เมื่อความหวั่นไหวทำให้อุดมการณ์สั่นคลอน

2569 Words
เมื่อปรางวลัยกลับไปแล้ว ตกเย็นเด็ก ๆ ทานอาหารและดื่มนม อาบน้ำแปรงฟันกันเรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังฟังพ่อเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังอยู่นั้น เจ้าหนูรพีร์ก็เอ่ยถามขึ้น “ทำไมพีนอนคนเดียว ทำไมน้องละดานอนกับหม่าม้าได้ พีไปนอนกับหม่าม้าได้มั้ยคับ พีอยากไปนอนกับหม่าม้า” เจ้าหนูรพีร์บอกพร้อมกับกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งออกไปทันที “ไม่ได้นะเจ้าพีร์!” ราชันย์ห้ามลูกชายไว้ไม่ทัน เขาจึงเดินตามลูกชายมาที่ห้องของพัทธ์ธีรา ซึ่งตอนนี้ลูกทั้งสองขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงของเธอเรียบร้อยแล้ว “ป่าป๊ามานอนด้วยกันฉิคับ” “ป่าป๊ามานอนกับยะดานะคะ” “ไม่ได้ครับ พีร์กลับไปห้องของตัวเองได้แล้ว ใกล้จะถึงเวลาเข้านอนแล้ว” “พีอยากนอนกับหม่าม้า ทำไมน้องละดานอนกับหม่าม้าได้ละคับ” “พีร์โตแล้วนะครับ เดี๋ยวน้องรดาก็ต้องแยกไปนอนห้องของตัวเองเหมือนพีร์” “ฮือ ๆ ไม่เอา ยะดาจะนอนกับหม่าม้า” “โอเคครับ คืนนี้รดานอนกับหม่าม้าไปก่อน แต่พีร์ต้องกลับไปนอนห้องของตัวเอง” “ไม่เอา พีไม่ยอม ถ้าไม่ให้พีนอนกับหม่าม้า ป่าป๊าต้องให้หม่าม้าไปนอนด้วย น้องละดาก็นอนคนเดียวเหมือนกับพี” “นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยเจ้าพีร์ อย่าดื้อกับป่าป๊าสิลูก” เขาให้ลูกชายแยกห้องไปตั้งแต่ 3ขวบ เพื่อฝึกความเป็นระเบียบวินัยของลูก แต่เขาจะทำยังไงกับลูกสาวที่ติดแม่ นอนกับแม่มาตลอด อยากรู้ว่าเธอมีอะไรดี ลูก ๆ ถึงได้ติดเธอแจ เรียกหาแต่เธอทั้งวัน ไม่ว่าจะเล่น จะกิน ยังไม่พอ ยังจะนอนกับเธออีก “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ป่าป๊าจะให้รดานอนกับหม่าม้าอีกหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะแยกห้องเหมือนพีร์” “คืนนี้พีนอนกับหม่าม้าได้ใช่มั้ยคับ” เจ้าหนูรพีร์ต่อรอง “ฮืมม์! ได้ก็ได้ แต่แค่คืนเดียวนะเจ้าพีร์” ราชันย์ทำเสียงเข้มจริงจัง แต่ก็ยอมใจอ่อนให้ลูก “ป่าป๊ามานอนกับพวกเลาด้วยนะคับ” “ป่าป๊า..” ราชันย์มองใบหน้านิ่งเรียบที่นั่งโอบกอดลูกไว้ขนาบกายทั้งสองข้าง เขาเห็นว่าเธอแอบยิ้มคงจะดีใจที่ได้นอนกับลูกทั้งสอง พอกันเลยจริง ๆ ทั้งแม่ทั้งลูก “ป่าป๊านอนห้องของตัวเองดีกว่า เดี๋ยวมีคนดีใจเก้อ” เขาตอบลูกชาย “เราจะไม่เปลี่ยนใจไปนอนห้องของตัวเองแน่นะเจ้าพีร์” “พี่จะนอนกับหม่าม้าค้าบบบ..” รพีร์ตอบพร้อมกับกอดซุกอกแม่แน่น “หึ!” ราชันย์อดที่จะหมั่นไส้เจ้าลูกชายไม่ได้ แต่เขาก็ต้องยอม “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็หลับฝันดีนะเจ้าพีร์ ฝันดีนะครับน้องรดาของป่าป๊า” เขาก้าวไปยังเตียงกว้างแล้วโน้มตัวไปจุมพิตหน้าผากของลูกทั้งสองก่อนจะผละออกมา “ป่าป๊ายังไม่ได้กู๊ดไน้คิสหม่าม้าเลยคับ” “ช่ายค่าา..” หนูน้อยรดาเห็นด้วยกับพี่ชาย “อ๋อ..ได้ครับ.. กู๊ดไนต์นะ..” ราชันย์โน้มใบหน้าไปจุมพิตหน้าผากของพัทธ์ธีราแผ่วเบาก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง เจ้าของริมฝีปากจากไปแล้วแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งกาย หญิงสาวคิดก่อนจะหันมาสนใจลูกทั้งสองที่นอนยิ้มกว้างอยู่บนเตียงอย่างน่าเอ็นดู “นอนได้แล้วนะเด็กดีของหม่าม้า” พัทธ์ธีราจุตพิตหน้าผากลูกก่อนจะเอนกายลงนอนโอบกอดลูกทั้งสองอย่างอบอุ่นและมีความสุข หนึ่งสัปดาห์ต่อมา..เมื่อราชันย์ให้เวลาลูกสาวของเขาได้ปรับตัวจนมาถึงวันที่ต้องแยกห้อง แรก ๆ หนูน้อยรดายังเกาะแขนกอดขาของแม่ไว้ไม่ปล่อย แต่พอมาเห็นห้องใหม่ที่พ่อจัดให้ก็ยิ้มกว้างอย่างถูกใจ “รดาชอบห้องที่ป่าป๊าจัดให้ไหมครับ” “ยะดาชอบมากค่ะป่าป๊า ป่าป๊าน่ายักที่ฉุดเยย” หนูน้อยจุ๊บแก้มของพ่อทั้งซ้ายขวา ราชันย์ยิ้มให้กับความช่างอ้อนของลูกสาวและดีใจที่ลูกชอบ ต่างจากพัทธ์ธีราที่ยืนทำหน้าราวกับคนกำลังจะร้องไห้ที่ลูกกำลังจะออกไปจากอกของเธอ พ่อของลูกจัดห้องดึงดูดเด็ก ๆ โดยสั่งเตียงเจ้าหญิงมาวางฝั่งตรงข้ามกับเตียงซุปเปอร์ฮีโร่ของลูกชาย ลูกดีใจอยากนอนห้องใหม่แล้ว แต่เธอนี่สิติดลูกยิ่งกว่าลูกติดเธอ ก็เธอนอนกอดมาทุกคืนตลอดทั้ง 3ปี แค่ลูกแยกห้องนอนเธอก็แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว ถ้าต้องแยกห่างจากลูกไป เธอไม่อยากจะคิด หญิงสาวยืนน้ำตาคลอมองลูกอย่างคะนึง นี่ลูกของเธอโตจนแยกห้องนอนของตัวเองแล้ว เด็ก ๆ ขึ้นไปนอนบนเตียงของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะนอนหลับตาลงและรอให้พ่อกับแม่จูบก่อนนอน “ลูกนอนแล้ว เราออกไปกันเถอะ” “แต่..” พัทธ์ธีรายังคงเป็นห่วงว่าลูกสาวจะตื่นมาร้องไห้เรียกหาเธอ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เจ้าพีร์ก็นอนกับน้อง” ราชันย์บอกให้เธอคลายความกังวล มือหนาเอื้อมไปปิดสวิตซ์ไฟแล้วจับข้อมือบางดึงเธอออกมาจากห้องนอนของลูก หญิงสาวยังคงหันไปมองประตูห้องลูกไม่วางตา จนกระทั่งร่างสูงจูงมือเธอมายังห้องของเขา พอพ่อกับแม่ออกไปก็เปิดไฟไปปลอบน้องกล่อมให้น้องหลับแล้วกลับไปนอนเตียงของตัวเอง “เข้าไปในห้องฉัน!” “คะ!?” “ไปดูลูกจากกล้องวงจรปิดในห้องของฉันน่ะ เธอคิดว่าฉันจะชวนเธอไปทำอะไร” “เปล่าค่ะ” มือหนายังคงจับมือบางจูงเธอเข้ามาในห้องของเขา กลิ่นหอมเฉพาะตัวของชายหนุ่มฟุ้งไปทั่วห้อง จนเธออดที่จะนึกถึงตอนที่เธอแพ้ท้องอยากดมกลิ่นอยากได้กลิ่นเขาตลอดเวลาไม่ได้ เหมือนความรู้สึกนั้นกลับมาอีกครั้งเมื่อได้อยู่ใกล้เขา กลิ่นของเขาทำให้หวนคิดถึงความรู้สึกเหมือนตอนที่เธอแพ้ท้องลูกทั้งสอง เธอเข้ามาเห็นกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่บริเวณหัวเตียงหรู สายตาเธอจับจ้องภาพบนหน้าจอไม่วางตาก่อนจะค่อย ๆ หย่อนตัวนั่งลงบนเตียงกว้างโดยอัตโนมัติ “ลูก ๆ แกล้งหลับกันเหรอคะ หรือว่ารดาจะนอนไม่หลับ” เพราะภาพที่เธอเห็นในจอนั้น ภายในห้องของลูกถูกเปิดไฟสว่าง และลูกชายของเธอไม่ได้นอนอยู่บนเตียงของตัวเองแต่เดินไปยังเตียงของน้องสาว “ฉันไปหาลูกดีมั้ยคะ” “ไม่ต้องหรอก เธอเข้าไปลูกก็แยกห้องนอนไม่ได้ซะที รอดูก่อนว่าพวกเขาจะนอนกันหรือเปล่า” “ก็ได้ค่ะ” พัทธ์ธีรามองความเคลื่อนไหวในจอและพยายามฟังเสียงของลูก เธอเห็นลูกชายขึ้นไปนอนบนเตียงกับน้องและเอาตุ๊กตาบาร์บี้ให้น้องกอดตัวนึง อีกตัวตัวเองก็กอดไว้ “ละดาไม่ต้องกัวนะ มีพีกับพี่บาบี้นอนด้วย” “ฉันอยากได้ยินจังเลยค่ะว่าน้องพีร์พูดอะไรกับรดา” มือน้อย ๆ ก็ลูบแขนลูบหลังให้น้อง คงจะเห็นเธอทำตอนที่นอนด้วยกัน หญิงสาวรู้สึกปลื้มใจที่พี่ชายห่วงใยและคอยดูแลน้อง “ขอฉันดูลูกจนกว่าพวกเขาจะหลับได้ไหมคะ” “ได้สิ..เธอจะดูทั้งคืนก็ได้..” พัทธ์ธีราเป็นห่วงลูกจนไม่ได้สนใจพ่อของลูกที่อยู่ด้านหลัง ราชันย์นั่งลงบนเตียงข้างหลังหญิงสาว “น้องพีร์น่ารักอบอุ่นละมุนกับน้องจังเลยค่ะ” เธอจ้องมองหน้าจออย่างไม่กะพริบตา ตั้งใจจะรอให้ลูกๆ หลับก่อนถึงจะยอมไปนอน “ใช่..น่ารัก..” ราชันย์แทบจะไม่ได้มองลูก ๆ เลย เขามัวแต่มองแม่ของลูกที่นั่งอยู่ด้านหน้าเขากับปฏิกิริยาของเธอที่ยิ้มอย่างมีความสุข ตื้นตันใจที่เห็นพี่น้องปลอบโยนดูแลรักใครเอ็นดูกัน เขาได้เห็นอีกมุมของเธอที่เผยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ สวยน่ารักและน่าเอ็นดูไม่ต่างจากลูก ๆ ของเขาเลย เขาค่อย ๆ ขยับเข้าไปนั่งซ้อนแนบชิดแผ่นหลังของเธอ ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนผมสลวยตรงหน้า ทั้งคู่ต่างนั่งอยู่แบบนั้นจนกระทั่งลูกทั้งสองคนนอนหลับโดยที่ไม่ร้องไห้หรือว่ามีอาการผวาตื่น “ลูก ๆ หลับแล้วค่ะ คืนพรุ่งนี้ขอฉันมาดูพวกเขาอีกได้ไหมคะ” พัทธ์ธีราถามพร้อมกับหันไปหาเจ้าของห้อง แก้มนุ่มของเธอจึงสัมผัสเข้ากับปลายจมูกโด่งของเขาเข้าอย่างจัง ต่างคนต่างชะงักงัน ก่อนที่หญิงสาวจะผละใบหน้าออกช้า ๆ และขยับกายออกห่างเขา “เอ่อ..ฉันขอโทษค่ะ” พัทธ์ธีราเอ่ยออกมาก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและออกจากห้องของเขากลับไปห้องของตัวเอง กลิ่นกายละมุนกลิ่นหอมสดชื่นของเรือนผมเธอยังติดจมูกของราชันย์ โดยเฉพาะความหอมความนุ่มของแก้มขาวเนียนที่เขาได้สัมผัสนั้นเขาจดจำได้ดี ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อคิดถึงหญิงสาวที่เพิ่งออกจากห้องของเขาไป หลังจากคืนนั้น..ราชันย์ก็ชวนพัทธ์ธีราเข้าไปดูลูกจากกล้องวงจรปิดในห้องของเขาทุกคืน..ตื่นเช้ามาทุกวัน สิ่งแรกที่เขาเห็นประจำยามเช้าที่มองดูลูกผ่านทางกล้องวงจรปิดในห้อง ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาอยู่ที่นี่นั่นก็คือ..เธอจะเข้าไปปลุกลูกโดยการหอมลูกและพูดทักทายลูกยามเช้าเพื่อให้ทุกวันเป็นวันที่ดีและมีความสุขสำหรับลูกและนั้นก็ทำให้เขามีความสุขไปด้วย ถึงแม้ว่ายังหาข้อสรุปจะตกลงกันยังไงเรื่องลูก ระหว่างหาข้อตกลงไม่ได้ แต่การอยู่ร่วมกันแบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกดีและมีความสุขมากกว่าที่เคยเป็น จากเมื่อก่อนที่มีกันแค่สองคนพ่อลูก ตอนนี้เป็นครอบครัวใหญ่แต่อบอุ่นขึ้นด้วยเช่นกัน “วันนี้จะเล่นเกมอะไรกันดีครับเจ้าแฝด” ราชันย์เอ่ยถามลูก ๆ “เย้ ๆ เล่นเกม เย่นเกม” หนูน้อยทั้งสองกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเมื่อรู้ว่าจะได้เล่นเกม เพราะว่าพ่อขยันหาเกมใหม่ ๆ มาเล่นกับลูกไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน “เอาเกมอะไรดีน้าา..” ราชันย์ทำท่าครุ่นคิดพร้อมกับมองไปยังแม่ของลูกที่กำลังเก็บของเล่นให้เป็นระเบียบ “ป่าป๊าคิดออกแล้ว วันนี้เล่นเกมทายน้ำหนักกันดีกว่า ถ้าป่าป๊าทายถูกต้องจุ๊บแก้มป่าป๊าเป็นรางวัล ตกลงมั้ยครับ” “ตกลงค้าบ ตกยงค่ะ” “ใครจะเป็นคนแรกน้าา..มานี่เลยเจ้าพีร์ ป่าป๊าทายว่า 16 กิโล” “ฮ่า ๆ เอาอีก..” เจ้าหนูรพีร์ชอบใจที่ถูกพ่ออุ้ม “รดา..มาให้ป่าป๊าชั่งน้ำหนักของรดาบ้าง..ป่าป๊าว่าน่าจะ 15 กิโล” “ไหนแต่ละคนหนักเท่าไหร่ มาชั่งน้ำหนักให้ป่าป๊าดูเลย” ราชันย์ให้ลูก ๆ ชั่งน้ำหนักบนเครื่องชั่งดิจิตอลที่เขาสั่งให้แม่บ้านนำมาวางไว้ “ป่าป๊าจะทายถูกไหมนะ” “พีร์หนัก 15.8 เฮ้อ! ป๊าทายผิด ป๊าจะทายรดาถูกไหมเนี่ย..รดาหนัก 15.3” “เย้ ๆ ป่าป๊าทายถูก ยะดาให้ยางวัน” หนูน้อยเขย่งเท้ายื่นปากไปหาผู้เป็นพ่อที่ย่อตัวลงมารับรางวัลจากลูกสาว “หม่าม้าย่ะคะป่าป๊า หม่าม้าหนักเท่าไหย่” “หม่าม้าเหรอครับ เดี๋ยวป่าป๊าต้องไปชั่งดูก่อนนะ” ราชันย์ซุบซิบเบา ๆ กับลูก เด็ก ๆ ก็หัวเราะชอบใจ “ฮิ ๆ ฮิ ๆ” “ว้าย!” พัทธ์ธีรายืนอยู่ดี ๆ ราชันย์ก็เข้ามาประชิดตัวเธอแล้วอุ้มเธอลอยขึ้นจากพื้นโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวจนเธอต้องรีบโอบไหล่กอดคอเขาไว้เพราะความตกใจ “ทำอะไรคะคุณราชย์” “ฉันกำลังเล่นเกมชั่งน้ำหนักกับลูก” “หือ..” แล้วเธอเกี่ยวอะไรด้วย “เอ..ตัวเบาแบบนี้..ป่าป๊าขอทายว่าหนัก.. 48 กิโล” ชายหนุ่มยกร่างบางขึ้นลงเบา ๆ เพื่อคาดคะเนน้ำหนักของเธอ “เธอหนักเท่าไหร่ 48 หรือเปล่า” “ทำไมเหรอคะ” “ถ้าฉันทายถูก เธอจะต้องหอมแก้มให้รางวัลฉัน” “เอ่อ..ฉันไม่แน่ใจ น่าจะไม่ใช่ค่ะ” “ถ้าเธอหนัก 48 เธอจะถูกปรับเป็นสองเท่า!” “ฉันบอกว่าไม่แน่ใจไงคะ..วางฉันลงได้แล้วค่ะ” หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อเมื่อเขาอุ้มเธออยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อยเธอลง ชายหนุ่มอุ้มเธอเดินมาหาลูกทั้งสองก่อนจะวางเธอยืนใกล้ ๆ ลูก “ไหนลองชั่งน้ำหนักดูสิ ว่าเธอหนักเท่าไหร่” “หม่าม้าฉั่งเล็ว ๆ คับ” หนูน้อยทั้งสองลุ้นไปกับพ่อด้วย “48.1! หึ ๆ ฉันทายถูก” ราชันย์กระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับยักคิ้วให้เธอ “หม่าม้าให้ยางวันป่าป๊าเย็ว ๆ ค่ะ” “ว่าไง..” ทั้งพ่อทั้งลูกยืนจ้องมองเธอราวกับกำลังบังคับเธออยู่ก็ไม่ปาน “เอ่อ..ก็ได้ค่ะลูก” พัทธ์ธีรายื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของราชันย์แล้วจุมพิตแก้มของชายหนุ่มแผ่วเบาก่อนจะรีบผละหน้าออก เธอรู้สึกว่าหน้าของเธอร้อนผ่าว “อีกข้างล่ะ” “คะ!?” “หม่าม้าจุ๊บอิก ๆ เย็ว ๆ” หนูน้อยรดากระตุกแขนสั่งผู้เป็นแม่ โดยที่พ่อยืนอมยิ้มอยู่ “ก็ได้ค่ะรดา” เธอจำยอมต้องหอมแก้มเขาอีกข้างตามความต้องการของลูก ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขามองแก้มขาวอมชมพูตรงหน้าอย่างไม่วางตา “หม่าม้าจุ๊บพีบ้าง” เจ้าหนูรพีร์ทักท้วงขึ้นเพราะอยากให้แม่หอมแก้มของเขาด้วย “ได้สิคะน้องพีของหม่าม้า” พัทธ์ธีรารีบย่อตัวลงไปจับใบหน้าเล็ก ๆ ของลูกชายแล้วหอมแก้มทั้งสองข้างฟอดใหญ่จนชื่นใจ จนคนตัวโตที่ยืนมองอยู่รู้สึกหมั่นไส้เจ้าตัวเล็ก (“แหม..ทีกับลูกน่ะหอมจนแก้มยุบเชียว”) ราชันย์คิดก่อนพูดเปรย ๆ ออกมา “สงสัยป่าป๊าจะต้องจับทั้งสามคนขุนให้กินเยอะ ๆ ขึ้นหน่อยแล้ว น้ำหนักจะได้เพิ่มขึ้น” “ไปทานของว่างกันดีกว่านะคะเด็ก ๆ” หญิงสาวชวนลูกทั้งสองแก้เก้อ อยากจะหนีสายตาที่กำลังจ้องมองเธออยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD