อายุครรภ์ 18 สัปดาห์ เมื่อลูกเริ่มมีพัฒนาการได้ยิน ราชันย์ให้พัทธ์ธีราฟังเพลงโมสาร์ทเพื่อกล่อมลูกและให้เธอผ่อนคลาย เขามาพูดกับลูกบ่อย ๆ ทั้งให้ลูกฟังเพลง เล่านิทานและยังบันทึกเสียงของเขาไว้ให้ลูกฟังอีกด้วย
“นี่เสียงของป่าป๊า ป่าป๊าราชย์รักลูกนะครับ เป็นเด็กดี มีความสุขกับทุกสิ่งรอบข้างนะครับลูก ป่าป๊าจะเฝ้ารอดูพัฒนาการของลูก”
พัทธ์ธีราฟังเสียงและมองการกระทำที่อบอุ่นอ่อนโยนของเขา ทำให้เธอรู้สึกดีมีความสุขและยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สอง เธอมาตรวจครรภ์ตามนัดอีกครั้ง
“ทารกในครรภ์ของคุณแม่ เป็นแฝดชาย-หญิงนะคะ”
“ชาย-หญิง เหรอคะ” เธอคิดมาตลอดว่าเป็นแฝดชายทั้งสองเพราะเขาต้องการลูกชาย
“พี่ปรางคะ..พัทได้ลูกสาวค่ะ”
“จ้ะ พี่ดีใจด้วยนะ ดีจังเลยได้ทั้งลูกชายลูกสาว”
พัทธ์ธีรารู้สึกดีใจมากที่เธอจะมีลูกสาวไว้เป็นเพื่อน ได้ทำอะไรด้วยกัน แค่คิดก็รู้สึกมีความสุขแล้ว ตอนนี้อาการแพ้ท้องของเธอดีขึ้นจนกระทั่งหายจากอาการแพ้ เธอก็ไม่ขอดมกลิ่นของราชันย์อีกเลย ชายหนุ่มบอกตัวเองไม่ได้ว่าเขาควรจะรู้สึกดีใจที่เธอหายแพ้ท้องหรือว่าเสียใจที่เธอไม่มาดมกลิ่นกายของเขาอีก หญิงสาวเริ่มมีอาการปวดหลัง ขามือบวม เธออยากกินเยอะและบ่อยขึ้น น้ำหยักพุ่ง เขาจึงเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ให้เธอทานอาหารทะเล เพื่อพัฒนาสมองของลูกน้อยในท้องได้ ทำให้เด็กมีสมาธิที่ดีกว่าปกติ เขายังพาครูฝึกโยคะมาฝึกเธอที่เพนเฮาส์อีกด้วย เป็นโยคะสำหรับแม่ท้อง เพื่อป้องกันและลดอาการปวดต่าง ๆ
อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ พัทธ์ธีราเริ่มรู้สึกกระตุกเบา ๆ ที่ท้อง เมื่อลูกเริ่มดิ้นช่วงแรกๆ เขาก็ขอสัมผัสหน้าท้องของเธอขณะที่ลูกดิ้น
“เธออย่าเกร็งสิ เดี๋ยวลูกของฉันก็เกร็งไปด้วยหรอก” นั่นคือสิ่งที่เขาบอก แต่จะไม่ให้เธอเกร็งได้ยังไง ทั้งมือหนาที่วางอยู่บนหน้าท้องและยังใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่คลอเคลียอยู่บริเวณท้องของเธอไม่ห่าง ถ้ามุดเข้าไปดูลูกได้ เขาคงจะเข้าไปแล้ว เขาเข้ามาแนบชิดหน้าท้องจนเธอรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาแบบนั้น เธอก็ต้องเกร็งเป็นธรรมดา
“ทำไมฉันไม่รู้สึกเลยล่ะว่าลูกกำลังดิ้น”
“ลูกของคุณเพิ่งจะเริ่มดิ้นเองนะคะ รอให้โตขึ้นอีกนิดคุณก็จะรู้สึกมากกว่านี้ว่าลูกกำลังดิ้น”
“ฮืมม์..คงเป็นอย่างที่เธอว่า” เธอคงจะสัมผัสและรับรู้ความเคลื่อนไหวภายในกายได้ชัดเจน แต่เขาแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าลูกของเขากำลังดิ้น
จนกระทั่งเข้าสู่สัปดาห์ที่ 25-29 ลูกดิ้นบ่อยขึ้นสามารถสัมผัสได้ชัดเจน ราชันย์ก็ตื่นเต้นไปด้วยเมื่อสัมผัสได้ว่าลูกกำลังดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในท้องของเธอ
“ทำไมฉันมีความรู้สึกเหมือนดิ้นพร้อมกัน เธอเคยสังเกตมั้ย มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
“เอ่อ..น่าจะเตะกับต่อยมากกว่านะคะ ฉันถามคุณหมอแล้ว ก็ปกติดีค่ะ” อย่าเตะพร้อมกันสิลูก แม่ขอร้องนะคะ สลับกันเตะทีละคน
“แต่ตรงนี้ก็รู้สึกเหมือนลูกดิ้นลูกขยับอยู่ด้วยเหมือนกัน” ราชันย์ยังคงเอะใจสงสัย
“เอ่อ..ลูกชายของคุณคงจะกำลังฝึกตีลังกาเล่นฟุตบอลกับคุณอยู่น่ะค่ะ”
“ฮืมม์..น่าจะใช่ สงสัยออกมาจะเตะเก่ง” ราชันย์อมยิ้มภูมิใจ พัทธ์ธีราถอนหายใจออกมายาว ๆ กว่าเธอจะเอาตัวรอดไม่ให้มีพิรุธได้ในแต่ละครั้ง ลูก ๆ ก็พร้อมใจกันเหมือนรอจะเล่นกับพ่อของเขา ได้ยินเสียงพ่อเขาทีไรก็ดีใจแข่งกันเตะกันถีบท้องเธอสนุกกันใหญ่
“อย่าเล่นซนกันนักสิคะ เกือบจะทำให้แม่เดือดร้อนแล้วนะรู้มั้ย” หญิงสาวพึมพำออกมาเบา ๆ ทุกครั้งที่ราชันย์ขอจับท้องของเธอเมื่อลูกดิ้น ทุกครั้งที่เขาเอ่ยออกมาอย่างสงสัย เธอก็ต้องหาเหตุผลมาบดบังความสงสัยของเขาไว้
เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สาม ก่อนคลอด ราชันย์ช่วยนวดหลังให้พัทธ์ธีรา การนวดก่อนคลอดเพื่อคลายกังวล เขาดูแลให้เธอออกกำลังกายเบาๆ เธอต้องสังเกตการเคลื่อนไหวของลูกในท้อง และต้องนอนตะแคงเพราะหายใจสะดวกกว่าการนอนหงาย หญิงสาวจัดกระเป๋าเตรียมคลอด แพ็คของใช้ที่จำเป็นตอนพักตัวที่โรงพยาบาล ทางด้านราชันย์เขาก็เตรียมเสื้อผ้าของใช้สำหรับลูกชายไว้อย่างครบถ้วนแล้ว ส่วนพัทธ์ธีราเธอก็เตรียมของลูกสาวไว้พร้อมแล้วเช่นกัน 3 สัปดาห์ก่อนวันกำหนดผ่าคลอด ราชันย์ให้ปรางวลัยเลขาของเขาย้ายมาอยู่ที่เพนเฮาส์กับพัทธ์ธีรา ยิ่งใกล้กำหนดวันผ่าคลอดเธอก็ยิ่งตื่นเต้น เธอพยายามกำชับกับปรางวลัยว่าวันนั้นห้ามไม่ให้ราชันย์ไปที่โรงพยาบาลอย่างเด็ดขาด
ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นยิ่งใกล้คลอด พัทธ์ธีราก็นอนลำบาก เป็นท้องแฝดด้วยแล้ว เธอหายใจได้ไม่เต็มปอด เดินก็ไม่สะดวก แต่มันเป็นอะไรที่พิเศษ เธอยอมเจ็บและอดทนได้เมื่อนึกถึงวันที่เธอจะได้เห็นหน้าลูก ๆ ได้อุ้มได้กอดได้หอมลูก เป็นความรักที่มีแต่ให้ รักตั้งแต่ยังไม่ได้พบเจอ ยังไม่ได้เห็นหน้า มหัศจรรย์แห่งรักของแม่
ราชันย์รับรู้ได้ถึงความลำบากของหญิงสาว กว่าจะมาถึงวันนี้ เขารู้สึกชื่นชมในความอดทนของเธอที่อุ้มท้องลูกของเขามา 33 สัปดาห์ เธอทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความรักความอบอุ่นที่เธอมีต่อลูกในท้อง แม้เธอจะเป็นแค่แม่อุ้มบุญก็ตาม
“วันผ่าคลอด ฉันจะเข้าไปกับเธอด้วย” ราชันย์เอ่ยขึ้น
“ไม่ได้นะคะ”
“ไม่ได้ค่ะ” สองสาวประสานเสียงห้ามชายหนุ่มออกมาพร้อมกัน
“ทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้” ราชันย์ขมวดคิ้วสงสัย
“พี่ปรางคะ..”
“อ๋อ! ก็วันนั้นคุณราชย์มีนัดสำคัญกับนายทุนต่างชาติไงคะ”
“ลูกชายของผมก็สำคัญมากนะคุณปราง สำคัญกว่างาน ผมรอเขามาตั้งหลายเดือน ทำไมคุณไม่เลื่อนนัดให้ผม”
“ทางนั้นเขานัดมาเอง ฉันเลื่อนไม่ได้ค่ะ ทางนี้คุณราชย์ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ลูกชายของคุณอยู่ในมือหมอ ปลอดภัยแน่นอนค่ะ คุณอยู่ก็ช่วยทำคลอดไม่ได้”
“คุณปราง!”
“ฉันเห็นด้วยกับพี่ปรางนะคะ คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ” ราชันย์ลังเล
จนกระทั่งถึงวันกำหนดผ่าคลอด การผ่าคลอดผ่านไปด้วยดี ปลอดภัยทั้งแม่และลูกแฝด
“แฝดพี่ ผู้ชายนะคะ”
“แฝดน้อง ผู้หญิงค่ะ” พัทธ์ธีราจดจำวินาทีที่หมอยกตัวลูกขึ้นมาให้เธอดูได้ดี ในที่สุดวันที่เธอรอคอยที่จะได้เห็นหน้าลูก ๆ ก็มาถึง เธอรู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมา ลูกแฝดของเธอคลอดห่างกัน 2 นาที ตัวโตร่างกายสมบูรณ์ดีทั้งคู่ น้ำหนักถือว่าดีมากสำหรับเด็กแฝด
การผ่าคลอดผ่านไปไม่นาน ราชันย์เสร็จธุระก็รีบมาหาลูกของเขาที่ห้องพิเศษ Premium ที่เขาจองไว้สำหรับลูกของเขา ค่าห้องคืนละแสนแต่ความสะดวกสบายนั้นครบครันราวกับโรงแรมหรู
“ลูกชายของผมล่ะคุณปราง” เปิดประตูเข้ามาเขาก็เอ่ยถามหาลูกชายในทันที
“เดี๋ยวฉันไปบอกพยาบาลให้พาเด็กมาให้คุณราชย์นะคะ”
“ขอบคุณ”
“เธอเป็นยังไงบ้าง..” ราชันย์หันไปถามพัทธ์ธีราด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เจ็บแผลผ่าตัดค่ะ แต่ก็พอทนได้”
“ขอบใจเธอมากนะ”
“ค่ะ”
ปรางวลัยต้องคอยกันพยาบาลและกำชับเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าให้พาแค่แฝดพี่ เด็กผู้ชายมาเพียงคนเดียว
“มาแล้วค่ะ..ลูกชายของคุณราชย์”
“ขอบคุณครับ” ราชันย์เอ่ยขอบคุณพยาบาลก่อนที่เธอจะออกไป
“ไงครับเจ้าตัวเล็ก..จำเสียงของป่าป๊าได้มั้ยครับ” ราชันย์ก้มลงพูดกับลูกน้อยที่กำลังฟังและมองเขาตาแป๋ว
“ขอป่าป๊าอุ้มหน่อยนะครับ” ราชันย์อุ้มลูกขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างคล่องแคล่ว ก่อนหน้านี้เขากับพัทธ์ธีราได้เข้าฝึกอบรมการอุ้มลูกมาอย่างดีแล้ว ชายหนุ่มมองลูกชายของเขาอย่างไม่วางตา ลูกคือสิ่งที่เขารอคอย ราชันย์ยังคงอุ้มลูกอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน
“เอ่อ..ฉันว่าคงถึงเวลาให้พัทพักผ่อนและให้นมลูกแล้วนะคะคุณราชย์”
“ฮืมม์..พรุ่งนี้ป่าป๊าจะมาหาใหม่นะครับ” ราชันย์วางลูกลงบนเตียงเด็กเหมือนเดิมแล้วเขากลับบ้าน เมื่อราชันย์กลับไปแล้ว พัทธ์ธีราจึงรีบให้นมลูกชายแฝดพี่ก่อนจะให้พยาบาลพาลูกสาวแฝดน้องมากินนม ลูกของเธอกินเก่งทั้งคู่ ไม่ร้องงอแง กินแล้วก็หลับจนเธอต้องปลุกให้มากินอีก นอนเก่ง จะนอนอย่างเดียว
เช้าวันต่อมา..
“คุณราชย์ตั้งชื่อให้ลูกชายของเขาว่า “ รพีร์ ” แล้วพัทล่ะ จะให้ลูกสาวของพัทชื่อว่าอะไรดี”
“พ่อ..ราชันย์ พี่..รพีร์ ยัยหนูตัวเล็ก ชื่อ.. “ รดา ” ดีไหมคะพี่ปราง สั้น ๆ ทั้งชื่อเล่นชื่อจริงใช้เหมือนกัน”
“รดา..ก็น่ารักดีจ้ะ ตกลงเอาชื่อนี้นะ แต่คนนี้ใช้นามสกุลของพัท”
“ใช่ค่ะพี่ปราง ขอบคุณพี่ปรางมากนะคะที่เป็นธุระให้”
“ไม่เป็นไรจ้ะ น้องสาวกับหลานของพี่ทั้งคน”
ข้อดีของการจดทะเบียนของทั้งคู่ก็คือ ไม่ยุ่งยากต่อการแจ้งเกิดให้กับเด็ก ปรางวลัยนำเอกสารของทั้งคู่ไปแจ้งเกิดกับทางโรงพยาบาล
“แฝดพี่ ด.ช.รพีร์ อักษราวานิช แฝดน้อง ด.ญ.รดา อุ่นจรรยา ตรวจอักษรอีกครั้งนะคะว่าถูกต้องครบถ้วนมั้ย” เมื่อเจ้าหน้าที่ทะเบียนตรวจสอบเอกสารและหลักฐานเรียบแล้วก็ให้เธอตรวจความถูกต้องของชื่อว่าพิมพ์ถูกต้องหรือเปล่า
“ถูกต้องแล้วค่ะ”
เมื่อเจ้าหน้าที่ทะเบียนลงรายการในสูติบัตร เพิ่มชื่อเด็กในทะเบียนบ้านของพ่อกับแม่เรียบร้อยแล้วก็มอบสูติบัตรทั้งสองใบให้กับปรางวลัย
พัทธ์ธีราพักฟื้นหลังจากผ่าคลอด 2 คืน วันต่อมาหมอก็ให้เธอกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน ราชันย์มารับลูกชายของเขากลับบ้าน หนูน้อยนอนอยู่ในคาร์ซีทที่ผู้เป็นพ่อหิ้วอยู่โดยไม่รู้เลยว่ากำลังจะถูกแยกจากผู้เป็นแม่และน้องสาวฝาแฝด
“อย่าหาว่าฉันใจร้ายกับเธอ แผลของเธอดีขึ้นเมื่อไหร่ ค่อยไปจดทะเบียนหย่าและรับเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายของเธอ” ราชันย์พยายามจะไม่หันไปมองหน้าไม่สบตาอีกฝ่าย แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่เธออุ้มท้องลูกของเขา เธอทำให้เขามีความรู้สึกหลายอย่างทั้งความอบอุ่นรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็ตาม แต่เขาต้องยึดมั่นหนักแน่นกับเจตนารมณ์และไม่ทำผิดเงื่อนไขสัญญาของตัวเองเป็นอันขาด ตัดบัวอย่าให้เหลือใย ตัดใจจากแม่ของลูกนี่ก็ยากเหมือนกัน แต่เพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เขาจะต้องทำให้ได้ ราชันย์คิดอย่างตัดใจ ต่อจากนี้เขาจะไม่ติดต่อกับเธออีก ต่างคนต่างอยู่ในที่ของตัวเองเหมือนเดิมอย่างที่ควรจะเป็น..
“ฉันเข้าใจค่ะ” พัทธ์ธีรารู้ดีว่าเธอไม่มีสิทธิ์ในตัวลูก แม้ว่าบ่อยครั้งที่เธอคิดว่าจะพาลูกทั้งสองหนี แต่ถ้าทำอย่างนั้น..เธออาจจะไม่ได้พบเจอลูกของเธอเลยสักคน เพราะคนระดับเขาคงจะไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ เธอให้ลูกชายอยู่กับเขาอย่างที่เขาต้องการคงจะดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย อย่างน้อยเธอก็ยังเฝ้าดูเขายังถามไถ่จากปรางวลัยได้บ้าง และลูกสาวอีกคนก็จะได้อยู่ในความดูแลของเธอ
แม่ขอโทษนะคะน้องพีร์ แม่เสียลูกไปพร้อมกันทั้งสองคนไม่ได้จริง ๆ แม่รักพีร์นะลูก แม่ไม่ได้ทิ้งหนู สิ่งเดียวที่พัทธ์ธีราทำได้ก็คือ..เธอขอให้ลูกได้กินนมให้อิ่มก่อนที่ต้องแยกจากกัน
ราชันย์พาลูกชายกลับบ้าน เขาเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสำหรับลูก รวมไปถึงพี่เลี้ยงของลูกด้วยที่เขาเลือกสัมภาษณ์มาด้วยตัวเอง ส่วนพัทธ์ธีราเธอพาลูกสาวออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่เพนเฮาส์ของราชันย์ เธอพาลูกกลับบ้านวันแรกลูกร้องไห้ไม่หยุดทั้งคืน เธอไม่แน่ใจว่าเพราะเปลี่ยนสถานที่หรือว่าเพราะลูกแฝดของเธอต้องแยกจากกัน ยิ่งลูกคนนี้ร้อง เธอก็อดที่จะห่วงไปถึงลูกอีกคนไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ราชันย์นัดให้พัทธ์ธีราไปเซ็นใบหย่าพร้อมกับรับเงินค่าจ้างก้อนสุดท้ายของเธอ ตั้งแต่แยกกันในวันนั้นเขาก็ไม่ติดต่อไม่เคยมาที่เพนเฮาส์ แต่ถือว่าเป็นโชคดีของเธอ เขาก็คงยุ่งอยู่กับการเลี้ยงเจ้าตัวเล็กเหมือนกับเธอ ที่สำคัญเขาคงไม่อยากให้เธอยุ่งเกี่ยวหรือผูกพันกับลูกตามเงื่อนไขในสัญญา แต่เขาก็ยังมีความเมตตาที่ไม่ไล่เธอออกไปทันทีหลังจากผ่าคลอด เขายังให้โอกาสเธอได้ส่งน้ำนมไปให้ลูกกินจนกว่าลูกจะอายุครบ 6 เดือน แรกคลอดน้ำนมเธอแทบจะไม่พอเพราะลูกแฝดแต่เธอก็ทำทุกวิธีเพื่อที่จะให้มีน้ำนมเยอะขึ้น เขาก็ส่งของบำรุงน้ำนมทั้งน้ำหัวปลีและอื่น ๆ มาให้เธอไม่ขาด เคล็ดลับเพิ่มน้ำนมของเธอคือดื่มน้ำเยอะ เลือกทานผักผลไม้และอาหารที่มีโปรตีนสูงเป็นหลัก พักให้เพียงพอ และนอนพร้อมลูกในช่วงกลางวัน ให้นมลูกบ่อยๆ น้ำนมก็เยอะขึ้น
“แม่จะพยายามปั๊มนมบ่อยๆ จะได้เก็บไว้ให้พีร์กินได้นานๆ น้องรดาก็ช่วยเข้าเต้าให้แม่ได้ปั๊มนมไว้ให้พีร์กินนะลูก แม่รักหนูทั้งสองคนที่สุดในชีวิต” ขณะที่เธอให้นมลูกและปั๊มนมเพื่อเก็บไว้ให้ลูกอีกคน เธอส่งผ่านความรักของแม่ไปกับน้ำนม อยากให้ลูกรับรู้ว่าแม้ว่าเธอจะไม่ได้โอบอุ้มเลี้ยงดูเขาให้เติบโต แต่เธอก็รักเขามากเช่นกัน พัทธ์ธีราอยู่ในเพนเฮาส์ต่อไปจนกระทั่งเธอให้นมลูกครบ 6 เดือน ตอนนี้น้องรดาลูกสาวของเธอพลิกคว่ำได้คล่อง รู้ชื่อของตัวเอง เริ่มคุยโต้ตอบได้ ส่งเสียงเรียกได้ พัฒนาการดีสมวัย น้องพีร์ก็คงจะไม่ต่างกัน
เมื่อวันที่พัทธ์ธีราต้องออกจากเพนเฮาส์ไปดำเนินตามทางของเธอต่อไป ปรางวลัยขับรถมาส่งเธอกับลูก
“พัทขอบคุณพี่ปรางมากนะคะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง” เธอไม่รู้ว่าจะขอบคุณปรางวลัยยังไงกับสิ่งที่เธอคอยช่วยเหลือมาตลอด ถ้าไม่ได้ปรางวลัย เธอคงจะลำบากตรากตรำมากกว่านี้นัก
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่เต็มใจทำเพื่อพัทกับหลานของพี่ เดินทางปลอดภัย แล้วเจอกันนะ”
“ค่ะพี่ปราง”
พัทธ์ธีราย้ายมาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งทางภาคใต้สองคนแม่ลูก ในเมื่อเธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เธอไม่ต้องกังวลหรือกลัวคำครหาจากใคร แม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอต้องยืนหยัดบนลำแข้งของตัวเองให้ได้ หญิงสาวเช่าบ้านหลังเล็กที่อยู่ใกล้ ๆ โรงแรมหรู แม้ว่าบ้านจะหลังเล็กกะทัดรัดแต่ยังมีพื้นที่ว่างรอบบ้านให้เธอได้ขยับขยายทำธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง ตอนนี้รดาวัย 7 เดือน คลานทั้งวัน และเริ่มพูด เลียนเสียง
“ม่ะมะ..”
“รดาจะเรียกแม่ว่าหม่าม้าเหรอคะ”
“ม่ะ มะ!”
“หม่าม้าก็หม่าม้าคะ” พัทธ์ธีรายิ้มกว้างอย่างอบอุ่นหัวใจเมื่อได้ยินเสียงเรียกของลูก เธอรีบไปหยิบโทรศัพท์มือถือโทรไปหาปรางวลัยในทันที
“พี่ปรางคะ น้องรดาเริ่มพูดได้บ้างเป็นบางคำแล้วนะคะ แล้วน้องพีร์ล่ะคะ เริ่มพูดบ้างหรือยัง”
“เริ่มพูดแล้วล่ะจ้ะ เมื่อวานคุณราชย์เพิ่งจะมาคุยอวดให้พี่ฟังว่าน้องพีร์เรียกเขาว่าป๊าได้แล้ว” พัทธ์ธีราได้ฟังดังนั้นก็น้ำตาคลอ เธออยากได้ยินเสียงของลูกชายบ้าง
“พัทอยากได้ยินเสียงของน้องพีร์บ้างจังเลยค่ะพี่ปราง”
“แล้วพี่จะพยายามอัดเสียงน้องพีร์ส่งไปให้พัทนะ”
“ขอบคุณมากค่ะพี่ปราง”
พัทธ์ธีราได้เห็นลูกชายของเธอจากภาพที่ปรางวลัยส่งมาให้เธอเกือบทุกเดือน แม้เธออยากจะไปหาลูกแต่เธอมีชนักติดหลังเรื่องที่เอาลูกของเขาอีกคนมาเลี้ยงโดยที่เขาไม่รู้ เธอจึงจำเป็นต้องอยู่ให้ห่างไกลเขาให้มากที่สุด ไม่อยากให้เขารับรู้เรื่องของเธอกับลูก เธอกลัวว่าเขาจะมาทวงลูกคืนไปจากเธอ
ฝ่ายราชันย์เขาหวงลูกชายมาก เขาไม่เคยพาลูกไปที่บริษัทหรือว่าโชว์รูมรถเพราะกลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัยเนื่องจากลูกอยู่ในวัยกำลังซนคลานไม่หยุดและเริ่มจะเยอะนั่นเกาะนี่ เขาเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านเสียส่วนใหญ่เพื่อให้เวลากับลูกให้มากที่สุดด้วย นอกจากวันไหนที่มีประชุมหรือคุยงานต่าง ๆ เขาถึงเข้าบริษัท ส่วนมากเขาจะให้ปรางวลัยนำเอกสารเข้ามาให้เขาที่บ้าน ซึ่งเธอจะใช้โอกาสนี้ถ่ายภาพน้องพีร์ส่งไปให้พัทธ์ธีรา