้ยอมตัดใจเพราะถึงจะชอบเธอมากแค่ไหนแต่คนอย่างเขาก็ไม่นิยมทำลายความรักของใคร จนกระทั่งเมื่อโอกาสมาถึง ข่าวการถูกถอนหมั้นของเธอทำให้เขาต้องรีบฉวยโอกาสนี้เอาไว้ก่อนที่จะถูกมือดีคชรายใหม่มาฉกเอาไป และดูเหมือนแม่ของเธอเองก็รู้จะพออกพอใจในตัวของเขาไม่น้อย เรื่องมันถึงไม่ยากอย่างที่คิด ที่เหลือก็แค่จะทำยังไงเขาถึงจะได้หัวใจของเธอ ซึ่งนั่นต่างหากสิ่งที่ยากของจริง “ป้าจะไปว่าอะไรได้ ไปเถอะจ๊ะ อยากพาน้องไปไหนก็ไป เพราะอีกหน่อยเราสองคนก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว ป้าไม่ถือ” คุณประกายดาวให้คำตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่แววดาวกลับไม่รู้เช่นนั้นสักนิด “คุณแม่หมายความว่ายังไงคะ!” เธอร้องถามมารดาด้วยความไม่เข้าใจถึงสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อ “ก็หมายความว่าพ่อคินเขาส่งคนมาทาบทามสู่ขอเรากับแม่น่ะสิ แล้วแม่ก็ตอบตกลงทางนั้นเขาไปแล้วด้วย” คำตอบนั้นทำให้เธอแทบจะล้มจะยืนเมื่อได้ยิน แต่ครั้นจะเอ่ยอะไรออกไปก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการหักหน้ามารดาต่อหน้าแขกคนสำคัญของท่าน สุดท้ายก็ทำได้เพียงยอมขึ้นรถคันหรูออกมาจากบ้านกับผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จัก หวังจะพูดคุยกับเขาตามตรงถึงเรื่องแต่งงานที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน และไม่คิดที่จะยอมรับมันง่ายๆ “ฉันคิดว่าเรื่องแต่งงาน…” “ยังไงก็ต้องถูกจัดขึ้นเพราะผมเตรียมการทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว” เสียงเข้มของคนที่เงียบมานตลอดทางตอบกลับพร้อมๆ กับรถที่หยุดลง เหมือนเขาจะรู้ว่าอีกคนมีหลายเรื่องที่ต้องการจะพูดคุยกัน “แต่ว่าเรา…เราเพิ่งรู้จักกันเองนะคะ” คนสองคนไม่เคยรู้จักหรือแม้แต่ศึกษาดูใจกันมาก่อนจู่ๆ จะให้มาแต่งงานกันเธอไม่เห็นด้วย การที่จะแต่งงานกับใครสักคนเธออยากให้คนๆ นั้นเป็นคนที่เธอรัก และเขาก็รักเธอ ในขณะที่ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ไม่ได้เป็นทั้งสองอย่างที่ว่ามาเลย “ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน อีกเป็นเดือนกว่าจะถึงวันงาน กว่าจะถึงเวลานั้นผมว่าบางทีเราสองคนอาจจะรู้จักกันหมดทุกซอกทุกมุมไปแล้วก็ได้” ภาคินัยยังคงให้คำตอบในลักษณะเดิมอย่างคนไม่คิดที่จะยอมแพ้ เขาเฝ้ารอที่จะได้ครอบครองผู้หญิงคนนี้มานานถึงสามปีเต็ม ไม่มีวันที่เขาจะเปลี่ยนใจ หรือปล่อยให้เธอต้องตกไปเป็นของคนอื่นอย่างแน่นอน “หยุดพูดจาหยาบคายกับฉันเดี๋ยวนี้นะคะ ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีวันแต่งงานกับคนอย่างคุณ!” “คนอย่างผมมันทำไม!” เสียงเข้มตวาดกลับพร้อมกระชากคนดื้อเงียบตรงหน้าเข้าหาตัวอย่างแรง เขายอมรับว่าโกรธที่เธอดื้อใส่ เธอจะรู้ไหมว่ามีผู้หญิงกี่คนบนโลกที่อยากมาเป็นภรรยา เป็นแม่ของลูกเขา แล้วเธอเล่า กล้าดียังไง ถึงได้ทำราวกับเขาเป็นตัวเชื้อโรคที่ไม่น่าเข้าใกล้! “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคุณภาคินัย! คุณไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวฉัน! ปล่อย!”สัมผัสที่ป่าเถื่อนทำให้แววดาวตวาดใส่คนตรงหน้าอย่างไม่คิดไว้หน้า เขามันก็แค่พวกฉวยโอกาส เธอเกลียดสัมผัสอันหยาบคายของเขานั่นคือสิ่งเดียวที่รู้สึกได้! “แล้วใครหน้าไหนกันที่มีสิทธิ์แตะต้องคุณ! ไอ้ผู้ชายที่มันไปเผลอทำผู้หญิงอื่นท้องแล้วยกเลิกงานแต่งกับคุณไปนั่นหรือไง หึ! อย่าทำมาเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปหน่อยเลย ที่จริงคุณควรต้องขอบใจผมเสียด้วยซ้ำที่เข้ามารับช่วงต่อ ไม่ปล่อยให้คุณต้องตัดชุดแต่งงานเก้อ!” มันมากเกินพอแล้วที่จะปล่อยให้เขาดูถูกกัน แววดาวตวาดฝ่ามือลงใบหน้าคมคายอย่างแรง ให้สาสมกับที่เขาใช้คำพูดทุเรศๆ จาบจ้วงเธอ “อย่างน้อยพี่ทัชเขาก็ให้เกียรติฉัน ไม่เหมือนผู้ชายอย่างคุณ!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD