การพบเจอใครอีกคน..

2580 Words
หนูน้อยรดาในวัย 8 เดือน เธอชอบหยิบกัด ชิมของเล่นทุกชนิด เริ่มจะยืน และติดแม่มาก พัทธ์ธีราอยู่ตรงไหนก็จะมีลูกสาวตัวน้อยเกาะติดเธออยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าตัวติดกัน 24 ชั่วโมงก็ว่าได้ วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งตอนนี้พัทธ์ธีรากับลูกสาวตัวน้อยวัยสองขวบเศษ ทั้งสองมาอยู่ที่นี้หนึ่งปีครึ่งแล้ว พัทธ์ธีราดูแลโฮมสเตย์ขนาดเล็กที่เธอใช้เงินค่าจ้างก้อนสุดท้ายนั้นส่วนหนึ่งแบ่งมาลงทุนสร้างบังกะโลเพียงแค่ 3 หลังที่เธอพอจะดูแลได้ทั่วถึงด้วยตัวเองและสามารถเลี้ยงดูลูกไปด้วยพร้อมกันได้อย่างไม่ลำบาก น้องรดาลูกสาวของเธอแม้จะซนอยากลองอยากรู้ตามประสาเด็กแต่เธอเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายมาก ว่านอนสอนง่ายมากไม่กวนงอแงให้แม่ต้องเหนื่อย แต่ละวันเธอกิน,นอนและวิ่งเล่นวนอยู่แบบนั้น พัทธ์ธีราเองก็ไม่เคยปล่อยให้ลูกสาวคลาดสายตา วันนี้พัทธ์ธีราพาลูกสาวตัวน้อยมาซื้อข้าวของเครื่องใช้เข้าบ้าน เมื่อซื้อของครบตามที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว เธอเดินไปยังแผนกเสื้อผ้าเด็ก ในขณะที่พัทธ์ธีราอุ้มน้องรดาซึ่งหลับอยู่บนบ่าและเธอกำลังเลือกเสื้อผ้าให้ลูกอยู่นั้น “ขอโทษนะครับ..ผมจะขอรบกวนคุณช่วยเลือกเสื้อผ้าเด็กให้ผมด้วยได้ไหมคะ” “คะ?” พัทธ์ธีราหันไปมองชายหนุ่มอย่างสงสัย “คือผมเลือกเสื้อผ้าเด็กผู้หญิงไม่ค่อยเก่งน่ะครับ มองหาพนักงานก็ไม่เจอใคร คงจะไปพักเที่ยงพร้อมกันหมด และบริเวณนี้ก็มีแค่คุณผู้หญิงคนเดียว” “อ๋อ ค่ะ น้องอายุกี่ขวบแล้วคะ” “น่าจะประมาณ 8-9 ปีแล้วนะครับ” “เสื้อผ้าเด็กโตจะอยู่ทางนั้นนะคะ” พัทธ์ธีราบอกกับอีกฝ่าย “แล้วคุณ..จะกรุณาเลือกให้ผมได้ไหม” “ก็ได้ค่ะ แต่คุณต้องรอสักครู่นะคะ ขอฉันซื้อเสื้อผ้าให้ลูกสาวก่อน” “ครับ ขอบคุณมากครับ ผมรอได้..” “คุณจะให้ผมช่วยอุ้มลูกให้คุณก่อนไหม” ชายหนุ่มเสนอออกมาเมื่อเห็นว่าขณะที่หญิงสาวเลือกเสื้อผ้าอยู่นั้นเธอต้องแบกลูกอยู่บนบ่าไปด้วย และน้ำหนักคงจะไม่ต่ำกว่าสิบกิโล “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชินแล้ว” พัทธ์ธีราตอบพร้อมกับกระชับกอดลูกไว้แน่น เมื่อเธอเลือกเสื้อผ้าให้ลูกสาวเรียบร้อยแล้วเธอจึงก้าวไปอีกโซนที่เป็นเสื้อผ้าของเด็กโตและเลือกชุดเด็กผู้หญิงให้เขาสามชุดตามที่เขาต้องการ เมื่อทั้งสองก้าวออกมาจากแผนกเสื้อผ้าเด็ก ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้น “ผมขออนุญาตเลี้ยงมื้อเที่ยงคุณเป็นการขอบคุณนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยินดีช่วย” พัทธ์ธีราบอกปฏิเสธออกไป “ถ้าอย่างนั้นก็ให้เกียรติไปดื่มน้ำสักแก้วก็ได้ครับ นอกเสียจากว่าคุณจะรังเกียจ..” เขายังคงตื้อชวนหญิงสาว “ถ้าอย่างนั้น..ก็ได้ค่ะ” “คุณดื่มกาแฟไหมครับ” “ไม่ค่ะ” เมื่อหญิงสาวบอกมาอย่างนั้น เขาจึงเลือกเข้ามานั่งในร้านไอศกรีมและมีเครื่องดื่มที่หลากหลาย ก่อนจะให้เธอสั่งเครื่องดื่มที่ต้องการ ระหว่างที่ทั้งสองนั่งรอให้พนักงานมาเสิร์ฟอยู่นั้น “ผม..ภีรภาคย์ หรือเรียกว่าภีมก็ได้ครับ แล้วคุณ..” “พัท ค่ะ” “คุณพัทอยู่ที่ภูเก็ตนานแล้วเหรอครับ หรือว่าเป็นคนที่นี่” “ฉันย้ายมาจากที่อื่น มาอยู่ที่นี่ได้ปีกว่าแล้วค่ะ คุณภีมล่ะคะ เป็นคนที่นี่ใช่ไหม” “เปล่าครับ ผมมาอยู่ที่ภูเก็ตเกือบ 3ปีแล้วล่ะครับ ผมมาเปิดผับอยู่ที่นี่” “แล้วสามีของคุณพัทไม่มาด้วยกันเหรอครับ” “ฉันแยกทางกับพ่อของรดา เอ่อ..ลูกสาวของฉันตั้งแต่แกคลอดแล้วค่ะ แล้วภรรยาของคุณภีมล่ะคะ” “อ๋อ..ผมยังไม่มีครอบครัวหรอกครับ” “แล้ว..เสื้อผ้าของเด็กที่ซื้อไปนี่เอาให้หลานเหรอคะ” “ผมซื้อไปให้เด็กกำพร้าที่ผมอุปการะเลี้ยงดูแกไว้ ก็เหมือนหลานนั่นแหละครับ” เมื่อพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ทั้งสอง ต่างคนก็ต่างนั่งดื่มเงียบ พัทธ์ธีราอุ้มลูกให้นอนอยู่บนตักของเธอ เธอก้มมองและลูบศีรษะเล็ก ๆ ของลูกสาวเป็นระยะ หนูน้อยยังคงนอนหลับปุ๋ยในอ้อมกอดแม่ไม่มีทีท่าจะตื่นง่ายๆ ภีรภาคย์มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างชื่นชม “ถ้าผมจะขออนุญาตพาหลานสาวผมไปเล่นกับลูกสาวคุณพัทบ้างจะได้ไหมครับ” “ด้วยความยินดีค่ะ โฮมสเตย์พีร์รดายินดีต้อนรับแขกผู้มาเยือนเสมอ” พัทธ์ธีราคิดว่าถ้าลูกสาวของเธอได้มีเพื่อนเล่นบ้างก็คงจะดี จะได้รู้จักการเล่นการแบ่งปันกับเพื่อน ยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงด้วยกันก็ยิ่งดี “หม่าม้า..” “ตื่นแล้วเหรอคะคนเก่ง” เมื่อหนูน้อยลืมตาขึ้นพร้อมกับขยับตัว พัทธ์ธีรายิ้มให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยน เธอโชคดีมากที่ลูกของเธอไม่ว่าจะตอนตื่นนอนหรือว่าก่อนนอน ลูกไม่เคยร้องไห้โยเยเลยสักนิด กลับกินง่ายนอนง่าย “น้องรดา สวัสดีคุณอาสิคะ..” พัทธ์ธีราบอกกับลูกสาวเมื่อลูกลุกออกจากตักเธอมานั่งกอดแขนของเธอแทน “หวะดีจ่ะจุนอา..” หนูน้อยยกมือป้อม ๆ ขึ้นมาพร้อมกับพูดออกมา “สวัสดีค่ะคุณอา..” พัทธ์ธีราพูดชัดถ้อยชัดคำทวนให้ลูกฟังซ้ำอีกครั้ง “น่ารักจังเลยครับสาวน้อย” ภีรภาคย์เอ่ยชมความเชื่อฟังและความน่ารักของหนูน้อยตรงหน้า “ขอบจุนจ่ะ” หนูน้อยรดาเอ่ยขอบคุณก่อนจะซุกหน้าแอบกับแขนของผู้เป็นแม่ “น่าแปลกนะครับ เกาะนี้ก็ไม่ได้กว้างมากนัก แต่เรากลับไม่เคยเจอกันเลย” “ฉันไม่ค่อยออกไปไหนค่ะ เพราะต้องเลี้ยงลูกด้วย” “ส่วนผมเปิดผับอยู่ที่นี่ ใช้ชีวิตกลางคืนเสียส่วนใหญ่ น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่เคยเจอกัน สงสัยผมจะต้องออกมาใช้ชีวิตกลางวันบ่อยขึ้นเสียแล้ว” “เอ่อ..ฉันต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ” “ครับ..จะให้ผมไปส่งมั้ย” “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” “ผมก็ต้องขอบคุณคุณพัทอีกครั้งเช่นกัน” ต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันกลับที่พักของตน และวันหยุดสุดสัปดาห์ถัดมา..ภีรภาคย์ก็พาพริมวรา เด็กสาวที่เขารับอุปการะมาเที่ยวที่โฮมสเตย์ของพัทธ์ธีราเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ทำความรู้จักและเป็นเพื่อนเล่นกัน “จะเป็นการเสียมารยาทไหมครับ ถ้าผมจะขอถามอะไรคุณพัทหน่อย” ภีรภาคย์เอ่ยถามขึ้นขณะที่ทั้งสองนั่งมองเด็ก ๆ เล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน “ถามได้ค่ะ แต่ฉันจะตอบหรือเปล่านั่นอีกเรื่องนึงนะคะ” “คุณพัทอายุเท่าไหร่ครับ..” ภีรภาคย์ถามข้อสงสัยของเขา เพราะเท่าที่เขาพิจารณา หญิงสาวคงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา แต่ขอถามเพื่อความแน่นอน “คุณไม่ควรถามอายุผู้หญิงนะคะ” “นั่นแหละครับ ผมขอโทษ” ภีรภาคย์ทำหน้าแหย ๆ เมื่อหญิงสาวทำหน้านิ่งยิ่งกว่าที่เป็น “ฉันอายุ 32 ค่ะ” พัทธ์ธีราตอบออกมา “32! ผมคิดว่าคุณพัทจะอายุน้อยกว่าผมเสียอีก หน้าคุณพัทนี่โกงอายุนะครับ ดูอ่อนกว่าอายุเยอะเลย ส่วนผม 28 แต่หน้านำอายุไปไกลแล้ว” ภีรภาคย์พูดอย่างที่เขาคิด ทำให้พัทธ์ธีราเกือบจะหลุดขำออกมากับสิ่งที่ได้ยิน “ถ้าอย่างนั้นคุณพัทเรียกผมว่าภีมจะดีกว่านะครับ” “แล้วคุณจะเรียกฉันว่าพี่อย่างนั้นเหรอคะ” “ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมขอเรียกพัท ได้ไหมครับ” “แล้วแต่คุณภีมจะสะดวกค่ะ” “แต่พัทก็สะดวกเรียกผมว่าคุณภีมเหมือนเดิม” พัทธ์ธีรายิ้มบาง ๆ ให้เขา เธอพยายามรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับเขา “น้องพริมสวยน่ารักตั้งแต่เด็กแบบนี้ โตขึ้นต้องสวยมากแน่ ๆ เลยค่ะ คุณภีมคงจะต้องเตรียมไว้หนวดแล้วนะคะ” พัทธ์ธีราชวนเขาคุยเรื่องเด็ก ๆ “น้องรดาโตขึ้นก็ต้องสวยเหมือนพัทเหมือนกันใช่มั้ยครับ แต่เอ๊ะ! หน้าตาออกไปทางลูกครึ่งนิด ๆ ผมสีนี้ ผมรู้สึกว่าคุ้นตายังไงก็ไม่รู้” ภีรภาคย์มองพิจารณาไปยังใบหน้าเล็ก ๆ ของหนูน้อยแต่คิดเท่าไหร่เขาก็คิดไม่ออกว่าเคยเห็นหน้าตาแบบนี้ที่ไหน แต่เขาเคยเห็นมาแล้วอย่างแน่นอน เพราะรู้สึกว่าคุ้นตาใบหน้าแบบนี้อย่างมาก ตั้งแต่นั้นมา ภีรภาคย์ก็ไปมาหาสู่สองแม่ลูกอยู่เสมอ เขาพาน้องพริมมาเล่นกับน้องรดาในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ “สัปดาห์หน้า ผมจะเข้ากรุงเทพ พัทต้องการอะไรบ้างหรือเปล่า” ภีรภาคย์แวะมาถามหญิงสาว “ฉันไม่ต้องการอะไรค่ะ ขอบคุณ” ภีรภาคย์เดินทางกลับมากรุงเทพฯ ปีละครั้ง และแน่นอนว่าเมื่อเขากลับมาทุกครั้งเขาก็ต้องแวะมาทักทายเพื่อนอย่างราชันย์และน้องพีร์ลูกชายของเขา คฤหาสน์หลังโตของราชันย์ในตอนนี้ เปลี่ยนไปราวกับเป็นสนามเด็กเล่นขนาดย่อม ๆ เรียกได้ว่าราชันย์เป็นพ่อสายเปย์ เขาซื้อทุกอย่างมาให้ลูกชายคนเดียวของเขา “ไงไอ้ภีม ไปไงมาไงถึงมาได้ ผับของมึงที่ภูเก็ตล่ะ” “มึงไม่ไปหากูไง กูเลยต้องมาหามึง ส่วนผับกูเอามาด้วยไม่ได้” “กวนอีกแล้วนะมึงนี่ กูจะไปหามึงได้ยังไง กูต้องเลี้ยงลูก” “ดีคับอาภีม” “ดีคับเจ้าพีร์ เป็นไงบ้างล่ะเรา ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย” ภีรภาคย์ทักทายหลานชายโดยยกหลานโยนขึ้นไปกลางอากาศ หลานก็หัวเราะชอบใจ “เอาอิก ฉูง ๆ” “พอเลยไอ้ภีม เจ้าพีร์ เดี๋ยวก็ตกลงมาเจ็บ” “มึงนี่หวงลูกจริง ๆ เลย” “กูไม่ได้มีง่าย ๆ นะลูกเนี่ย” “เออ ๆ” ภีรภาคย์ยอมวางหลานชายลง “ของจากพี” หนูน้อยรพีร์เอ่ยขึ้น “อ๋อ..ของฝาก! นี่ไง..รถบังคับรุ่นใหม่” ภีรภาคย์ยื่นของฝากให้หลานชาย “พีมีลดเยอะแล้ว พีอยากได้ตุ๊กตาบาบี้” “ตุ๊กตาบาร์บี้!” ภีรภาคย์หันไปมองหน้าเพื่อนเป็นคำถาม “เออ..ไม่รู้ว่าลูกกูนึกยังไงถึงอยากเล่นตุ๊กตาขึ้นมา” ทั้งสองมองหน้ากันอย่างแปลกใจ แต่ลูกชายอยากจะเล่นอะไรราชันย์ก็ปล่อยให้เล่นไปตามธรรมชาติตามความชอบความสนใจ เขาไม่เคยห้ามหรือบังคับลูกเพราะลูกชายของเขาก็เล่นของเล่นอย่างอื่นเป็นปกติทั้งรถยนต์ หุ่นยนต์ หรือแม้แต่ตัวต่อบล็อคต่าง ๆ เขาก็เล่นได้ทุกอย่าง “เอ๊ะ! เจ้าพีร์มาให้อาดูหน้าใกล้ ๆ หน่อย เรานี่หน้าเหมือนใคร” ภีรภาคย์มองหน้าหลานชายอย่างพิจารณาแล้วรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา “จะเหมือนใคร ลูกกูก็ต้องเหมือนกูสิ!” ราชันย์พูดออกไปแล้วพลันให้นึกถึงแม่อุ้มบุญของลูกชายที่เธอไม่ได้เพียงแค่อุ้มท้อง แต่ลูกยังมีใบหน้าละม้ายคล้ายเธออีกด้วย ภีรภาคย์กลับจากกรุงเทพมาถึงภูเก็ตเขาก็รีบนำของฝากมาให้กับหนูน้อยรดาทันที “สวัสดีค่ะรดา..อามีตุ๊กตามาฝากรดาด้วยนะ” “จอบจุนจ่ะ” หนูน้อยรับมาถือไว้แต่ไม่มีทีท่าดีใจที่ได้ของเล่น “รดาไม่ชอบตุ๊กตาของอาเหรอคะ” ภีรภาคย์มองปฏิกิริยาท่าทางของหนูน้อยพร้อมกับถามออกมา “รดาชอบเล่นของเล่นแบบเด็กผู้ชายอย่างรถมากกว่าน่ะค่ะ” พัทธ์ธีราตอบแทนลูกสาว “อ้าว..ขอโทษค่ะ อาคิดว่ารดาจะชอบตุ๊กตาเสียอีก” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตุ๊กตารดาก็เล่นเหมือนกัน แต่คุณภีมไม่น่าจะลำบากซื้อมา” “ผมอยากซื้อมาฝากน้องรดาแต่ดันไม่ถูกใจซะงั้น” ภีรภาคย์มองหน้านิ่งๆของหนูน้อยก่อนจะเอ่ยทักขึ้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก “ผมคิดออกแล้วว่ารดาหน้าตาเหมือนใคร หน้าคล้ายกับเพื่อนรุ่นพี่ของผมเลยครับ” ภีรภาคย์พูดออกมาอย่างไม่เอะใจสงสัย “เหรอคะ บังเอิญจังเลยนะคะ” พัทธ์ธีราก็ไม่ติดใจสงสัยเช่นเดียวกัน “พัทนี่เก่งนะครับ ทั้งทำงานและเลี้ยงลูกไปด้วย” “มนุษย์แม่เกือบทุกคนทำได้ทุกอย่างเพื่อลูกค่ะ” พัทธ์ธีราพูดออกมาแล้วก็อดที่จะคิดถึงลูกอีกคนของเธอไม่ได้ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เธอก็รักทั้งสองไม่น้อยไปกว่ากัน “วันนี้คุณภีมไม่พาน้องพริมมาด้วยเหรอคะ” เธอชวนเขาคุยเรื่องเด็ก ๆ ลูกสาวของเธอก็คิดถึงอยากเล่นกับพี่พริมแล้ว เพราะในระแวกนี้ก็ไม่มีเด็กวัยเดียวกันให้เล่นด้วย “ผมยังไม่ได้กลับเข้าไปที่บ้านเลยครับ ตั้งใจแวะเอาของเล่นมาให้รดาก่อน” “รดาบ่นคิดถึงพี่พริมแล้วค่ะ” “แล้วอาจะพาพี่พริมมาเล่นกันรดาบ่อย ๆ นะคะ” “จ้าา” ใบหน้าน้อย ๆ พยักหน้าเร็ว ๆ พร้อมกับยิ้มอย่างดีใจ “ผมขอตัวกลับก่อนนะพัท” “ค่ะ” “อากลับก่อนนะคะรดาคนสวย บ๊ายบายค่ะ” “ย๊าย ยายจ่ะ” มือน้อย ๆ ยกขึ้นมาโบกตอบภีรภาคย์ 1 ปี ต่อมา.. ราชันย์สั่งให้เลขาของเขานำเอกสารเข้ามาให้เขาเซ็นที่บ้านเช่นเดิม “นี่เอกสารทั้งหมดที่คุณราชย์ต้องการค่ะ” ปรางวลัยยื่นแฟ้มเอกสารให้เจ้านายก่อนจะเอ่ยทักทายหนูน้อยที่กำลังนั่งเล่นอยู่ใกล้ ๆ ผู้เป็นพ่อ “สวัสดีค่ะน้องพีร์” “ฉะหวัดดีคับป้าปาง” หนูน้อยกล่าวทักทายตอบก่อนจะหันไปสนใจตุ๊กตาบาร์บี้ในมือของตัวเองต่อ “คุณปราง..สุดสัปดาห์นี้ผมต้องไปพูดคุยตกลงธุรกิจกับนายทุนที่ภาคใต้ เราอาจจะเปิดสาขาใหม่ที่นั่นเพราะมีนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาบ่อย คุณจองตั๋วเครื่องบินจองโรงแรมที่พักริมทะเลให้ผมด้วย รายละเอียดที่ไหนเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะแจ้งคุณอีกที” “คุณราชย์จะไปกี่วันคะ และมีใครไปบ้าง” “ให้น้องพีไปทะเยด้วยนะค้าบป่าป๊า” หนูน้อยเข้ามาเกาะแขนอ้อนราชันย์ “แต่ป่าป๊าต้องไปทำงานนะครับ ไม่ได้ไปเที่ยว” “วันเกิดน้องพีป่าป๊ายังไม่พาไปเที่ยวทะเยเยย” หนูน้อยทำหน้างอนผู้เป็นพ่อเพราะวันเกิดปีนี้ป่าป๊ายังไม่ได้พาเขาไปเที่ยวที่ไหน “สรุปจะให้ฉันจองยังไงดีคะ” “ไปก็ไปครับ” เขาไม่เคยใจแข็งกับลูกได้สักครั้ง “ถ้าอย่างนั้นก็จอง 3 วัน 2 คืน มีผม น้องพีร์ แนน แล้วคุณก็ไปกับผมด้วย” “เย้ ๆ น้องพีจะได้ไปเที่ยวทะเยแย้ววว” “ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะจัดการให้เรียบร้อย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD