วันหยุดสุดสัปดาห์ ราชันย์ รพีร์ ปรางวลัย และพี่เลี้ยงของน้องพีร์ ทั้งหมดเดินทางมาถึงโรงแรมที่พักในช่วงเที่ยง ตอนบ่ายราชันย์มีนัดคุยธุรกิจกับนักลงทุนชาวต่างชาติ ครั้งนี้นอกจากเขาจะมาคุยธุรกิจแล้วเขายังพาลูกชายตัวน้อยมาพักผ่อนไปในตัวด้วย
“ระหว่างที่ป๊าไปทำงาน พีร์อยู่กับพี่แนนอย่าซนนะครับ ป๊าคุยงานเสร็จเมื่อไหร่จะพาออกไปเล่นริมหาด”
“ค๊าบบบป่าป๊า”
“แนน..ฉันฝากด้วยนะ”
“ค่ะ คุณราชย์”
ในขณะที่ราชันย์กับปรางวลัยออกไปทำงาน หนูน้อยรพีร์ก็เล่นอยู่ในห้องพักกับพี่เลี้ยงเพื่อรอให้พ่อพาไปเที่ยว จนกระทั่งราชันย์คุยงานเสร็จเรียบร้อยเขาก็พาลูกชายออกมาเล่นทรายและน้ำทะเลริมชายหาดหน้าโรงแรมที่พัก ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวพอสมควร ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน นอกจากแขกที่มาพัก เจ้าลูกชายของเขาก็วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานชอบใจที่ได้เล่นอย่างอิสระ
“สนุกไหมเจ้าพีร์”
“ฉะหนุกมากค้าบป่าป๊า พีชอบทะเย”
ราชันย์ปล่อยให้ลูกได้วิ่งเล่นจนเกือบเย็น เขาก็ชวนลูกกลับที่พักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะทานมือเย็น
“คุณปราง..เดี๋ยวผมจะออกไปหาเพื่อน ผมไม่อยากพาเจ้าพีร์ไปด้วยเพราะอาจจะกลับมาค่ำหน่อย ผมฝากคุณด้วยนะ” ลูกชายของเขานอนเป็นเวลาด้วย หนึ่งทุ่มก็เข้านอนแล้ว เขาไม่อยากพาลูกออกไปตะลอนค่ำ ๆ มืด ๆ
“ได้ค่ะคุณราชย์ ไม่ต้องเป็นห่วง”
ตอนเย็นก่อนจะพลบค่ำเมื่อราชันย์ออกไปหาเพื่อน ปรางวลัยก็เอ่ยกับหนูน้อยรพีร์
“น้องพีร์ออกไปเดินเล่นริมหาด ไปดูพระอาทิตย์ตกทะเลกับป้าไหมครับ”
“ไปคับ” หนูน้อยรีบตอบรับ
“แนนไม่ต้องไปหรอก ฉันไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ” ปรางวลัยหันไปบอกกับพี่เลี้ยง
“ค่ะ คุณปราง”
ปรางวลัยเดินจูงมือรพีร์ลัดเลาะมาตามชายหาดจนมาถึงบ้านพักขนาดเล็ก ๆ เธอก็เดินเข้ามาภายใน
“พัท..”
“พี่ปราง! พี่ปรางมาได้ยังไงคะ”
“พี่ก็มาเซอร์ไพรส์พัทน่ะสิ พี่มาทำงานที่นี่กับเจ้านายจ้ะ”
“พี่ปรางมากับคุณราชย์!”
“ใช่จ้ะ พี่เลยเลือกจองโรงแรมใกล้ที่นี่ เพื่อที่จะได้แวะมาเยี่ยมพัทกับลูกด้วยไง”
“พี่ปรางทำไมจองโรงแรมนั้นล่ะคะ ถ้าเกิดเขามาเห็นพัทและลูกขึ้นมาจะทำยังไง”
“ก็พี่อยากเจอพัทนี่นา”
“แล้ว..เขาล่ะคะ” เธอกลัวว่าราชันย์จะมาเจอเธอกับลูกเข้า
“คุณราชย์ไม่ลงมาเดินเล่นแบบนี้หรอก ยิ่งมาทำงานด้วย”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนคะ..”
“เขาออกไปหาเพื่อนจ้ะ”
“เฮ้อ!” พัทธ์ธีราถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
“พัทดูซิ พี่พาใครมาด้วย..” ปรางวลัยขยับตัวให้พัทธ์ธีราเห็นว่าเบื้องหลังเธอนั้นมีใครมาด้วย
“น้องพีร์!”
“น้องพีร์ครับ สวัสดี..เอ่อ..”
“น้าพัทค่ะ น้าเป็นน้องสาวของป้าปราง” พัทธ์ธีราย่อตัวนั่งลงบอกกับลูกชาย หญิงสาวน้ำตาคลอจ้องมองลูกชายของตัวเองตาไม่กะพริบ
”ขอน้ากอดน้องพีร์หน่อยได้ไหมคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยออกมาอย่างที่ใจปรารถนา หนูน้อยเงยหน้าขึ้นมองปรางวลัยเมื่อเห็นเธอพยักหน้า เขาก็ตอบออกมา
“ได้คับ”
“น้องพีร์ของหม่าม้า” พัทธ์ธีรากระซิบออกมาแผ่วเบาพร้อมกับโผเข้ากอดทันทีที่ลูกชายอนุญาต เธอกอดเขาแน่นก่อนจะก้มลงหอมลูกครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความคิดถึงและห่วงหา เธอหวังมาตลอดว่าสักวันเธอจะได้กอดได้หอมลูกแบบนี้ให้ชื่นใจ หนูหน้อยรพีร์ก็ยืนนิ่งปล่อยให้เธอกอดหอมอยู่อย่างนั้นราวกับว่าเขาก็รอคอยอ้อมกอดนี้อยู่เช่นกัน พัทธ์ธีรากอดหอมลูกพยายามซึมซับความรู้สึกตอนนี้ไว้ให้มากที่สุดก่อนที่เธอจะผละออกจากลูกชายช้า ๆ อย่างอาวรณ์ ปรางวลัยน้ำตาคลอที่ได้เห็นแม่ลูกกลับมาเจอกันอีกครั้ง
“น้องรดาล่ะพัท”
“วันนี้เล่นซนจนเหนื่อย เพิ่งหลับไปไม่นานค่ะ”
“พี่ขอเข้าไปดูหลานหน่อยนะ”
“ค่ะ” พัทธ์ธีราเดินนำปรางวลัยและน้องพีร์เข้ามาภายในบ้าน
“น้องรดาตัวจริงน่ารักจังเลย หน้าเหมือนคุณราชย์อย่างกับถ่ายเอกสารกันออกมาเลยนะ” ปรางวลัยพูดออกมาอย่างที่เห็นเมื่อพิจารณามองหลานสาวที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม
“น้องน่ารักไหมคะน้องพีร์”
“น้องหน้ายักคับ”
“พี่ต้องกลับแล้วนะพัท เดี๋ยวหนึ่งทุ่มน้องพีร์ต้องเข้านอนแล้ว เผื่อคุณราชย์จะกลับมาเร็วก่อนเวลา
ด้วย” ปรางวลัยบอกกับหญิงสาวเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว
“ค่ะพี่ปราง”
“เป็นเด็กที่มีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะน้องพีร์” พัทธ์ธีราลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะละมือออกอย่างอาลัย
“ลาน้าพัทสิครับน้องพีร์ เราต้องกลับแล้ว”
“ยาก่อนคับน้าพัด”
“ลาก่อน..ลูก..” พัทธ์ธีราน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไว้ไม่ได้ เธอไม่อยากเอ่ยคำนี้ออกมา เธอไม่อยากจากลาลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หญิงสาวยืนมองปรางวลัยจูงมือลูกชายของเธอไปจนลับสายตา
ฝ่ายราชันย์เขาแวะมาหาภีรภาคย์ที่ผับ ทั้งสองทักทายกันก่อนจะนั่งดื่มพูดคุยกันตามประสาเพื่อน
“ไงวะไอ้ภีม มึงมาอยู่ที่นี่ 4 ปี มีเมียกี่คนแล้ว”
“กูยังไม่มีเมียโว้ย! กูก็กำลังมองหาอยู่”
“หาที่ไหน ที่ผับของมึงนี่น่ะเหรอ”
“ไม่ใช่เว้ย! คนที่น่าสนใจก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ลูกก็น่าจะอายุพอ ๆ กับเจ้าพีร์ลูกชายมึง”
“นี่มึงหันไปชอบแม่หม้ายลูกติดตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ปกติกูเห็นมึงชอบฟันแต่สาวเอ๊าะ ๆ “
“ว่าแต่กู แล้วมึงน่ะ ไม่คิดจะหาแม่ให้ลูกหรือไง”
“ไม่ล่ะ กูไม่อยากปวดหัว ไม่อยากให้ลูกมีปัญหา” พูดถึงแม่ของลูกทีไร เขาก็อดที่จะนึกถึงเธอไม่ได้ ป่านนี้เธอจะแต่งงานหรือว่ามีลูกไปกี่คนแล้ว
“ไหน..ผู้หญิงคนไหนที่มึงสนใจ พามาแนะนำให้กูรู้จักหน่อย” ราชันย์บ่ายเบี่ยงถามเรื่องอื่น เขาไม่อยากคิดถึงแม่ของลูก
“เธอเปิดโฮมสเตย์เล็ก ๆ อยู่ใกล้กับโรงแรมที่มึงพักกันนั่นแหละ”
“อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเสียด้วย”
ทั้งสองดื่มแค่พอหอมปากหอมคอ ราชันย์ก็ขอตัวกลับเพราะเขาเป็นห่วงลูกชาย ไม่อยากกลับดึก ส่วนภีรภาคย์ก็ทำงานดูแลผับของตัวเองอย่างเช่นทุกคืน
เช้าวันต่อมา..
“รดาคะ”
“ขาา..หม่าม้า”
“วันนี้หนูอย่าไปวิ่งซนหรือไปกวนพี่ ๆ และนักท่องเที่ยวที่โรงแรมฝั่งนั้นนะคะลูก” ยิ่งวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาพักมากกว่าวันปกติ แม้กระทั่งบังกะโลเล็ก ๆ ของเธอก็ยังถูกจองจนเต็ม เธอจึงยุ่งกับการดูแลแขกที่มาเข้าพัก ห่วงลูกก็ห่วง กลัวว่าราชันย์จะมาเจอลูกเข้า แต่เมื่อพี่ปรางยืนยันมาอย่างนั้น เธอค่อยเบาใจขึ้นมาหน่อย เขาคงไม่ลงมาเดินเพ่นพ่าน ลูกสาวของเธอก็รับปากแล้ว เธอจะได้มีสมาธิทำงานไม่ต้องคอยพะวงมากนัก
เช้านี้ราชันย์พาลูกชาย เลขาและพี่เลี้ยงของลูก ล่องเรือท่องเที่ยวไปตามเกาะสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ลูกชายของเขาเล่นน้ำและเพลิดเพลินไปกับการดำน้ำดูปลาตลอดครึ่งวันจนแทบไม่ยอมกลับเข้าฝั่ง
“พีอยากดำน้ำอีก พีอยากดูปา ป่าป๊าพาพีมาดำน้ำอีกนะค้าบ” หนูน้อยเขย่าแขนอ้อนขอร้องผู้เป็นพ่อ
“แล้วป๊าจะพามาดำน้ำอีก แต่วันนี้พอได้แล้วนะพี ตัวเราทั้งเย็นทั้งซีดไปหมดแล้ว” ราชันย์เอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงลูกชาย
“ตกยงค้าบบบ”
กว่าพวกเขาจะกลับมาถึงโรงแรมที่พักก็เกือบ 4 โมงเย็น โชคดีที่ทานมือเย็นกันมาเรียบร้อยแล้ว กลับมาถึงห้องทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพราะเหนื่อยกันมาทั้งวัน วันนี้เจ้าลูกชายของเขาก็เล่นปล่อยพลังไปจนหมดแรงจนหลับเร็วกว่าปกติ เมื่อไม่มีเสียงไม่มีลูกชายคอยถามนั่นถามนี่เขา ภายในห้องก็เงียบสงัดตั้งแต่ยังไม่มืดค่ำ
“ก๊อก ๆ” ราชันย์ออกมาเคาะประตูห้องของพี่เลี้ยงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“คะ คุณราชย์”
“เธอเข้าไปอยู่กับเจ้าพีร์หน่อย ฉันจะออกไปทำธุระ”
“ได้ค่ะ”
ราชันย์เดินลงมาหน้าโรงแรมเขาหันซ้ายหันขวาก่อนก้าวไปทางสระว่ายน้ำทางด้านซ้ายของโรงแรม เขาก้าวมายืนริมสระว่ายน้ำก่อนจะหยุดมองออกไปยังทะเลเบื้องหน้า พระอาทิตย์กำลังใกล้จะตก ท้องฟ้าเป็นสีส้มตัดกับสีน้ำทะเลอย่างสวยงาม แต่บรรยากาศยามเย็นแบบนี้ทำให้รู้สึกเหงาว้าเหว่ได้เช่นกัน ถ้าในสระว่ายน้ำจะไม่มีเด็ก ๆ เล่นน้ำกันอย่างส่งเสียงดัง
“โอ๊ย!” หนูน้อยที่มักจะมายืนแอบอยู่หลังพุ่มไม้ ยืนดูสระว่ายน้ำที่เธออยากมีอยากลงไปเล่น วันนี้มีเด็กมาเล่นน้ำในสระนั้นด้วย เธอแอบดูตรงพุ่มไม้อยู่เพลิน ๆโดยไม่ทันระวังทำให้ร่างเล็กของเธอคะมำผ่านพุ่มไม้เข้ามาอีกฝั่งในเขตของโรงแรมและชนเข้ากับขาของใครบางคนเข้าอย่างจังจนหนูน้อยล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้น
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าหนู” ร่างสูงโน้มตัวลงไป มือใหญ่เอื้อมจับร่างเล็กให้ลุกขึ้น
“ป่าวค่ะ หนูไม่เจ็บ” หนูน้อยตอบพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่เธอชนเข้า ราชันย์ชะงักนิ่งไปชั่วครู่เมื่อเห็นใบหน้าของหนูน้อยตรงหน้าได้อย่างถนัดเต็มสองตา
“หนูชื่ออะไรครับ..”
“ยะ..” เสียงเล็กกำลังจะบอกออกมาก่อนจะหยุดนิ่งคิด
“ชื่ออะไรครับ..” เขาถามย้ำอีกครั้งอย่างรอฟังคำตอบ
“หม่าม้าไม่ให้บอกคนแปกหน้าค่ะ”
“อ๋อ..ถ้าอย่างนั้น หม่าม้าของหนูชื่ออะไร อยู่ที่ไหนครับ พาฉันไปหาหม่าม้าของหนูหน่อยได้มั้ย” หนูน้อยส่ายหน้าไม่ยอมตอบ แต่กลับหมุนตัววิ่งทะลุพุ่มไม้กลับเข้าไปอีกฝั่ง ราชันย์มองตามหนูน้อยรายนั้นเข้าไปอย่างติดใจสงสัยบางอย่าง..
ชายหนุ่มกลับมายังห้องพักของตัวเอง เขาครุ่นคิดจนนอนแทบไม่หลับ ภาพของเด็กผู้หญิงคนนั้นยังวนเวียนอยู่ไม่หาย ราชันย์รอจนกระทั่งเช้า เขาตัดสินใจเดินกลับมาที่ริมสระว่ายน้ำก่อนที่เขาจะเดินทางกลับบ้านในบ่ายนี้ เพราะเขายังรู้สึกติดใจสงสัยอะไรบางอย่าง เขาเดินอ้อมไปทางชายหาดจนมาถึงบังกะโลที่พักขนาดเล็กและเขาก็ได้เจอกับ..
“พัทธ์ธีรา!”
“คุณราชย์!”
“ใช่ ฉันเอง..เธอมาทำงานอยู่ที่นี่เหรอ”
“ค่ะ”
“สบายดีใช่ไหม แล้วเธอ..มีครอบครัวหรือยัง”
“สบายดีค่ะ เอ่อ..ม่ะ..มีแล้วค่ะ!”
“มีลูกด้วยหรือเปล่า”
“ค่ะ..” พัทธ์ธีราตอบออกไป แต่ภายในใจนั้นได้แต่ภาวะนาขอให้ลูกสาวตัวน้อยของเธอไปวิ่งเล่นที่อื่น อย่าเข้ามาตอนนี้เลย
“เธอไม่คิดจะแนะนำครอบครัวของเธอให้ฉันรู้สึกหน่อยหรือไง” ราชันย์พยายามสอดส่ายสายตามองเข้าไปภายใน แต่พบเพียงความว่างเปล่า
“อย่าเลยดีกว่าคะ ต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ต้องกลับแล้ว”
“ค่ะ เชิญค่ะ”
เมื่อราชันย์ก้าวกลับออกไป พัทธ์ธีราก็รีบหมุนตัวหันหลังก้าวกลับเข้ามาในบ้านมองหาลูกสาวตัวน้อยในทันที จนเห็นว่าเธอกำลังนั่งเล่นอยู่
“รดา..หม่าม้าใจหายหมดเลยค่ะ คิดว่าหนูจะออกไปวิ่งเล่นเสียอีก”
“ไคมาหาหม่าม้าคะ”
“ใครที่ไหนกันคะรดา” หญิงสาวหันไปมองตามสายตาของลูกสาว หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น
“นี่เหรอลูกสาวของเธอ พัทธ์ธีรา!”
“คุณราชย์!” เธอคิดว่าเขากลับไปแล้ว เขาเดินตามเธอมาตอนไหน
“เธอกล้าดียังไงถึงทำผิด ทำนอกเหนือจากสัญญา”
“ฉันไม่ได้ผิดสัญญานะคะ ก็ในสัญญาไม่ได้มีกำหนดไว้สักหน่อยว่าถ้าฉันคลอดลูกแฝดแล้วจะต้องยกลูกให้คุณไปทั้งสองคน”
“ไม่ผิดได้ยังไง? นี่คือลูกของฉันทั้งสองคน เธอขโมยลูกของฉันมาแล้วยังมีหน้ามาเถียงข้าง ๆ คู ๆ อีกนะ”
“ไม่ใช่ลูกของคุณคนเดียว ลูกของฉันด้วยเหมือนกัน คุณต้องการลูกชาย คุณก็ได้ไปแล้ว นี่ลูกสาวของฉัน” เธอไม่ยอมเหมือนกัน
“อะไรนะ?” นี่เขาได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย ยัยแม่อุ้มบุญตัวดี กำลังทวงสิทธิ์ความเป็นแม่ของลูกเขา มันน่าจับมาลงโทษให้เข็ดเสียจริง ๆ มือหนาบีบแขนเรียวกระชากร่างบางมาประชันหน้ากับเขา
“คุนยุงใจย้าย! อย่าทำอะไยหม่าม้าของยะดานะ” ระหว่างที่ทั้งคู่โต้เถียงกันไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด ลูกสาวตัวน้อยก็เกาะขากอดขาของผู้เป็นแม่ไว้แน่น หนูน้อยเห็นการกระทำของคนตัวโตตรงหน้า เธอคิดว่าเขากำลังจะทำร้ายแม่ของเธอ
“เอ่อ..เราไม่ควรเถียงหรือว่าแย่งลูกกันต่อหน้าลูกแบบนี้..” พัทธ์ธีราเอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบศีรษะปลอบโยนลูก
“หนูชื่อรดาใช่มั้ยครับ” ราชันย์พยายามควบคุมอารมณ์และปรับเสียงของตัวเอง
“รดา..ลูกสาวของป่าป๊าราชย์ รดาจำเสียงของป่าป๊าได้มั้ยครับ..” ราชันย์ย่อตัวนั่งลงเสมอกับลูกสาว มองตาเธอนิ่งพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มหนักแน่นแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนเหมือนกับตอนที่ลูกของเขายังอยู่ในท้องแม่
“นี่ป่าป๊าราชย์ของหนูนะครับ ป่าป๊าดีใจมากที่มีรดาเป็นลูก”
“คุนเป็นป่าป๊าของยะดาเหยอคะ” หนูน้อยทำหน้าสงสัยแปลกใจ
“ใช่ครับ..ป่าป๊าราชย์ของรดาไงครับ” ถ้าอยู่ในเหตุการณ์ปกติ พัทธ์ธีราคงจะซาบซึ้งตื้นตันใจที่พ่อกับลูกได้เจอกัน แต่วินาทีนี้เธอกลับกลัวเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะมาพรากลูกทวงลูกคืนไปจากเธออีกคน
“หม่าม้าขาา..คุนยุงใจย้ายนี่เป็นป่าป๊าของยะดาจิงๆหยือคะ” ลูกสาวตัวน้อยเงยหน้าขึ้นถามผู้เป็นแม่ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเธอเช่นเดียวกัน แต่ใบหน้าขรึมนั้นทำตาดุราวกับกำลังบังคับให้เธอบอกความจริงกับลูกออกมา
“ใช่ค่ะ นี่คือป่าป๊าของรดา” จะให้เธอใจร้ายใจดำโกหกลูกว่าเขาไม่ใช่พ่อได้ยังไง เมื่อลูกถามหาพ่ออยู่บ่อยครั้ง และนี่พ่อลูกก็ได้เจอได้รู้ความจริงที่เธอพยายามปิดบังมาตลอด แม้ว่าลูกสาวของเธอจะไม่เคยเห็นหน้าราชันย์ แต่เธอคงจะคุ้นเคยกับเสียงของเขาเพราะตลอดเวลา 36สัปดาห์ที่ลูกอยู่ในท้องนั้น ได้ฟังเสียงของเขากล่อมจนกระทั่งหลับทุกคืน
หนูน้อยรดาหันมามองใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้าอย่างฉงนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโผเข้ากอดซบไหล่ของราชันย์
“ป่าป๊า..ป่าป๊าของยะดา ป่าป๊ามาหายะดาแย้ว” หนูน้อยกอดซบเขาแน่น และยังเอาแก้มถูไปมากับไหล่แกร่ง มือน้อย ๆ ก็ลูบแก้มของผู้เป็นพ่อไปด้วยจนราชันย์น้ำตาคลอ เขาโอบกอดลูกสาวไว้แน่นไม่ต่างกัน แม้ว่าจะโกรธเคืองแม่ของลูกไม่น้อยที่ปกปิดเรื่องนี้มานานถึง 4ปี ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในท้องของเธอ แต่เขาก็รู้สึกดีใจมากที่ได้รู้ว่านอกจากลูกชายแล้ว เขายังมีลูกสาวเพิ่มมาอีกคน และดูเหมือนว่าเขาจะหลงรักลูกสาวเข้าแล้วตั้งแต่แรกเจอ
เขาเอะใจสงสัยตั้งแต่เมื่อวานจนนอนแทบไม่หลับ อยากให้รุ่งเช้าเร็ว ๆ เขาจะได้มาพิสูจน์อะไรบางอย่างให้แน่ชัด เขาไม่คิดว่าจะบังเอิญมีเด็กที่ไหนหน้าตาเหมือนกับเขาตอนเด็ก ๆ ราวกับคนเดียวกันได้ขนาดนี้ ต่างกันก็แค่..เด็กคนนี้เป็นผู้หญิงมัดผมจุกสองข้าง เจ้าลูกชายของเขาหน้าตายังไม่เหมือนเขาขนาดนี้ เพราะมีความละม้ายคล้ายกับแม่อุ้มบุญ ยิ่งเมื่อรู้ว่าเธอเป็นแม่ของเด็ก เขายิ่งมั่นใจโดยที่ไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว เด็กคนนี้เป็นลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน เป็นลูกอีกคนที่แม่อุ้มบุญพาหนีมาไกลถึงภูเก็ต