“ปล่อยข้าเจ้าเต๊อะ ข้าเจ้าอายอ้ายแทน” (ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันอายพี่แทน) สีตลาให้เกียรติแม้ว่านายแทนจะเป็นลูกน้องของหมอครองฤทธิ์ หากมีอายุกว่าเธอก็ยินดีจะเรียกเขาว่าพี่
แต่คำขอร้องของเธอดูจะไร้ผล ครองฤทธิ์ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เขาเอาแต่นิ่งเงียบแล้วพาเธอเดินผ่านหน้าแทนไทยกับกุ้งแม่น้ำย่างหอมฟุ้งเหล่านั้นไป
สีตลามองเขาอย่างโมโหที่เขาทำหูทวนลมใส่ จนหญิงสาวเห็นว่าการขอร้องไม่มีประโยชน์เท่ากับการช่วยเหลือตัวเอง มือน้อยๆ ทุบกำปั้นรัวใส่ไหล่บึกบึนของสามี พยายามออกแรงมากที่สุด แต่เหมือนแรงมดของสีตลาจะทำอะไรร่างกำยำของคุณหมอที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ แถมถูกหน้าหล่อๆ จ้องกลับ ขยับริมฝีปากดุเอาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เฉียบขาด
“หยุดทุบฉันเดี๋ยวนี้นะสีตลา ถ้าพูดไม่ฟัง ฉันจะไม่อุ้มเธอกับเรือนเฉยๆ แต่จะอุ้มไปจูบไปจนถึงเรือนเลย ไม่เชื่อคอยดู”
ดวงหน้าหวานสะบัดพรืดไม่กล้าสบตาเขา “ผีป่าผีดอยตี้ไหนเข้าสิง ถึงได้มาหื่นไปข้วยกับข้าเจ้า” (ผีป่าผีดอยที่ไหนเข้าสิงถึงมาทำหื่นเรี่ยราดกับฉัน) น้ำเสียงของเธอออกอาการหวาดกลัวไม่ต่างจากสีหน้า
“ฉันเริ่มเห็นว่าเธอน่าฟัดขึ้นมาบ้างแล้วมั้ง เธอควรจะดีใจสิ”
“อย่าเน้อเจ้า อย่ากึ๊ดจะอั้น มันบะได้อยู่ในแผนก๋ารของหมู่เฮา” (อย่านะคะ อย่าคิดแบบนั้น มันไม่ได้อยู่ในแผนของเรา)
“งั้นเธอก็รีบเปลี่ยนมือที่ทุบไหล่กับหน้าอกฉันที่มันจวนจะระบมหมดแล้ว เอามาคล้องไว้ที่คอฉันแทน ทำเดี๋ยวนี้”
เวลานี้ หญิงสาวเพิ่งรู้ว่าเธอกำลังเผชิญกับปีศาจร้ายนักสร้างภาพในคราบคุณหมอแสนดี ผู้มีอุดมการณ์และเป็นที่รักของชาวบ้าน มันก็สายไปเสียแล้ว น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ยังกระเซ้าตามมาอีกว่า
หญิงสาวดตอบกลับด้วยน้ำเสียงปั้นปึ่ง “ข้าเจ้ายะบะได้” (ฉันทำไม่ได้)
“มันยากตรงไหนแค่เอามือมาคล้องคอฉันไว้ ยังช้าอีก คิดว่าฉันไม่กล้าจูบเธอจริงๆ หรือไง”
ริมฝีปากสวยขยับพูดใส่หน้า “หมอผีบ้า!” (หมอปีศาจ)
ครองฤทธิ์มองแม่คนหัวแข็งแล้วทอดน้ำเสียงมองจ้องใบหน้าขาวนวลใต้แสงจันทร์ “ถูกเผงเลย ใช่ ฉันเป็นหมอปีศาจ ที่ชอบสร้างภาพว่าเป็นนักบุญ แล้วไง เธอจะเปิดโปงฉันเหรอ ใครจะเชื่อเธอ” ครองฤทธิ์พยักหน้าพลางยิ้มยั่ว ยอมรับสิ่งที่ถูกสีตลากล่าวหาอย่างง่ายดาย
“คุณมัน บ่า บ่า...” (คุณมัน ไอ้ ไอ้...) สีตลาได้แต่เจ็บใจตัวเองที่อ่อนแอเกินไปจนเพลี่ยงพล้ำตกเป็นหมากในกระดานของเขา
“ไอ้อะไร ยังอีก ยังไม่ทำตามที่ฉันสั่ง” เขาก็แค่อยากจะแกล้งเอาคืนบ้าง หลังจากที่บ่ายวันนี้ เขารู้อะไรดีๆ มาเยอะ เธอมันก็แสบไม่เบา แอบเอาเขาไปว่าลับหลัง...เขาถึงต้องมาเอาคืน
ดวงหน้าหวานเวลานี้อึดอัดกลัดกลุ้มที่ต้องถูกเขาอุ้มแล้วยังบังคับให้เอามือโอบคล้องลำคอเขาเอาไว้ ตั้งแต่เกิดมาแค่กอดกับผู้ชาย สีตลายังไม่เคย
“จะมาแกล้งสีตลายะหยัง คนบะชอบหน้ากั๋น เขาบะจูบปากกั๋นเน้อ” (จะแกล้งสีตลาทำไมคะ คนเกลียดหน้ากันเขาไม่จูบปากกันหรอก)
“ข้อหนึ่ง ฉันไม่ได้เกลียดหน้าเธอ ส่วนข้อสอง ต่อให้เกลียดหรือไม่เกลียด ถ้าปากน่าจูบ ฉันก็จูบได้ไม่เกี่ยง”
ในเมื่อเตือนดีๆ แล้วสีตลายังดื้อด้านไม่ฟัง มือเธอยังไม่ถูกมาวางคล้องคอเขาตามคำสั่ง ครองฤทธิ์คิดจะให้บทเรียนหล่อนเสียบ้าง ในเมื่อแม่ตัวดีคิดจะราดน้ำมันบนกองไฟ ได้เลย เดี๋ยวจะได้รู้สักทีกว่าภายใต้ท่าทางสงบ เยือกเย็น เวลาเขารุกเป็นไฟขึ้นมา เธอจะรับไหวหรือเปล่า
เขาเลิกต่อปากต่อคำกับเมียแล้วยกมุมปากขึ้นเหยียดยิ้มเหี้ยมนิดเดียว ก่อนจะกดลงฉกจูบที่ริมฝีปากอิ่มเต็มตึงอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่สีตลาจะขยับริมฝีปากร้องห้าม ปลายลิ้นร้อนของหมอหนุ่มก็เข้าไปตวัดรัดลิ้นเล็กที่พยายามหดหนี ในขณะที่สองมือของเธอผลักอกเขาไม่หยุด เขายิ่งบดจูบร้อนแรงราวกับถูกไฟลามเลีย หลังจากเปิดทางได้แล้ว เขาก็สอดเรียวลิ้นเข้าไปกวาดต้อนความหวานในโพรงน้ำผึ้ง สร้างความอึดอัดปนเสียวซ่าน จนสมองของหญิงสาวปรากฏภาพขาวโพลน ร่างเล็กพยายามขยับตัวหนีการรุกล้ำของเขามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตามประชิดมากเท่านั้น
“คุณหมอปล่อย ปล่อยข้าเจ้าเต๊อะ” (คุณหมอปล่อย ปล่อยข้าเจ้าเถอะ) ร่างบางกำลังสั่นเทิ้ม ส่งเสียงร้องอู้อี้ แต่ดวงตาคมดุเหมือนยิ่งได้ใจ
ถึงเขาจะมุ่งมั่นกับการทำงาน แต่ในเรื่องผู้หญิง ที่จริงหมอครองฤทธิ์ก็ผ่านมาไม่น้อย พอปากประกบปากท่ามกลางอากาศหนาวเย็นแบบนี้ ไม่รู้เพราะช่วงนี้เขาทำงานหนักเลยร้างเรื่องอย่างว่ามานาน หรือสาวน้อยในอ้อมกอดหวานล้ำ ถึงทำได้ปลุกปั่นอารมณ์ปรารถนาที่เก็บกดซ่อนมันไว้ให้พลุ่งพล่านจนอยากประกบปากกับเธออย่างนี้เรื่อยไป
สวนทางกับสีตลาที่ถูกเขาขโมยจูบไปต่อหน้าต่อตา ดวงหน้าหวานซีดเผือด ดวงตาโตถลึงขึ้นจ้องเขาอย่างตกใจ แล้วใช้เรี่ยวแรงที่เหลือน้อยเต็มทีดิ้นรนจนหลุดจากพันธนาการจากอ้อมแขนแข็งแรง หากไม่รู้ว่าอาชีพเขาคือหมอ สีตลาคงคิดว่าเขาเป็นนักกีฬารักบี้ ถึงได้ทั้งอุ้ม ทั้งกอดเธอไม่ปล่อยเหมือนลูกรักบี้
ครองฤทธิ์สัมผัสได้ถึงแรงดิ้นรนราวกับสมันตัวน้อยที่กลัวถูกลากขึ้นเขียง เขาจำต้องคลายอ้อมกอดปล่อยร่างเล็กลงกับพื้น ส่วนสองมือประคองร่างเธอเอาไว้เป็นหลักให้ เพราะกลัวสีตลาจะล้มลงไปก้นกระแทกกับดินแห้งแข็ง ตอนนั้นถ้าสีตลาร้องโวยวายขึ้นมา พ่อแม่ของเธออาจจะลงมาจากเรือนใหญ่ จะวุ่นวายไปอีก
“ปล่อยก็ได้ ดื้อนัก เดี๋ยวฉันจะไม่แค่จูบ แต่จะฟาดเธอใต้แสงจันทร์ดูสักครั้งดีไหม ฉันยังไม่เคยมีประสบการณ์ฟาดสาวใต้เงาจันทร์มาก่อนเลย” ครองฤทธิ์ขู่ด้วยน้ำเสียงเปี่ยมอำนาจ
เขาใส่เกียร์เดินหน้า ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตนเองจะพูดจาห่ามๆ เถื่อนๆ แบบนี้เป็น ในขณะที่สีตลาเท้าแตะพื้นได้ก็ถอยหนีเขาทันที จนกระทั่งแผ่นหลังนวลเนียนก็สัมผัสได้ว่ากำลังแนบชิดติดกับประตูเรือน
“ถึงเรือนเราแล้ว ไปคุยต่อข้างใน คุยไม่รู้เรื่องห้ามหนีไปนอน” เขาสั่งน้ำเสียงกระด้างจนสีตลางงไปหมด วันนี้เกิดอะไรกับหมอครองฤทธิ์ เขาดูดุดันจนผิดปกติไป
ครองฤทธิ์เอื้อมมือไปผลักประตูแล้วดันร่างเล็กให้เข้าไปในบ้าน คนตัวโตหันหลังไปจัดการล็อกประตูเรียบร้อย พอหันกลับมาอีกที แม่ตัวดีก็หายไปจากสายตาเขาแล้ว
สีตลากำลังวิ่งเข้าไปในห้องนอนซึ่งเป็นห้องเดียวในเรือนหอที่สร้างด้วยไม้สักหลังเล็กนี้ มือน้อยๆ กำลังผลักประตูห้อง เพราะไม่ต้องการให้หมอเถื่อนอย่างเขาตามเข้ามา ประตูยังปิดไม่สนิทก็ถูกแรงผลักดันของคนที่ยืนเต็มกรอบประตู จนคนแรงน้อยกว่าแพ้พ่าย
ร่างสูงของหมอครองฤทธิ์เดินตามเข้ามา “อย่าหนี แค่พื้นที่สี่เหลี่ยมไม่กี่ตารางวา เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก สนุกใช่ไหมเอาผัวไปเที่ยวนินทาว่าเป็นหมอกอลิลล่า ไร้น้ำยา ทำลูกไม่เป็น”
สีตลาอ้าปากค้าง