ราชันย์กอดกระชับร่างเล็กก่อนจะอุ้มลูกสาวแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและกำลังจะก้าวเท้าออกไปจากบริเวณนั้น
“คุณราชย์! คุณเอาลูกของฉันไปไม่ได้นะ เราหย่ากันแล้ว ลูกเป็นสิทธิ์ของฉัน!”
“อะไรนะ! นี่เธออ้างสิทธิ์ในตัวลูก เธอจำข้อตกลงในเงื่อนไขสัญญาไม่ได้แล้วใช่มั้ย ฉันจะทบทวนความจำให้เธอ..ลูกต้องเป็นสิทธิ์ของนายจ้างแต่เพียงผู้เดียว!”
“ก็ในสัญญาไม่ได้มีระบุไว้นะคะ ว่าถ้าเป็นลูกแฝด ลูกจะเป็นของคุณทั้งสอง คุณก็ได้สิทธิ์ในตัวน้องพีร์แล้ว ฉันก็ต้องมีสิทธิ์ในตัวของรดา” เธอจะปกป้องลูกไว้จนวินาทีสุดท้าย เธอจะไม่ยอมให้เขามาพรากลูกอีกคนไปจากเธออีก ราชันย์ไม่ฟังเสียงทัดทานของหญิงสาว เขาหันหลังให้เธอพร้อมกับก้าวเท้าออกไป
“ได้โปรดเถอะนะคะคุณราชย์ อย่าพรากลูกไปจากฉันอีกคนเลยนะคะ” พัทธ์ธีราก้าวตามเขามาไม่ห่าง
“แล้วที่เธอปิดบังและพรากลูกจากฉันมา 4 ปี! เธอจะรับผิดชอบยังไง!”
“ฉัน..”
“เธอจะไปกับลูกหรือไม่ไปฉันไม่ห้าม แต่ลูกต้องไปกับฉัน! ลูกทั้งสองเป็นสิทธิ์ของฉัน!” ราชันย์รู้ว่ายังไงพัทธ์ธีราก็ไม่มีทางจะเอาชนะเขาได้ เขาจะใช้กำลังบังคับเอาลูกไป เขาก็สามารถทำได้ แต่เขาไม่อยากหักหาญความรู้สึกของลูก ไม่อยากให้ลูกจดจำหรือมีความทรงจำกับสิ่งที่ไม่ดี จะไม่เอาแม่ของลูกไปด้วยได้ยังไง ในเมื่อลูกอยู่กับแม่มาตั้ง 3ปี ลูกก็ต้องติดแม่เป็นธรรมดา เขาพาลูกไปแล้ว ถ้าเกิดลูกร้องเรียกหาแม่ขึ้นมา เขาจะทำยังไง จะทนใจแข็งเห็นลูกร้องไห้ได้อย่างนั้นหรือ
“รดาไปอยู่กับป่าป๊านะครับลูก” ราชันย์ลูบหลังของลูกสาวอย่างอ่อนโยน
“ยะดาไปกะป่าป๊า..หม่าม้าไปด้วย..” หนูน้อยกอดคอพ่อไว้มือนึง อีกมือก็ยื่นไปหาผู้เป็นแม่
“หม่าม้าไป ๆ ไปกะยะดา”
“รดาลูก..” พัทธ์ธีราน้ำตาไหลอาบแก้ม มือบางยื่นไปหาลูกพร้อมกับรีบก้าวเท้ายาว ๆ ตามร่างสูงไป
จนราชันย์เดินมาหยุดหน้าห้องพัก เขากดกริ่งหน้าประตูไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก
“คุณราชย์..อุ้มเด็กที่ไหนมาคะ” ปรางวลัยเอ่ยทักเมื่อเห็นเจ้านายอุ้มเด็กพาดบ่ากลับมา
“คุณน่าจะรู้ดีกว่าใครนะ คุณปราง!” ราชันย์ตอบแล้วเดินผ่านหน้าเลขาเข้าไปภายในห้องกว้าง ทำให้ปรางวลัยเห็นว่าเขาไม่ได้มากับเด็กเพียงสองคน
“พัท!”
“พี่ปราง..ช่วยพัทด้วยนะคะ เขาจะเอารดาไปอีกคน” สองสาวก้าวตามราชันย์มายังกลางห้อง
“ไม่มีใครช่วยใครได้ทั้งนั้น! รอผมจัดการกับยัยแม่อุ้มบุญตัวดีนี่ก่อน แล้วผมจะจัดการกับคุณที่ร่วมมือกันปิดบังผมมาตั้งแต่ต้น” ชายหนุ่มมองสองสาวอย่างคาดโทษ
“ค่ะ คุณราชย์” ปรางวลัยคิดว่างานนี้ความดีความชอบที่ผ่านมาของเธอคงจะไม่เหลือ เธอคงจะถูกไล่ออกอย่างแน่นอน ถูกเจ้านายคาดโทษไว้แบบนี้ เธอต้องรอให้เขาชำระความสถานเดียว
“ทุกคนเก็บของให้เรียบร้อย เราจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด! เจ้าพีร์ล่ะคุณปราง”
“อยู่ในห้องค่ะ”
“ป่าป๊ากับมาแย้ววว” เสียงที่ดังออกมาตามด้วยร่างเล็กของเจ้าหนูรพีร์
“น้องพีร์เข้ามาหาป่าป๊าหน่อยครับ”
“ค้าบป่าป๊า” รพีร์เดินเข้ามายืนใกล้ ๆ กับราชันย์ที่กำลังอุ้มหนูน้อยอีกคนอยู่บนตัก
“น้องพีร์ครับ..นี่คือน้องรดา เป็นน้องสาวของพีร์นะครับ”
“น้องยะดา น้องฉาวพี”
“น้องรดาครับ..นี่คือพี่พีร์ เป็นพี่ชายของรดานะครับลูก” ราชันย์บอกกับลูกทั้งสองอย่างอ่อนโยน
พัทธ์ธีราเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของตัวเอง เธอยืนมองเขากับลูก ๆ อย่างไม่วางตา ทำไมกับเธอเขามักจะทำหน้าขรึมดุดันน่ากลัวน่าเกรงขาม แต่เวลาที่เขาคุยเขาอยู่กับลูกเขากลับอ่อนโยนราวกับคนละคนกันนะ หญิงสาวคิด
“ส่วนนั่น..” ราชันย์หันไปทางแม่ของลูก
“หม่าม้าพัท..เป็นหม่าม้าของพีร์” ชายหนุ่มก้มบอกกับลูกชาย
“ป่าป๊าค้าบบบ..นี่หม่าม้ากับน้องฉาวของพีจิงเหยอคับ” เจ้าหนูรพีร์ถามออกมาด้วยความสงสัย
“ใช่ครับน้องพีร์ นี่หม่าม้าพัทกับน้องรดาน้องสาวฝาแฝดของพีร์”
“น้าพัดเป็นหม่าม้าของน้องพีจิงหยือคับ” หนูน้อยหันไปถามกับพัทธ์ธีราอีกครั้งให้แน่ใจ
“ใช่ค่ะ” เมื่อพัทธ์ธีราตอบพร้อมกับพยักหน้ารับ
“หม่าม้าของพี” เจ้าหนูรพีร์ก็วิ่งเข้าไปโผกอดผู้เป็นแม่ในทันที หญิงสาวก็อ้าแขนรับอ้อมกอดน้อย ๆ ของลูกชายทันใดเช่นกัน
“น้องพีร์ของหม่าม้า..” สองแม่ลูกกอดกันกลม
“กลับกันได้แล้ว!” ราชันย์บอกพร้อมกับอุ้มรดาลุกขึ้น เขาก้าวมาจับข้อมือเล็ก ๆ ของลูกชายให้ผละออกมาจากแม่ของลูก ลูกทั้งสองคนต้องอยู่กับเขา แต่เขาจะทำยังไงกับแม่ของลูกที่กำลังมองเขาด้วยสายตาขอความเห็นใจ เขาจะใจอ่อนให้เธอไม่ได้ ในเมื่อเธอทำนอกเหนือสัญญา
“เรากลับบ้านกันได้แล้วนะเจ้าพีร์ กลับบ้านของเรากันนะครับรดา”
“หม่าม้ากับบ้านกับพีนะคับ” มือน้อย ๆ อีกข้างเอื้อมไปคว้าจับมือของผู้เป็นแม่ไว้แน่นไม่ปล่อย
“พี่ปรางคะ..” พัทธ์ธีราหันไปจะปรึกษาปรางวลัยว่าเธอจะทำยังไง
“ตามคุณราชย์กับลูกไปก่อนเถอะพัท จะตกลงกันยังไงค่อยว่ากันอีกที”
เมื่อทุกคนออกมาจากโรงแรมกำลังจะขึ้นรถที่โรงแรมจัดเตรียมไว้เพื่อไปส่งที่สนามบิน พัทธ์ธีราก็เอ่ยขึ้น
“เอ่อ..ขอฉันกลับไปเอาของก่อนได้มั้ยคะ”
“รีบ ๆ ล่ะ เดี๋ยวเครื่องจะออกบ่ายโมง”
“ค่ะ” พัทธ์ธีรารีบกลับไปที่บ้านเช่า เธอเก็บเฉพาะเอกสารสำคัญต่าง ๆ และของที่จำเป็นมาเท่านั้นด้วยความเร่งรีบกลัวว่าเขาจะพาลูกของเธอไปเสียก่อน และสิ่งที่เธอหยิบมานั้นก็เป็นของลูกทั้งหมดไม่ว่าจะเสื้อผ้าหรือว่าของเล่นชิ้นโปรดของลูกสาว
ระหว่างนั่งเครื่องบินเหมาลำกลับมากรุงเทพ หนูน้อยรดาซบอกผู้เป็นพ่อไม่ห่าง ซบไหล่อ้อน ซบไปก็ลูบแก้มเขาไป เขาโดนลูกสาวตกเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเจ้าหนูรพีร์ก็ไปอ้อนเกาะแขน จุ๊บหอมแขน เอาแก้มถูไถกับต้นแขนของผู้เป็นแม่ กอดแขนแม่ไว้ไม่ปล่อย ทั้งคู่ต่างนั่งมองกันเป็นระยะพร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย ลูกชายของเขาก็น่ารัก ลูกสาวก็ช่างอ้อน จากที่ไม่คิดว่าจะมีลูกสาว ราชันย์เจอลูกอ้อนของลูกสาวเข้าหน่อย ตอนนี้เขากลับรู้สึกหลงและหวงลูกสาวหนักมาก แต่เขาจะเอาลูกไว้ทั้งสองคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ต่างคนต่างคิดหาวิธีการได้สิทธิ์ในตัวลูก
กลับมาถึงคฤหาสน์อักษราวานิช เจ้าหนูรพีร์ยังคงเกาะติดผู้เป็นแม่แจไม่ห่าง จนราชันย์ต้องเอ่ยขึ้นอย่างหมั่นไส้ในความเห่อแม่ของลูก
“น้อย ๆ หน่อยเจ้าพีร์ พอได้แล้ว ให้ เอ่อ..หม่าม้ากับน้องรดาไปพักก่อน” อย่าว่าแต่เจ้าลูกชายเลย เขาก็ไม่อยากวางลูกสาวลงเช่นกัน
“แจง..จัดห้องให้คุณพัทเธอด้วย” ราชันย์หันไปสั่งแม่บ้าน
“พัทไม่มีเสื้อผ้ามาด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วของน้องรดาล่ะ” ปรางวลัยถามขึ้น
“เสื้อผ้าของรดา พัทได้หยิบมานิดหน่อยค่ะ” ส่วนเธอไม่มีเสื้อผ้าของใช้อะไรติดตัวมาสักชิ้น
“คุณปรางไปจัดการให้ด้วยก็แล้วกัน เอาบัตรเครดิตของผมไป ของรดาจัดการมาให้ครบด้วย”
“ค่ะ คุณราชย์”
“ระหว่างให้หม่าม้าไปซื้อของ รดาอยู่กับป่าป๊าก่อนนะครับ”
“ค่ะ ป่าป๊า”
“พีไปกับหม่าม้าได้มั้ยคับ”
“ไม่ได้ เจ้าพีร์! เราน่ะมาเล่นกับน้อง” รพีร์ทำหน้าจ๋อยเมื่อถูกผู้เป็นพ่อสั่งห้าม
ปรางวลัยทำหน้าที่พาพัทธ์ธีราออกมาซื้อเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นทั้งของลูกและของเธอเอง
“พี่ปรางคะ พัทจะหาทางออกเรื่องของลูกยังไงดี”
“ตอนนี้พัทยังทำอะไรไม่ได้หรอกนะ คุณราชย์เขาไม่ยอมแน่ ๆ พัทก็อยู่กับเจ้าแฝดไปก่อน ดีแล้วไม่ใช่เหรอได้อยู่กับลูกทั้งสองคน”
“แล้วคุณราชย์..”
“คุณราชย์ให้พัททำอะไร พัทก็ยอม ๆ เขาไปก่อนก็แล้วกัน ยิ่งพัทดึงดันสิทธิ์ในตัวลูก เขาก็จะยิ่งทวงสิทธิ์ของเขาซึ่งมีมากกว่า พัทก็จะลำบากเข้าถึงตัวลูกได้ยาก”
“ค่ะพี่ปราง”
พัทธ์ธีรากลับจากซื้อของ เจ้าหนูรพีร์ก็โผเข้ามากอดเธอ ผิดกับหนูน้อยรดาที่ดูท่าทางจะไม่ดีใจที่แม่กลับมา ไม่คิดถึงแม่เหมือนเดิมเพราะเธอกำลังนั่งกอดแขนพ่อของเธออยู่ พัทธ์ธีรามองตุ๊กตาบาร์บี้ที่อยู่ในมือของลูกชายแล้วมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งเปิดหนังสือนิทานให้หนูน้อยรดาดูอยู่ เขาก็เหลือบมามองเธอเช่นกัน
“ฉันไม่ได้สอนให้ลูกเล่นตุ๊กตานั่นหรอกนะ”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนิคะ เด็กผู้ชายก็เล่นตุ๊กตาได้ ดีเสียอีกค่ะ เขาจะได้อ่อนโยน” พัทธ์ธีรายิ้มให้ลูกชายตัวน้อยของเธอ
“รดาคะ มาหาหม่าม้าหน่อยได้มั้ยคะ”
“ได้ค่ะ หม่าม้า” หนูน้อยรดาปล่อยมือจากแขนพ่อลงจากโซฟาตัวใหญ่แล้วก้าวมาหาแม่
“หม่าม้าจำได้ว่ารดามีตุ๊กตาแบบนี้อยู่ด้วย รดามีตุ๊กตาบาร์บี้มาแบ่งให้พีใช่มั้ยคะ”
“มีค่ะ” หนูน้อยรดาตอบพร้อมกับเดินไปหยิบตุ๊กตาของเธอในกระเป๋าที่แม่นำมา รดายื่นตุ๊กตาให้พี่ชาย
“ฉวย” เจ้าหนูรพีร์รับตุ๊กตามาพร้อมกับเอ่ยชม
“พีชอบมั้ยครับ”
“ชอบคับ นี่พีให้น้องยะดา” รพีร์หยิบของเล่นของตัวเองแบ่งให้น้องเช่นกัน
พัทธ์ธีรายิ้มออกมาอย่างปลื้มใจ เธอจะพยายามสอนให้ลูกรักและแบ่งปันกัน สอนให้ลูกดูแลช่วยเหลือกัน ไม่แย่งหรือว่าอิจฉากัน ให้ลูกรู้ว่าถึงแม้ว่าจะมีลูกเพิ่มมาอีกคนแต่ลูกอีกคนก็ยังเป็นที่รักของพ่อกับแม่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เธอรักทั้งสองเหมือนกันแม้จะไม่ได้เลี้ยงดูมาด้วยกันก็ตาม
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็ก ๆ จะต้องปรับตัวเข้าหากัน จากเดิมที่ต่างเป็นลูกคนเดียว เปลี่ยนมามีพี่น้อง แต่เธอจะให้ความรักความอบอุ่นกับลูกให้มากที่สุด เหมือนอย่างที่ผ่านมา ทำให้ลูกรู้สึกว่าเขาไม่ได้ขาดอะไรไป เธอใช้ความรักการดูแลเอาใจใส่เติมเต็มให้ลูกเป็นเด็กที่มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็นและสิ่งที่ตัวเองมี และเป็นโชคดีของเธอที่ลูกเป็นเด็กที่น่ารักมาก ใจเย็น รู้จักรอและว่านอนสอนง่าย คงจะเป็นผลพวงจากการที่ราชันย์ดูแลและบำรุงร่างกายเธออย่างดีมากตั้งแต่ก่อนการเตรียมตัวตั้งครรภ์ครั้งนั้นแล้ว
ราชันย์นั่งมองและฟังแม่ของลูกพูดคุยอยู่กับลูกทั้งสองของเขาอย่างนึกชื่นชม แต่เรื่องลูกก็ส่วนเรื่องลูก เรื่องของเธอก็อีกเรื่องนึง
“เธอกับฉัน เรามีเรื่องจะต้องตกลงกัน”
“ค่ะ”
ราชันย์เดินนำพัทธ์ธีรามาอีกมุมหนึ่งโดยปล่อยให้ลูก ๆ นั่งเล่นอยู่ด้วยกัน แต่ยังคงอยู่ในสายตาของพวกเขา
“เรื่องลูกของฉัน เธอจะว่ายังไง”
“ฉันขออยู่กับลูกได้มั้ยคะ”
“ไหน..เธอมีข้อเสนออะไร มีเหตุผลอะไรที่เธอควรจะได้อยู่กับลูก”
พัทธ์ธีราหันไปมองลูกทั้งสองของเธออย่างห่วงหาและรักสุดหัวใจ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจพูดออกมา
“ขอให้ฉันเป็นพี่เลี้ยงให้พวกเขาก็ได้ค่ะ ฉันจะไม่เรียกร้องอะไรอีกเลย” วินาทีนี้ขอเพียงให้เธอได้อยู่กับลูก ๆ ไม่ว่าเขาจะให้เธอเป็นพี่เลี้ยงหรือว่าเป็นทาสของเขา เธอก็ยอม
“แน่นอนอยู่แล้ว เธอไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องอะไรตั้งแต่ต้น เธอจะต้องชดเชยให้ฉันเสียอีก ที่เธอพรากลูกไปจากฉันตั้งกี่ปี”
“ฉันจะยอมทำทุกอย่าง คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่ขอเพียงให้ฉันอยู่กับลูกนะคะ” หญิงสาวอ้อนวอนขอความเห็นใจจากชายหนุ่ม
“เธอจะยอมทำทุกอย่างเลยอย่างนั้นหรือ”
“ค่ะ”
“ตกลง! ฉันจะให้เธออยู่ที่นี่ ทำหน้าที่พี่เลี้ยงลูกของฉันจนกว่าฉันจะหาข้อสรุปเรื่องนี้ได้” เขารู้สึกไม่ชอบหน้านิ่ง ๆ หน้าซื่อตาใส และสายตาอ้อนวอนของเธอเลยจริง ๆ กลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนมากไปกว่านี้
“ขอบคุณค่ะ” พัทธ์ธีรารู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยเธอก็ยังได้อยู่ใกล้ ๆ ลูกทั้งสอง
“ฉันไม่รู้ว่าเธอเลี้ยงลูกมายังไง แต่เราต้องมีข้อตกลงร่วมกัน คือไม่ตามใจลูก สอนให้เขารับผิดชอบเรื่องส่วนตัวของตัวเอง อาบน้ำแต่งตัวกินข้าวเข้านอนเองและเป็นเวลา” เขาจำเป็นต้องให้เธออยู่เป็นพี่เลี้ยงของลูกอย่างน้อยก็จนกว่าลูกสาวจะคุ้นเคยและปรับตัวเข้ากับเขาและพี่ชายฝาแฝดของเธอได้
“ค่ะ”
“ที่สำคัญ.. ตกลงกันไว้ก่อน จำไว้ว่าเธอเป็นแค่พี่เลี้ยง อย่าสำคัญตัวว่าเป็นเมียของฉัน อย่าจุกจิก จู้จี้ จุ้นจ้าน เจ้ากี้เจ้าการ แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ละลาบละล้วง หรือหึงหวงอาละวาด เข้าใจที่ฉันพูดมั้ย” ราชันย์ถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งฟังตาแป๊ว
“เข้าใจก็ได้ค่ะ” เธอไม่ค่อยเข้าใจเขาหรอก เธอมาเป็นพี่เลี้ยงลูก ไม่ได้มาเป็นภรรยาของเขา เธอจะหึงหวงเขาหรือว่าทำกิริยาอย่างว่านั้นได้ยังไง
เมื่อทั้งคู่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว พัทธ์ธีราเดินกลับมาหาลูก ๆ เมื่อเธอหย่อนตัวนั่งลงใกล้ ๆ เจ้าหนูรพีร์ก็เข้ามาอ้อนกอดมาหอมเธอ ลูกชายตัวน้อยเดี๋ยวกอด เดี๋ยวหอมแก้มผู้เป็นแม่ไม่หยุด เธอเองก็รู้สึกชื่นใจและมีความสุขที่มีลูกคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
“หม่าม้าฉวย หม่าม้าหอม น้องพีชอบ” นั่นคือสิ่งที่ราชันย์ได้ยินจากปากเจ้าลูกชายตลอดทั้งวันที่บรรยายสรรพคุณของเธอ เขาก็อยากจะรู้นักว่าเธอจะหอมแค่ไหนกันเชียว ทำไมเจ้าลูกชายตัวน้อยถึงได้กอดได้หอมเธอได้ทั้งวันไม่รู้จักเบื่อ หอมทุกครั้งที่มีโอกาส กว่าจะยอมแยกห่างกันได้ก็เมื่อถึงเวลาเข้านอน เจ้าหนูรพีร์ก็ยังไม่วายอ้อนเธออีก
“หม่าม้าค้าบ..กู๊ดไนท์คิสสส..” รพีร์จุ๊บแก้มของผู้เป็นแม่ พัทธ์ธีราก็จุมพิตหน้าผากลูกชายอย่างอ่อนโยน
“กู๊ดไนท์ครับน้องพีร์ นอนหลับฝันดีนะคะ” เธอพาลูกเข้านอนตามเวลาที่ชายหนุ่มบอกกับเธอไว้ ก่อนจะกลับมายังห้องนอนของตัวเอง
“นอนได้แล้วนะคะรดา”
“ค่ะหม่าม้า” หนูน้อยปีนขึ้นไปนอนรอแม่บนเตียงอย่างว่าง่าย
“กู๊ดไนท์นะคะคนดีของหม่าม้า” พัทธ์ธีราจุมพิตหน้าผากของลูกสาวแผ่วเบาก่อนจะนอนลงใกล้ ๆ ลูก แขนเรียวโอบกอดลูบหลังกล่อมให้ลูกนอน หนูน้อยรดาก็หลับไปอย่างง่ายดาย