การใช้ชีวิต(ใกล้ชิด)ร่วมกัน

2961 Words
รุ่งเช้าพัทธ์ธีรากับลูกตื่นเช้าตามปกติ เธอเปิดประตูก้าวออกมาจากห้องนอน ตั้งใจจะเข้าไปปลุกลูกชาย ส่วนลูกสาวตัวน้อยของเธอนั้น ออกจากห้องปุ๊บก็วิ่งตรงไปยังประตูห้องของผู้เป็นพ่อและเปิดประตูเข้าไปทันทีโดยที่หญิงสาวห้ามลูกไว้ไม่ทัน “รดา!” พัทธ์ธีราไม่อยากตามลูกสาวเข้าไป เดี๋ยวจะละลาบละล้วงข้อตกลงของเขา เธอจึงเลี่ยงเข้าไปปลุกลูกชายแทน “ป่าป๊าขาาา..เช้าแย้วค่ะ” หนูน้อยรดาปีนขึ้นมาบนเตียงมานอนอยู่บนตัวราชันย์แล้วจุ๊บปากปลุกเขา “ป่าป๊าตื่นแล้วครับคนเก่ง” แขนแกร่งโอบกอดลูกสาวก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง “ป่าป๊าขาาา..” “ว่าไงครับ น้องรดา” “หม่าม้าบอกว่าผู้หยิงต้องพูดคะขา” อ๋อ..ลูกสาวของเขาขี้อ้อนพูดจาน่ารักเพราะว่าหม่าม้าสอนมานี่เอง “แต่ป่าป๊าเป็นผู้ชายไงครับ ผู้ชายต้องพูดครับ รดาเข้าใจมั้ยครับ” “เข้าใจก็ได้ค่ะ” หนูน้อยทำหน้านิ่งตาแป๋ว “หึ ๆ เข้าใจก็ได้ สรุปว่าเข้าใจมั้ยครับลูก” ราชันย์หัวเราะอย่างเอ็นดูลูกสาวตัวน้อย หน้านิ่งตาแป๋วเหมือนกับแม่ของเธอไม่มีผิดเพี้ยน “พี่พีตื่นหรือยังครับ” “หม่าม้าไปปุกพี่พีค่ะ” “เหรอครับ..” เมื่อลูกสาวบอกอย่างนั้น ราชันย์ก็หันไปมองภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องของลูกชายทันที เขาเห็นหญิงสาวเข้าไปหอมลูกเพื่อปลุกให้ลูกตื่น ราชันย์รู้สึกหมั่นไส้เจ้าลูกชายยังไงก็ไม่รู้ เพราะเจ้าหนูรพีร์ขอให้ผู้เป็นแม่หอมแล้วหอมอีก ทำเป็นขี้เซาไม่อยากตื่น ทั้งที่ปกติจะตื่นก่อนเขาแล้ววิ่งมาเคาะประตูปลุกเขาแทบทุกเช้า “รดารอป่าป๊าแป๊บนึงนะครับลูก ขอป่าป๊าอาบน้ำแต่งตัวแป๊บเดียว” “ค่ะ” ราชันย์รีบจัดการกิจวัตรประจำวันของตัวเองก่อนจะจูงมือลูกสาวตัวน้อยออกมาจากห้อง เขาเห็นเจ้าลูกชายกำลังกระโดดให้แม่ของเขาอุ้มพร้อมกับจุ๊บแก้มของเธอ “ป่าป๊า..มามอนิ่งคิสหม่าม้าด้วยฉิคับ” เจ้าหนูรพีร์ลงจากอ้อมแขนของพัทธ์ธีรามาผลักก้นดันให้ราชันย์เข้าไปใกล้หญิงสาว “ป่าป๊า คิสเย็วๆ ฉิคับ” “ขอโทษ! ลูกสั่งน่ะ” ริมฝีปากอุ่นฉกมาหอมแก้มเธออย่างรวดเร็วจนพัทธ์ธีราไม่ทันตั้งตัว เธอยืนนิ่งงันราวกับว่าเธอหยุดหายใจไปชั่วขณะ หญิงสาวไม่คิดว่าเขาจะทำจริงอย่างที่ลูกขอ “ฮืมม์..” ราชันย์ทำหน้านิ่งขรึมเป็นปกติเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หัวใจกลับกระตุกแปลก ๆ แก้มขาวนวลนั้นทั้งนุ่มทั้งหอมอย่างที่เจ้าลูกชายตัวดีของเขาบรรยายไว้นั่นแหละ “ป่าป๊าขาา” “ครับ..” “อุ้มยะดาโหน่ย” ลูกสาวที่เกาะขากระตุกแขนให้เขาหลุดออกจากภวังค์ “มาครับ” ราชันย์อุ้มลูกขึ้นมา หนูน้อยรดาก็ซบไหล่โอบกอดคอเขาไว้ เจอความน่ารักช่างอ้อนของลูกสาวเข้าไปแบบนี้ เขาจะไปไหนรอด ลูกคนเดียวเขาก็หวงจะแย่อยู่แล้ว นี่มีเพิ่มมาอีกคน ทำให้เขาคิดจะย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่บ้านอย่างถาวร นอกจากพัทธ์ธีราจะดูแลลูกแล้วเธอยังขอเป็นคนทำอาหารให้กับลูกด้วยตัวเอง นอกเหนือจากนั้นเธอก็ไม่มีหน้าที่อย่างอื่นทำ แถมลูกก็ยังมีพี่เลี้ยงคอยช่วยดูแลไม่ห่าง เธอไม่อยากอยู่ว่าง ๆปล่อยเวลาไปให้เปล่าประโยชน์ให้เป็นภาระของเจ้าของบ้าน เมื่อเห็นว่ามีพื้นที่ว่างเปล่าด้านหลังคฤหาสน์เธอจึงเอ่ยขออนุญาตจากราชันย์ “คุณราชย์คะ” “มีอะไร” “ฉันจะขออนุญาตคุณ ใช้พื้นที่ว่างในสวนหลังบ้านได้ไหมคะ” “เธอจะเอาไปทำอะไร” “ฉันจะเอาไว้ปลูกผักสวนครัวค่ะ” “จะปลูกทำไม ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปซื้อเอาสะดวกและง่ายกว่า” “ผักพวกนี้เป็นผักคู่ครัว ปลูกไว้ทานเองนอกจากจะประหยัดแล้วยังปลอดภัยจากสารพิษตกค้างด้วยค่ะ และยังได้ฝึกให้ลูก ๆ ปลูกต้นไม้ดูแลรดน้ำพรวนดิน ลูกได้เห็นพัฒนาการการเจริญเติบโตของพืช” “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เธอ อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน” “ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอรู้ว่าอะไรที่เกี่ยวกับลูก เขาไม่เคยขัด แรกเริ่มเธอสอนให้ลูกทั้งสองปลูกถั่วงอกและต้นอ่อนทานตะวัน ลูก ๆ ทั้งตื่นเต้นกับการได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่และยังสนุกสนานเพราะได้เล่นไปในตัว เมื่อเธอนำผักที่ลูกปลูกมาทำอาหาร ลูก ๆ ยังช่วยกันล้างผักและช่วยเธอปรุงอีกด้วย คนที่ปลื้มก็หนีไม่พ้นผู้เป็นพ่อที่ลูก ๆ ขยันกันนำผักที่พวกเขาปลูกมาอวด “อาย่อยคับ ขอบคุณค้าบ” นอกจากพัทธ์ธีราจะชวนลูก ๆ ทำอาหาร ให้ลูกได้ช่วยเธอทำแล้ว เธอยังสอนให้ลูกรู้จักมีสัมมาคารวะขอบคุณพี่เลี้ยงหรือแม้กระทั่งแม่บ้าน เธอจึงเป็นที่รักใคร่ชื่นชมของทุกคน เธอมักจะทำแซนด์วิช และคั้นน้ำผลไม้ สำหรับเป็นอาหารว่างของลูก แม้ว่าจะเป็นเมนูง่ายๆ แต่อร่อยสะอาดและปลอดภัยด้วย แม้จะมีแม่บ้าน ผู้ช่วยงานบ้านเกือบสิบคนแต่อะไรที่เธอทำเองได้ เธอก็จะทำด้วยตัวเอง “ทำไมไม่ให้แม่บ้านมาช่วย ไม่ให้คนอื่นทำ” นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มถามเธอ “งานของพวกเขาล้นมืออยู่แล้วค่ะ ฉันพอจะทำเองได้ ไม่อยากเพิ่มงานเพิ่มภาระให้พวกเขา” พัทธ์ธีราปลูกพืชผักสวนครัว ทั้งพริก กะเพรา ตะไคร้ ผักบุ้ง ผักกาด และผักสลัดอื่น ๆ นอกจากจะใช้ปรุงอาหารในครัวเป็นประจำแล้ว เธอยังแบ่งปันให้คนงานในบ้านเอาไปปรุงอาหารกันเองอีกด้วย ส่วนเหลือกินก็ให้พวกเขาแบ่งเอาไปขายในตลาด หญิงสาวมองสวนเล็ก ๆ ของเธออย่างมีความสุข นอกจากผักก็ยังมีดอกไม้หลายชนิดที่ลูก ๆ ของเธอหว่านเมล็ดไว้ เมื่อมันเติบโตออกดอกให้ชื่นชมทำให้บริเวณนี้เต็มไปด้วยความสดชื่นสดใส เธอกับลูก ๆ ก็มักใช้เวลาอยู่ที่นี่นานหลายชั่วโมง คนเป็นพ่อที่ทั้งหวงทั้งห่วงลูกก็สั่งให้ช่างมาสร้างศาลาไม้ขนาดย่อมไว้สำหรับนั่งพักหรือนั่งชมดอกไม้ จนกระทั่งตอนบ่ายของวันนี้ หลังจากให้ลูกทานอาหารกลางวันและดื่มนมแล้ว พัทธ์ธีราไปเตรียมของว่างให้ลูก หนูน้อยทั้งสองอยู่กับพี่เลี้ยงผ่านไปครู่หนึ่งพี่เลี้ยงก็วิ่งมาบอกกับเธอว่าเด็ก ๆ หายไป “แนนแน่ใจว่าหาทั่วบ้านแล้วเหรอ” “ค่ะ คุณพัท” “มีอะไร!” ราชันย์ถามขึ้นเมื่อเห็นพี่เลี้ยงของลูกมีกิริยากระวนกระวาย “น้องพีร์กับน้องรดาหายไปค่ะ” “จะหายไปไหน! ข้างนอกฝนก็กำลังตก” “ใจเย็น ๆ ลองหากันอีกครั้งดีกว่านะคะ เด็ก ๆ ไม่น่าจะไปไหนไกล คงจะไปเล่นซ่อนแอบกันตรงไหนสักแห่ง” “ช่วยกันตามหาให้ทั่ว!” ราชันย์สั่งให้ทุกคนในบ้านวางมือจากงานของตัวเองมาช่วยกันตามหาลูกของเขาให้วุ่นกันทั้งบ้านรวมทั้งเขาด้วย จนมาเจอหนูน้อยทั้งสองที่ชวนกันหนีพี่เลี้ยงมาเล่นน้ำฝนกันในสวนหลังบ้าน ราชันย์เป็นห่วงลูก จนวิตกกังวลไปหมด “รพีร์! รดา!” ชายหนุ่มยืนกอดอกทำหน้าบึ้งเอ่ยถามขึ้นเสียงดุขรึม “ใครเป็นคนชวนมา” “พีเป็นคนทำเองครับ พีชวนละดามา” “พีร์จะต้องถูกทำโทษนะครับ” “ป่าป๊าอย่าทำโทดพีเยยนะค้าา” “ป่าป๊าค้าบ ป่าป๊าขา..” ลูก ๆ ทำเสียงอ้อนแต่หน้าหงอรู้สึกผิดและกลัว น้ำตาเริ่มเอ่อคลอดวงตาน้อย ๆ ที่กำลังจะร้องไห้ออกมา “พีร์ครับ รดาคะ ฟังหม่าม้านะลูก” พัทธ์ธีราย่อตัวนั่งลงเสมอกับลูก จ้องมองตาพวกเขาพร้อมกับสอนให้ลูกเข้าใจ “หนูจะออกไปไหนต้องบอกป่าป๊า หม่าม้าหรือว่าพี่แนน ไม่อย่างนั้นทุกคนจะเป็นห่วง ” “และหนูจะต้องรอให้ฝนตกสักระยะก่อนนะคะ ฝนเริ่มตกโปรยลงมา เรายังไม่ควรไปเล่นเพราะในอากาศมีทั้งฝุ่นและมลพิษมากมายปนอยู่” เมื่อพัทธ์ธีราบอกให้ลูกเข้าใจแล้ว “พีร์กับรดาเข้าใจที่หม่าม้าสอนแล้วใช่มั้ยคะ” “เข้าใจคับ เข้าใจค่ะ” หนูน้อยทั้งสองตอบออกมาพร้อมกัน “ถ้าเข้าใจแล้ว งั้นเราไปเล่นน้ำฝนกันเถอะ” “ห๊ะ!?” ราชันย์หันไปมองแม่ของลูกทันที “คุณเห็นแววตาลูกมั้ยคะ ว่าลูก ๆ กำลังกลัว อย่าเอ็ดลูกอีกเลยค่ะ ยังไงแกก็ปลอดภัย ส่วนเรื่องทำโทษเก็บไว้ก่อนนะคะ เราอย่าขัดขวางการเรียนรู้ของลูกเลยค่ะ” เธอจึงเอ่ยชวนเขาออกไปเล่นน้ำฝนกับลูก “วันนี้เรากลับไปเป็นเด็กเหมือนลูก ไปเล่นน้ำกันดีกว่านะคะ” พัทธ์ธีรายิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอ่อนโยนใจเย็น มือบางจับข้อมือใหญ่ อีกข้างจูงมือน้อย ๆ ก้าวไปยืนท่ามกลางสายฝน เขาก็ไม่เคยมีโอกาสได้เล่นแบบนี้..แม้ว่าจะเปียกมอมแมมไปบ้างแต่ก็สนุกไปอีกแบบ น้ำฝนเย็น ๆ ชุ่มฉ่ำ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของเธอกับลูกทำให้เขายิ้มตามอย่างรู้สึกมีความสุข เขาได้เห็นอีกมุมของหญิงสาว เวลาที่เธอเล่นกับลูกเธอน่ารักสดใสเหมือนเด็ก เขาคิดว่าลูกทำให้เขาเป็นคนใจเย็นลงแล้ว แต่แม่ของลูกกลับทำให้เขาใจเย็นลงได้อีกอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกเล่นน้ำฝนกันเสร็จแล้วก็แยกย้ายไปอาบน้ำสระผมที่ห้องของตัวเอง พัทธ์ธีราพาลูกชายมาส่งที่ห้องให้เขาอาบน้ำแล้วเธอกลับไปอาบน้ำให้รดาที่ห้องของเธอ หญิงสาวเดินไปมาระหว่างห้องของลูกชายที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของราชันย์ ส่วนห้องของเธอนั้นอยู่ติดกับห้องของเขา เมื่อเธอจัดการให้ลูกสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เธอกลับเข้ามาในห้องของลูกชายอีกครั้งเพื่อเตรียมเสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูไปให้ เมื่อเธอยื่นผ้าขนหนูให้ลูก เธอไม่ทันระวังตัว เจ้าหนูรพีร์ก็ดึงเธอลงไปในอ่าง “หม่าม้ามาเล่นน้ำกับพีเล็ว ๆ” “อุ๊ย!” เสียงอุทานของเธอดังขึ้นพร้อมกับมือหนาของราชันย์ที่รีบยื่นมือมารับร่างเธอที่ถลาลงมา พัทธ์ธีราจึงได้รู้ว่าลูกชายไม่ได้อยู่เพียงลำพังแต่กำลังอาบน้ำอยู่กับพ่อของเขา เธอไม่เห็นว่าเขาอยู่ในอ่างอาบน้ำกับลูกเพราะมีผ้าม่านบังอยู่ อ่างอาบน้ำในห้องลูกขนาดพอดีสำหรับเด็กและผู้ใหญ่หนึ่งคน แต่แคบไปสำหรับสามคน จึงกลายเป็นว่าเธอนั่งอยู่บนตักแกร่งของเขาให้ลูกชายตวัดน้ำใส่เธออย่างสนุกสนาน “น้องพีร์เล่นอะไรคะ ทำหม่าม้าเปียกไปหมดเลย” เธอแทบกลั้นหายใจและไม่กล้าที่จะขยับตัวหรือว่าหันไปมองเขา จะลุกก็กระไร ลูกชายตัวดีก็ช่างแกล้งเธอแบบนี้ เขาก็ไม่ห้ามลูกบ้างเลย “พอได้แล้วนะคะน้องพีร์ หนูอาบนานแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบาย หม่าม้าจะต้องไปดูน้องรดาอีก” หญิงสาวขยับกายจะลุกออกจากตักเขา ชายหนุ่มจึงช่วยจับเอวบางยกตัวเธอขึ้น “ขอบคุณค่ะ” พัทธ์ธีราเอ่ยออกมาเบา ๆ ก่อนจะรีบก้าวออกจากอ่างอาบน้ำและไม่หันกลับไปมองสองพ่อลูกอีกเพราะรู้สึกอาย เธอต้องกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่อีกครั้ง ฝ่ายราชันย์เขาอาบน้ำกับลูกชายเสร็จก็กลับห้องของตัวเองเช่นกันก่อนจะก้าวไปยังห้องของลูกสาว “ก๊อก ก๊อก! น้องรดาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จหรือยังครับ” ราชันย์เคาะประตูพร้อมกับถามออกไป “เฉ็ดแย้วค่ะป่าป๊า” หนูน้อยรดาเมื่อได้ยินเสียงของพ่อก็วิ่งไปเปิดประตูทันที “รดา..เดี๋ยวลูก!” พัทธ์ธีราจะห้ามลูกไว้ก็ไม่ทันเสียแล้ว “ฮื้ออ..หม่าม้ายังแต่งตัวไม่เรียบร้อยเลยนะลูก” เธอบ่นพึมพำออกมาพร้อมกับหันหลังให้ประตู ในขณะที่ลูกสาวก็จูงมือพ่อเข้ามา “รดาพาป่าป๊าออกไปรอข้างนอกก่อนนะคะ หม่าม้ายังแต่งตัวไม่เรียบร้อย” “เอ่อ..ขอโทษ” ราชันย์เอ่ยออกมาเบา ๆ “เราไปข้างนอกกันดีกว่านะครับรดา” “ค่ะ ป่าป๊า” ราชันย์จูงมือลูกสาวออกมาจากห้อง หางตาก็ไม่วายเหลือบไปมองร่างบางที่ยืนหันหลังให้อยู่ “ป่าป๊าขาา..ป่าป๊ามัดผมให้ยะดานะคะ” หนูน้อยเงยหน้าขึ้นอ้อนและกระตุกมือหนาที่จับมือเธออยู่ “เอ่อ..” ราชันย์ไม่คิดว่าอาบน้ำกับลูกชายแล้วเขาจะต้องมามัดผมให้กับลูกสาวต่อ ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาหาตัวช่วย เขาเคยมัดผมเสียเมื่อไหร่ ผมของตัวเองก็ยังไม่เคยมัด “ได้ครับ..แต่ขอเป็นพรุ่งนี้นะครับ ป่าป๊าต้องหาครูมาสอนก่อนนะ” “ได้ค่ะ” เมื่อตกปากรับคำกับลูกสาวแล้ว ราชันย์รีบโทรศัพท์หาเลขาของเขาในทันที “คุณปราง!” “คะ คุณราชย์” “คุณช่วยหาอุปกรณ์ทำผมแบบครบชุดมาให้ผมด่วน” “คุณราชย์จะเอาไปทำอะไรคะ” “ผมก็จะเอามามัดผมให้รดา ลูกสาวของผมน่ะสิ” “อ๋อ..ค่ะ ได้ค่ะ อุปกรณ์สำหรับทำผมให้น้องรดานะคะ” “ด่วนที่สุดนะคุณปราง” “ค่ะ เย็นนี้ฉันจะนำของไปส่งให้คุณราชย์” “ขอบคุณ” ตั้งแต่มีลูกสาว กิจกรรมของเขาก็มากขึ้นและเปลี่ยนไปจากเดิมเพราะลูกทั้งสองมีความแตกต่างกัน เมื่อปรางวลัยนำอุปกรณ์การทำผมที่มีครบทุกอย่างทั้งยางรัดผม กิ๊บติดผม หลากหลายแบบหลากหลายสี ทั้งลายการ์ตูนอีก คงจะถูกใจลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน ขั้นตอนต่อไปเขาก็ต้องหาครูสอนซึงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่ของลูกนั่นเอง “เธอต้องสอนให้ฉันมัดผม” ชายหนุ่มบอกกับหญิงสาว “คะ?!” ราชันย์บอกให้พัทธ์ธีราสอนวิธีมัดผมให้กับเขา แต่แทนที่เธอจะต้องสอนเขาเพียงอย่างเดียว เขายังกลับใช้เธอเป็นหุ่นทดลองแทนลูกสาวอีกด้วย ส่วนเจ้าหนูรพีร์ก็ฝึกมัดผมให้ตุ๊กตาบาร์บี้ของตัวเองไปด้วย เธอสอนให้เขารวบผมมัดผมแบบง่าย ๆ ขั้นพื้นฐาน เขาทั้งตั้งใจฟังและมองเธอรวบผมของตัวเองสาธิตให้เขาดู ยามที่ใบหน้าเรียวหวานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มือเรียวบางรวบผมที่ยาวสยายนุ่มมือดุจแพรไหม เป็นภาพที่ชวนมองจนเขาไม่อยากจะละลายตาจนกระทั่งเสียงหวานเอ่ยขึ้น “คุณลองมัดผมของฉันดูนะคะ ว่าทำได้ไหม” “ฮืมม์..” “เสร็จหรือยังคะ” “ใกล้จะเสร็จแล้ว เธออย่าเร่งสิ” “ทำไมนานจังเลยคะ” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเพราะเธอต้องนั่งหันหลังให้เขาอยู่ และไม่รู้เลยว่าเขากำลังทำอะไรกับผมของเธอบ้าง “อือ..เสร็จแล้ว” เมื่อเขาบอกอย่างนั้น เธอก็รีบหยิบกระจกขึ้นมาส่องดูผลงานของเขาทันที “นี่คุณแกล้งฉันเหรอคะ ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบแล้วนะ ถึงมัดผมแกละสองจุกแบบนี้” พัทธ์ธีราเอ่ยทักท้วงขึ้นมาเมื่อชายหนุ่มมัดผมจุกให้เธอ “ฉันไม่ได้แกล้ง ก็ลูกของเราเพิ่งจะ 3ขวบนิด ๆ ฉันก็ต้องฝึกมัดแบบเด็ก ๆ แต่ฉันว่าก็ออกมาน่ารักดีนะ น่ารักเหมือนกับรดา” “เอ่อ..รดาคงเป่าผมจนแห้งแล้ว คุณลองไปมัดผมให้ลูกได้แล้วล่ะค่ะ” เขาชมเธอหรือว่าชมลูกกันแน่ แล้วทำไมเธอจะต้องรู้สึกหัวใจเต้นแรงแปลก ๆ แบบนี้ด้วย “ฉันขอตัวออกไปหาพี่ปรางก่อนนะคะ” “ฮืมม์..” ระหว่างที่ราชันย์กำลังมัดผมให้น้องรดา พัทธ์ธีราก็ได้โอกาสออกมาคุยกับปรางวลัย “พัทเป็นยังไงบ้าง อยู่ที่นี่มาเกือบเดือนแล้ว” “ก็ดีค่ะ” “คุณราชย์ก็ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คิดใช่มั้ย” “ค่ะ” “แล้วเรื่องลูกจะตกลงกันยังไง” “พัทก็ยังไม่ทราบค่ะว่าเขาจะเอายังไง แค่ให้พัทได้อยู่กับลูก พัทก็ไม่ขออะไรอีกแล้ว” “เท่าที่พี่มองและสิ่งที่พี่เห็น พี่ว่าเรื่องนี้หาทางออกได้ไม่ยากหรอก แค่ยังไม่ยอมรับไม่รู้ใจตัวเองกันก็แค่นั้น” “พี่ปรางหมายความว่ายังไงคะ” “อ๋อ..ช่างมันเถอะ ต่างคนก็ต่างนึกถึงลูกน่ะก็ดีแล้ว ลูกสำคัญที่สุด” “ใช่ค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD