แกร็ก~
"เกิดอะไรขึ้นครับนาย!" เสียงของอาชาดังขึ้นทันทีที่ประตูห้องนอนถูกผลักเข้ามาอย่างแรง
ฮันนี่ดึงชายกระโปรงปกปิดช่วงล่างพร้อมทั้งยกแขนขึ้นบดบังท่อนบนสลับกับการเร่งรีบปกปิดเรือนร่างให้พ้นจากสายตาคนแปลกหน้า
มาเฟียหนุ่มตวัดสายตาไปมองลูกน้องคนสนิทอย่างหัวเสียเมื่อเห็นกับตาว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้เปลือยโป๊จนเกินไป ตามด้วยการเก็บกางเกงยีนส์ตัวเดิมขึ้นมาสวมใส่แบบลวกๆ
"ขอโทษครับ ผมได้ยินเสียงเหมือนคนโดนทำร้าย ผมเลยกลัวว่า..."
"มึงคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กแค่นี้จะทำอะไรกูได้" ออสตินหมุนตัวกลับไปเท้าสะเอวมองหน้า อาชาก้มหน้างุด คนสนิทของมาเฟียแทบไม่กล้าหันไปมองหญิงสาวเบื้องหลังของผู้เป็นนาย
"แต่บนตัวนายมีรอยแดงเหมือนโดนทำร้ายนะครับ" มาเฟียหนุ่มกดปลายลิ้นที่มุมปาก ดวงตาคมกริบลดมองรอยแดงบนอกแกร่ง เป็นจังหวะที่ผู้หญิงในห้องลนลานเอาตัวรอด พยายามจะผละห่างหากไม่ติดที่ว่ามาเฟียหนุ่มรั้งตัวได้ทัน
"จะไปไหน"
"ปล่อยฉันนะไอ้ผู้ชายเฮงซวย อย่ามาแตะต้องตัวฉัน"
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือเล็กตวัดตบเข้าที่เสี้ยวใบหน้ากระทั่งใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามแรงมือ
อาชากลืนน้ำลายเหนียวลงคออึกใหญ่ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำแบบนี้กับเจ้านายของเขา
เป็นไปได้ว่าเธออาจจะโดนสั่งฆ่า ลงโทษที่บังอาจแตะต้องคนที่ไม่ควรแตะ
"คิดจะออกไปด้วยสภาพแบบนี้รึไง!" อาชาหรี่ตามองผู้เป็นนายทันที
น่าแปลกที่ความห่วงใยที่อาจจะมีเพียงน้อยนิดหลุดออกมาจากปากของออสติน
"อย่ามายุ่งกับฉัน อย่าให้ฉันต้องใช้แจกันฟาดหน้าหล่อๆ ของนาย"
"เหอะ..." ออสตินเค้นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
ยอมรับว่าเรื่องเซอร์ไพรส์ที่เขาบังเอิญพบเข้ามันทำให้เขายังไม่อยากปล่อยเธอไป
"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อาชาจะเป็นคนไปส่งเธอที่บ้านเอง" ฮันนี่ไม่อยากเชื่อ ดวงตากลมสวยที่มีหยาดน้ำตาหล่อเลี้ยงอยู่ในนั้นกลอกกลิ้งไปมา มาเฟียหนุ่มจึงเลือกที่จะปล่อยมือ
"ห้องน้ำอยู่ฝั่งโน้น จัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วค่อยออกไป ส่วนมึง...ออกไปรอข้างนอก"
"ครับ" อาชาขานรับแล้วผละตัวออกจากห้องทันที
ราวยี่สิบนาทีให้หลังที่ประตูห้องนอนถูกเปิดออก มาเฟียหนุ่มที่นั่งสูบบุหรี่ที่ริมระเบียงหันกลับมามองร่างเล็กที่เริ่มเคลื่อนไหว
ฮันนี่ออกมาจากห้องพร้อมเสื้อเชิ้ตของเขาที่อยู่บนลำตัวของเธอ
เธอไม่ได้อยากมองหน้าไอ้ผู้ชายเฮงซวยเจ้าของเสื้อเลยแม้แต่นิดเดียว
"ฉันไม่ได้อยากหยิบเสื้อของใครมาใส่ แต่แกนั่นแหละที่ทำให้ฉันใส่ชุดเดิมต่อไม่ได้" คนฟังเคาะบุหรี่อย่างใจเย็น ควันขาวคลุ้งที่ลอยอบอวลอยู่ในอากาศส่งผลให้หญิงสาวเบือนหน้าหนี
"หวังว่าต่อจากนี้เราจะไม่พบกันอีก อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความ"
"นามบัตรของฉันอยู่ในกระเป๋าของเธอ เผื่อว่าเรามีเรื่องต้องตกลงกัน" ฮันนี่ชะงัก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขายุ่งวุ่นวายกับกระเป๋าสะพายของเธอ
"เหอะ!" หญิงสาวเค้นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเริ่มสาวเท้า ข่มความเจ็บปวดเดินผ่านหน้าปีศาจตัวร้ายที่เกือบขย้ำเธอให้แหลกคาเตียงออกมาอย่างรวดเร็ว
อย่าฝันว่าเธอจะมาตกลงอะไรกับคนอย่างเขา ทันทีที่พ้นจากที่นี่ เธอจะขย้ำนามบัตรใบนั้นให้แหลกคามือ!
เสียงเปิดกระเป๋าในตอนที่ลงมาถึงชั้นจอดรถส่งผลให้อาชาหันกลับไปมองหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องรับหน้าที่พลขับในยามวิกาล
คนสนิทของมาเฟียขมวดคิ้วยุ่งในตอนที่พบว่าคนตัวเล็กล้วงนามบัตรออกมาจากกระเป๋า ขย้ำจนยับคามือก่อนจะทิ้งขว้างออกไปอีกทาง
"นั่นนามบัตรของนาย?"
"ฉันไม่ได้ต้องการ"
"..."
"ฉันจะบอกอีกครั้งนะ ฉันไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น ฉันไม่รู้จักเจ้านายของคุณ ที่วันนี้พบกันมันก็เป็นเพราะฉันรับงานเพราะอยากได้เงินก็เท่านั้น ฝากบอกเขาด้วยว่าต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันจำหน้าเขาได้ หน้าคุณฉันก็จำแม่น อย่าให้ฉันได้ร้าย ฉันเอาพวกคุณติดคุกหัวโตแน่!" คนสนิทของมาเฟียยิ้มมุมปาก ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมาจากปากของอาชา
เพนต์เฮาส์ของออสติน
"เธอชื่อฮันนี่ครับ นักศึกษาปีสี่ของมหา'ลัยชื่อดัง แม่ของเธอเป็นแม่ค้า เปิดร้านขายอาหารตามสั่ง"
"ยัยนั่นเป็นลูกแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง?"
"ครับ...เธอสวยมากเลยใช่ไหมครับ" อาชาหรี่ตามองผู้เป็นนายอย่างจับผิด สุดท้ายก็ประสานสายตาเข้ากับดวงตาคมกริบที่มองมาอย่างไม่พอใจ
"ที่คุณฮันนี่เธอดูดีผิดหูผิดตา เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างดูแลตัวเองครับ เธอฉีดวิตามินผิวทุกสามเดือน ทั้งหน้า ผม แม้แต่เล็บก็ยังมีการดูแลอยู่เสมอ เธอต้องดูดีเพราะอยากทำงานที่มันได้เงินเยอะๆ เธอไม่อยากให้แม่ของเธอลำบากครับ"
"หึ จะใช้ความสวยเป็นตัวเบิกทางสินะ"
"ผมว่า คุณฮันนี่กับผู้หญิงของคุณซานย์...เป็นคนละคนกันนะครับ"
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร กูอยากได้ พวกมึงไปสืบมา!"
"สืบ? สิ่งที่ผมรายงานนายไปเมื่อสักครู่มัน..."
"ต้องลึกกว่านี้ นอกจากจะเป็นใครมาจากไหน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและผู้ชายที่เธอสั่งให้มึงกระทืบมันเป็นยังไง รู้จักกี่วัน คบหามากี่เดือน ไปสืบมา"
"ให้ผมไปสืบเรื่องของเธอกับผู้ชายคนนั้น แล้วเรื่องของคุณซานย์ล่ะครับ" มาเฟียหนุ่มทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง แว๊บหนึ่งที่มุมปากหนาผุดรอยยิ้มบางๆ
"แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นก็พอ"
"ครับ" อาชาพินิจผู้เป็นนายในระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นก็เลือกที่จะถอยกลับที่เดิม
อีกด้าน
"...ฮันนี่ วันนี้กลับบ้านเหรอลูก" มาลีเอ่ยถามบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเฉกเช่นทุกครั้ง
ส่วนคนที่แอบร้องไห้ เพียงเพราะนึกถึงชะตากรรมที่เธอเพิ่งเผชิญมาหมาดๆ ก็ได้แต่กรีดยิ้มกลับไป
"อยากกินไข่เจียวกรอบๆ ฝีมือแม่ค่ะ ขอจานฟูๆ หนึ่งจานด่วนเลยได้ไหมคะ"
"มาถึงก็อ้อนแม่เลยนะ ว่าแต่..ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะลูก" ฮันนี่แอบชะงักไป กว่าจะมาคิดได้ว่าเธอไม่ควรสวมใส่เสื้อผู้ชายคนนั้นกลับมาที่บ้าน
สุดท้ายแล้วความรู้สึกแย่ๆ ที่ประเดประดังเข้าใส่มันก็ทำให้เธออยากกลับมาเห็นหน้าผู้เป็นแม่ให้เร็วที่สุด ไม่อยากปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ ไปมากกว่านี้
"อ๋อ มันเป็นคอนเซ็ปต์งานค่ะแม่ คนอื่นเขาก็ใส่แบบนี้กันนั่นแหละ"
"เหรอ...แม่ว่ามันดูแปลกๆ นะ แต่ว่าลูกสาวแม่สวย ไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูสวยหมดนั่นแหละ"
"จะสวยเหมือนใครล่ะคะ ก็ต้องเหมือนแม่น่ะสิ" ฮันนี่คลี่รอยยิ้มก่อนจะรีบเดินเร็วๆ เข้าไปหาผู้เป็นแม่ สอดแขนเข้าไปโอบกอดท่านเอาไว้ พยายามอย่างยิ่งที่จะเรียกเรี่ยวแรงและกำลังใจของเธอให้มันกลับคืนมา
"หืม มากอดอะไรแม่ตอนนี้ล่ะ แม่ทำกับข้าวทั้งวัน เหม็นกลิ่นอาหารกลิ่นควันนะลูก"
"หนูรักแม่นะคะ สักวันหนูจะทำให้แม่สบาย แม่จะไม่ลำบากแบบนี้ ไว้หนูหาตังค์ได้เยอะๆ แล้วเราไปซื้อบ้านกันนะคะ" มาลียังยิ้มได้ทุกครั้งเวลาที่บุตรสาวกล่าวถึงอนาคต
มือแม่ลูบเบาๆ ที่ศีรษะทุยเล็ก ตั้งแต่วันที่พ่อของลูกเฉลยความจริงว่ามีภรรยาอยู่แล้วและเธอเป็นคนที่มาทีหลัง กำลังใจเพียงหนึ่งเดียวและคนเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างก็คือฮันนี่ไปโดยปริยาย
"เรียนจบก่อนก็ได้นะลูก เรียนไปทำงานไปแม่กลัวหนูไม่ไหว แม่ไม่อยากให้หนูเหนื่อยเกินไป แม่ขายของส่งหนูเรียนได้"
หากจะให้เธออยู่อย่างสุขสบาย แล้วปล่อยให้ผู้เป็นแม่จับตะหลิวทำอาหารทั้งวันจนข้อมือเคล็ด เธอยอมเรียนไปทำงานไปดีกว่า
"อ๋อ อาร์ตโทรหาแม่ถามถึงฮันนี่ด้วยนะลูก ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า น้ำเสียงของเขาไม่ค่อยดีเลย"
"อาร์ต..."
"หืม?" มาลีหรี่ตามองคนในอ้อมกอดน้อยๆ พอฮันนี่รู้ตัวว่าเธอลืมใช้สรรพนามเหมือนที่เคยใช้ ก็จำเป็นต้องรีบปรับเปลี่ยนคำพูดโดยไว
"พี่อาร์ตโทรหาแม่ตอนไหนคะ"
"ราวชั่วโมงก่อนเห็นจะได้ ฝากบอกแม่ไว้ว่าหากหนูกลับมาให้หนูติดต่อกลับไปหาพี่เขาทันที ไม่อย่างนั้นเขาจะตามมานั่งเฝ้าลูกแม่ที่นี่นะ ลูกคนนี้นี่ เสน่ห์แรงจริงๆ เลย" น้ำเสียงของมาลียังเจือไปด้วยความอบอุ่นเช่นเดิม
แฟนหนุ่มของบุตรสาว คือคนที่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน รู้หรอกว่าลูกสาวตัวน้อยๆ เสน่ห์แรงใช่ย่อยเลย
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใจคนฟังตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม อาร์ตคงไม่ปล่อยเธอให้เป็นอิสระแบบที่เธอต้องการ