12

1546 Words
“ถ้าข้าเจ้าจะมีลูก ต้องเกิดจากความฮักเจ้า บะใจ้ย้อนเป๋นเครื่องมือลู่สมบัติของไผ” (ถ้าฉันมีลูกเขาต้องเกิดมาด้วยความรักค่ะ ไม่ใช่เพราะเป็นเครื่องมือยื้อแย่งสมบัติของใคร) เขาเลิกคิ้วสูงมองสบตากับเธอ “ถูกต้อง” ครองฤทธิ์ยิ้มให้เจ้าหล่อน ความคิดของเขากับเธอตรงกัน หากเขามีลูก ลูกของเขาต้องพรั่งพร้อมไปด้วยครอบครัวที่อบอุ่นและเติบโตด้วยความรักจากพ่อและแม่ เขาจึงเลือกวิธีนี้ “เพราะฉะนั้น ไปกรุงเทพฯ ครั้งนี้ เธอก็แค่แกล้งท้อง ที่เหลือทั้งหมด ฉันจัดการให้เอง งานนี้ไม่ใช้ฟรี มีพ็อกเก็ตมันนี่ และแถมที่พักหรู ดูหนังฟรี ถ้าทำตัวดีๆ อาจแถมพาเที่ยวกรุงเทพฯ ด้วย น่าสนใจใช่ไหม” สีตลาตกใจในคำบอกของเขา ‘หมอชั่ว หมอผีบ้า หมอสร้างภาพ ชิ’ (หมอชั่ว หมอปีศาจ หมอสร้างภาพ ชิ) เรื่องเล่นละคร มันไม่ยาก แต่ที่สีตลายังคาใจ ถ้าเขาให้เธอแกล้งท้อง แล้วถึงเวลาเขาจะไปเอาเด็กที่ไหนมาอ้างว่าเป็นหลานย่าคนแรกของตระกูลวนารมย์ “เรื่องเล่น ละคร ข้าเจ้ายะได้สบายมาก ก่ะบะต่างกับกู้วันนี้ตี้เฮาก๋ำลังเล่นเป๋นผัวเป๋นเมียกั๋นอยู่ แต่ข้าเจ้าอยากฮู้ว่า ตึ้กต๋อนนั้น คุณหมอจะแก้ปั๋ญหาจะใดเรื่องละอ่อนตี้ต้องคลอดออกมา” (เรื่องเล่นละคร ฉันทำได้สบายมาก คงไม่ต่างจากทุกวันนี้ที่เรากำลังเล่นละครเป็นผัวเมียกันอยู่ แต่ฉันอยากรู้ว่า ถึงเวลานั้น คุณจะแก้ปัญหายังไงกับเรื่องเด็ก ที่ต้องคลอดออกมา) “มีสิ ตอนนี้ เด็กอยู่ในท้องแฟนเก่าฉันได้เกือบแปดสัปดาห์ อีกไม่เกินสามสิบสัปดาห์ข้างหน้า เขาจะคลอดออกมาเป็นลูกของฉันที่มีชื่อเธอเป็นแม่” “อะหยังก๋าเจ้า ลูกแฟนเก่าก๊ะ” (อะไรนะ ลูกแฟนเก่า) ก็ไหนว่ารักคุณแก้วแม่น้องเดซี่นักหนา แอบรักเขามาเจ็ดปี แล้วจู่ๆ มีเรื่องลูกแฟนเก่า เป็นใคร มาจากไหน สีตลางงไปหมด “คุณแก้วกับฉันยังไม่เคยคบหากันเป็นแฟน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา ตอนนี้ เขาก็แต่งงานมีความสุขไปแล้ว อย่าเอาเรื่องของเขามาพัวพันกับเรื่องของเราอีกเลย ส่วนเรื่องว่าที่ลูกของเราที่เธอกำลังคาใจ เป็นลูกของแฟนเก่าฉันจริงๆ เธอฟังไม่ผิดหรอกสีตลา” สีตลาจ้องตาจอมวางแผนอย่างสงสัย แต่เธอไม่กล้าถามซักไซ้เรื่องแฟนเก่าเขาเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวซึ่งเมียกำมะลอไม่ควรไปจุ้นจ้าน ที่จะเอาคำตอบจากปากเขาได้คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเองที่ยังไม่ได้รับการเคลียร์ให้เข้าใจ และเธอได้รับผลกระทบเสียหาย “เรื่องของอ้ายครองฤทธิ์ ข้าเจ้าจะบะยุ่งก่ะได้เจ้า แต่ต้องฮับปากก่อนว่า ถ้าข้าเจ้ายอมจ้วยเตื้อนี้แล้ว หลังจากอ้ายได้โฮงบาลวนารมย์ธานีมาเป็นของตั๋วเก่า แล้วจัดก๋ารเรื่องหมอวินัยจบแล้ว อ้ายจะฟั่งปล่อยข้าเจ้าหื้อเป๋นอิสระ” (เรื่องของพี่ครองฤทธิ์ ฉันจะไม่ยุ่งก็ได้ค่ะ แต่ต้องรับปากก่อนว่าถ้าฉันยอมช่วยครั้งนี้แล้ว หลังจากพี่ได้โรงพยาบาลวนารมย์ธานีมาเป็นกรรมสิทธิ์ และจัดการเรื่องหมอวินัยจบแล้ว พี่จะรีบปล่อยฉันให้เป็นอิสระ) ผู้หญิงที่เคยปฏิเสธเขามีเพียงคนเดียวคือแก้วมุกดา น่าแปลกที่พอรู้ว่าหมดสิทธิ์ในตัวหญิงสาวที่หมายปองมาหลายปี เขากลับทำใจได้ง่ายๆ แต่พอได้ยินสีตลาแสดงอาการว่าอยากจะหลุดจากพันธนาการในฐานะเมียจากเขาไปไวๆ ประกอบกับวันนี้เขาเจอหน้าใครบางคนที่หมอนั่นมันออกปากว่าโนสน โนแคร์ว่าสีตลาจะผ่านการแต่งงานมาแล้ว ผู้ชายคนนั้นยังรอรับสีตลาเสมอ ไม่ว่าสีตลาจะผ่านอะไรมา ทำให้เมื่อกลางวัน ร่างแกร่งร้อนฉ่า เขาอยากจะด่าใส่หน้ามันหลังชกไปสองหมัดว่า ‘อย่าเสือกมายุ่งกับเมียกูอีก’ ก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะเขายังไม่เคยใช้มากกว่านิ้วเข้าไปสำรวจตรวจตราความคับแน่นในกายสาวของสีตลามาก่อน ด้วยปากพล่อยๆ ของเขาเองที่เผลอรับปากเธอไว้ว่า ถ้าเธอไม่ยื่นแขนมาสะกิดเขาก่อน เขาก็จะไม่พาร่างกายเข้าไปซุกซนบนตัวเธอเด็ดขาด ครองฤทธิ์ถอนหายใจ ไม่คิดเลยว่าจะวางแผนให้ตัวเองเสียเปรียบได้มากขนาดนี้ ในทุกคืนที่ต้องนอนร่วมห้อง เขาต้องใช้ความอดทนในการบังคับสายตาไม่ให้เผลอไปมองบั้นท้ายกลมแน่น ที่เจ้าของไม่รู้ตัวเลยว่า ไม่ว่าเธอจะนอนหันหน้า หันหลัง ตะแคงไปทางไหน ร่างกายเธอมันช่างยั่วเย้าอดีตเสือที่ตัดเล็บไปแล้วอย่างเขา หากเป็นช่วงวัยรุ่นที่เลือดร้อนกว่านี้ ไม่ใช่ชายหนุ่มในวัยสามสิบเศษที่มีอาชีพอันทรงเกียรติ รับรองว่าแต่ละคืนที่ต้องนอนร่วมห้องกัน เขาคงไม่ยอมทนให้ผ้าซิ่นผืนงามที่สีตลานุ่งอยู่สวมอยู่กับร่างกายเธออย่างเรียบร้อยเหมือนตอนนอนไปจนถึงเช้า หากไม่ลู่ไปกองรวมกันอยู่เหนือเอวคอด มันก็คงถูกเขาถอดหล่นไปกองอยู่ปลายเตียง อารมณ์ที่เกิดขึ้นมาหลายคืนรวมถึงคืนนี้ เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่ามันเรียกว่า ‘หื่น’ ‘อดอยากปากแห้ง’ ‘หรือหัวใจกำลังตกลงไปในหลุมพรางที่วางเอาไว้เอง’ “ที่เธอรีบร้อนอยากเลิกเป็นเมียฉัน เพราะจะรีบกลับไปหานายน้ำนิ่ง นักร้องคนนั้นที่กำลังดังเป็นพลุแตกใช่ไหมล่ะ” คนพูดกดน้ำเสียงต่ำราวกับกำลังพยายามควบคุมอารมณ์ เธอไม่คิดว่าชื่อนี้จะหลุดออกมาจากปากเของเขา “น้ำนิ่งกับข้าเจ้า เฮาเป๋นแค่เปื้อนกั๋น” (น้ำนิ่งกับฉัน เราเป็นแค่เพื่อนกัน) สีตลาบอกอย่างเคืองๆ แล้วเอะใจ เขารู้จักน้ำนิ่ง เพื่อนชายคนสนิทของเธอได้อย่างไรกัน “อ้ายครองฤทธิ์ฮู้จักน้ำนิ่งตวยก๋าเจ้า อย่าว่าเป๋นแฟนคลับเขาตวยเน้อ” (พี่ครองฤทธิ์รู้จักน้ำนิ่งด้วยเหรอคะ อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนคลับเขาด้วย) “ฉันไม่ชอบฟังเพลงหวานๆ คนอย่างฉันฟังแต่เพลงร็อก เข้าใจไว้ด้วย” สิ่งที่เธอคิดว่าเขาจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ เธอเดาผิดทั้งหมด ใครจะไปคิดว่าผู้ชายหน้าตารูปร่างท่าทางผู้ดี๊ ผู้ดี อย่างเขาแท้จริงเป็นสาวกเพลงร็อก “น้ำนิ่งเขาก่ะฮ้องเพลงร็อกได้เน้อเจ้า ต๋อนตี้เขาไปฮ้องในบาร์ตี้เจียงใหม่ ข้าเจ้าเกยไปฟัง เสียงดี มีพลังขนาด” (น้ำนิ่งเขาก็ร้องเพลงร็อกได้นะคะ ตอนที่เขาไปร้องในบาร์ที่เชียงใหม่ ฉันเคยไปฟังเสียงมีพลังมากเลย) ยิ่งได้ยินแบบนี้ มือแกร่งอยากคว้าคนเอวบางมาฟาดก้นแรงๆ ด้วยกระบอกไฟฉายที่มีขนาดความกว้างเท่าลำแขน แข็งแรงทนทาน ภายใต้ท่าทีสงบ เรียบร้อย อ่อนหวาน เหมือนผ้าพับไว้… ‘สีตลาเคยหนีไปเที่ยวผับ’ ครองฤทธิ์กำหมัดดังกร๊อบ เขาพูดอะไรไม่ออก ตัดสินใจหันหลังเดินตรงไปยังบริเวณเตียงนอนที่สองคนไม่เคยสมัครสมานร่วมเตียงเดียวกัน หากสีตลานอนบนเตียงหมอครองฤทธิ์ก็พร้อมจะนอนข้างเตียง แต่หากวันไหนหมอครองฤทธิ์ทำงานหนัก กลับมาอย่างหมดแรง เขาอาบน้ำเสร็จก็จะเผลอเอนหลังแล้วหลับบนเตียง สีตลาเข้ามาในห้องเห็นเข้า หญิงสาวจะปล่อยให้เขาหลับตามสบาย แล้วเดินไปหอบเครื่องนอนในตู้ที่เตรียมไว้มาปูนอนข้างเตียงเป็นแบบนี้เกือบทุกวัน “เดียวก่อนเจ้า ห้ามหนีไปนอน ถ้าอ้ายครองฤทธิ์ยังบะตอบข้าเจ้าว่าไปฮู้จักน้ำนิ่งได้จะใด แล้วไผกั๋นตี้เป๋นคนอู้หื้ออ้ายฟังว่า ข้าเจ้าหาว่าอ้ายบะมีน้ำยา แล้วก่ะ ยะลูกบะเป๋น” (เดี๋ยวก่อนค่ะ ห้ามหนีไปนอน ถ้าพี่ครองฤทธิ์ยังไม่ตอบฉันว่าไปรู้จักน้ำนิ่งได้ยังไง แล้วใครกันที่เป็นคนพูดให้พี่ฟังว่า ฉันกล่าวหาว่าพี่ไร้น้ำยา แล้วก็ ทำลูกไม่เป็น) สองคำหลังสีตลาพูดไปหน้าแดงไป แต่ทำให้คนที่กำลังก้าวขึ้นไปนอนบนเตียงชะงัก คืนนี้หนาวจัด เขาจะไม่ยอมนอนข้างเตียงเด็ดขาด นอนคนละฟากเตียงก็ได้ แต่ถ้าสีตลาดิ้นมาหาเขาก่อน คืนนี้ เขาไม่รับรองความปลอดภัยหลังจากถูกไอ้นักร้องหน้าหล่อนั่นปรามาส
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD