สีตลาอายหน้าแดงจากคำพูดของเขา อดคิดไม่ได้ว่าใครนะเป็นคนปากพล่อยพูดสิ่งเหล่านี้ให้หมอครองฤทธิ์ฟัง หญิงสาวหลับตาถอนใจ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาเปิดปากถาม
“ไผเป๋นคนเอาเรื่องนี้มาบอกหมอ เอ๊ย อ้ายครองฤทธิ์เจ้า” (ใครเป็นคนเอาเรื่องนี้มาบอกหมอ เอ๊ย พี่ครองฤทธิ์คะ) สีตลาทำน้ำเสียงอ่อนโยนให้มากที่สุด ทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ เมื่อมีคนปากหมา เอ๊ย ปากดี คาบข่าวมาถึงหูหมอครองฤทธิ์
พอเห็นเมียเรียกเขาว่าพี่ หมอครองฤทธิ์ดูอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย แล้วแกล้งพูดจี้ถามซ้ำ “แล้วเธอพูดจริงหรือเปล่า”
ถูกเขาย้อนกลับสีตลาอ้ำอึ้งพูดไม่ออก เรื่องเขาไร้น้ำยา ทำลูกไม่เป็น ถ้าเธอเอาเขาไปนินทาแบบนั้นจริงคงโง่สิ้นดี และคนอย่างสีตลาไม่ได้โง่พอจะเอาคำเหล่านี้ไปพูดให้ใครฟัง มั่นใจได้เลยว่าสองคำนี้ไม่เคยหลุดออกจากปากเธอ ส่วนเบื้องหลังฉายาคุณหมอกอริลล่า เธอเรียกเขาลับหลังให้เพื่อนฟังไม่กี่คนเอง และล้วนเป็นเพื่อนสนิทแต่ใครเป็นมิตรทรยศมาเล่าให้เขาฟังกัน
“แต๊พ่อง บะแต๊พ่องเน้อเจ้า” (จริงบางส่วน ไม่จริงบางส่วนค่ะ)
หมอครองฤทธิ์พยักหน้ารับคำ มองสีตลาที่ตอบด้วยน้ำเสียงซึมๆ แล้วทอดถอนใจพูดด้วยสีหน้าขบคิด “งั้นสารภาพมาเรื่องไหนจริง เรื่องไหนไม่จริง”
“ข้าเจ้าบะเกยว่าอ้ายครองฤทธิ์บะมีน้ำยา ซ้ำเรื่องยะลูกเต้าบะจ้าง บ่เกยอู้เลย ไผจะไปอู้จะอั้นเจ้า เพราะหลักๆ ในก๋ารแต่งงานของเฮาบะใจ้เรื่องมีลูก เฮาแต่งงานกั๋นย้อนมีเป้าหมายของตั๋วเก่า ข้าเจ้าอยากได้ตี้ดินคืนจากลุงหมอวินัย แล้วคุณลุงหมอหื้อคืนมาเป๋นของขวัญแต่งงานของเฮา ส่วนอ้ายครองฤทธิ์ก่ะอยากขุดฮากถอนโคนคนขี้โก๋ง หาผลประโยชน์ในโฮงบาล” (ฉันไม่เคยว่าพี่ครองฤทธิ์ไร้น้ำยา ยิ่งเรื่องทำลูกไม่เป็น ไม่เคยพูดเลย ใครจะไปพูดแบบนั้นคะ เพราะจุดประสงค์หลักในการแต่งงานของเราไม่ใช่การมีลูก เราแต่งงานอย่างมีจุดมุ่งหมายของตัวเอง ฉันอยากได้ที่ดินคืนจากลุงหมอวินัย ซึ่งคุณลุงหมอให้คืนมาแล้วเป็นของขวัญแต่งงานของเรา ส่วนพี่ครองฤทธิ์เองก็อยากถอนรากถอนโคน คนทุจริตกอบโกยผลประโยชน์ในโรงพยาบาล)
“แล้วเรื่องที่เธอไปแอบตั้งฉายาว่าฉันเป็นหมอกอริลล่าล่ะ”
สีหน้าหญิงสาวดูกระวนกระวายขึ้นมาทันที เพราะประเด็นนี้ดันเป็นเรื่องจริง ดวงหน้าหวานแดงด้วยความกระดากอายก่อนเงยหน้าขึ้นมามองเขาซึ่งดวงตาคมมองจ้องอยู่ก่อนแล้ว สีตลาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยอย่างยอมรับผิด
“เรื่องนี้ ข้าเจ้าเกยอู้สองสามเตื้อบ่าดาย” (เรื่องนี้ฉันเคยพูดสองสามครั้งเอง)
แววตาคู่คมจ้องจับผิด “นั่นเห็นไหม เธอนี่มันร้ายไม่เบา”
ใบหน้าสวยแดงปร่าไปหมดด้วยความเขินอายที่ถูกเขาว่าให้ ที่เธอเรียกเขาว่าหมอกอลิล่าเพราะกอริลล่ามันเป็นสัตว์ที่มีความแข็งแกร่งทรงพลังได้อย่างเหลือเชื่อ หมอครองฤทธิ์ออกตรวจชาวบ้านบนดอยด้วยการเดินเท้าเข้าไปในหมู่บ้านลึกที่รถเข้าไม่ถึงเป็นระยะทางสิบกิโลเมตรเป็นเรื่องปกติ เขาเป็นหมอสูตินรีเวชก็จริง ยามออกตรวจในหมู่บ้านทุรกันดาร ไม่ว่าคนไข้ป่วยเป็นโรคอะไร ใครๆ ก็เรียกหาแต่หมอครองฤทธิ์ทั้งนั้น ซึ่งเขาเองก็สามารถตรวจรักษาให้ได้หากไม่มีหมอเฉพาะทางอื่นๆ ออกตรวจ จนผู้คนบนดอยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หมอครองฤทธิ์เป็นหมอเทวดารักษาได้ทุกโรค
มีครั้งหนึ่ง สีตลาไปเก็บดอกบัวที่บึงบัวท้ายหมู่บ้าน เด็กกลุ่มหนึ่งวัยห้าถึงหกขวบพากันมาเล่นใกล้ๆ สระบัว สีตลาเอ่ยเตือนไม่ให้หนูน้อยเหล่านั้นมาเล่นใกล้สระน้ำด้วยเป็นห่วงเกรงจะพลัดตกน้ำ แต่พอเธอหันไปเก็บดอกบัว ตั้งใจจะนำไปบูชาพระได้เพียงไม่กี่ดอกก็ได้ยินเสียงตู้ม พอหันกลับไปมองก็เห็นน้ำกระจายเป็นวงกว้าง มีเด็กหญิงคนหนึ่งพลัดตกลงไปในน้ำ ชาวบ้านแถวนั้นที่มาเก็บบัวเหมือนกันร้องโหวกเหวกให้ช่วยกันงมหาเด็ก
เป็นจังหวะเดียวกับรถกระบะบุโรทั่งสีขาวแต่เครื่องแรงของหมอครองฤทธิ์ที่นำมาวิ่งบนดอย ผ่านมาบริเวณที่เกิดเหตุพอดี เขาลงจากรถมาถามชาวบ้าน พอรู้เรื่องจากชาวบ้านว่ามีเด็กตกลงไปในสระบัว หมอหนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตสีสุภาพที่สวมใส่อยู่ อย่างไม่ห่วงว่าตนเองกำลังขึ้นไปออกตรวจคนไข้บนดอยสูง ร่างสูงกำยำเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นแผงอกขาวจัด กระโดดลงไปช่วยงมหาเด็กน้อย
เพียงไม่กี่นาที ร่างสูงก็อุ้มเด็กน้อยที่หมดสติขึ้นมาด้วยร่างกายที่เปียกโชก แม่หนูที่หมอครองฤทธิ์อุ้มขึ้นมาสีตลาจำได้ดีว่าคือ บัวเกี๋ยง เพื่อนเล่นของลูกตาว น้องสาวเธอ เด็กน้อยสำลักน้ำเข้าไปมาก ชาวบ้านและเธอเองเข้าไปห้อมล้อมดูหมอครองฤทธิ์ทำ CPR ช่วยชีวิตเด็กน้อยจนฟื้นแล้ว เขาส่งตัวบัวเกี๋ยงให้พ่อแม่ที่รู้ข่าววิ่งร้องไห้ปิ่มจะขาดใจแหวกวงล้อมเข้ามาดูลูก หมอครองฤทธิ์สั่งเสียงเฉียบให้นายแทนนำบัวเกี๋ยงและพ่อแม่ขึ้นรถยนต์ส่วนตัวของเขากลับไปส่งที่โรงพยาบาลซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปห้ากิโลเมตร
ส่วนเขายังมีภารกิจต้องออกตรวจจึงติดรถชาวบ้านขึ้นไปบนดอยทั้งที่เสื้อผ้ายังเปียกไปด้วยน้ำ หมอบ้าพลังแบบนี้ สีตลาไม่เคยเห็นมาก่อน เธอจึงแอบเรียกเขาว่า
‘คุณหมอกอริลล่า’
แต่มีคำลงท้ายว่า ‘ผู้น่ารัก’ ที่สีตลายังไม่เคยเรียกแบบนี้ให้ใครฟังก็เท่านั้นเอง
หลังจากสารภาพไปหมดแล้ว สีตลาเห็นเขายังหลิ่วตามองอย่างจับผิด “เธอจะบอกว่าฉันแกร่ง แข็งแรง ทน ถึก เหมือนกอริลล่า เธอไม่ได้ด่า แต่เธอชมฉัน?”
ดวงตากลมโตส่อประกายสงสัย “ข้าเจ้าอู้ว่าแกร่ง แข็งแฮง ส่วน ทน ถึก สีตลาบะได้อู้สักหน้อย” (ฉันพูดแค่แกร่ง และ แข็งแรง ส่วน ทน ถึก สีตลาไม่ได้พูดสักหน่อย)
ดวงตาสีน้ำหมึกของหมอครองฤทธิ์วาววับขึ้น “งั้นเหรอ” เขาพูดยิ้มๆ แกล้งให้สีตลาหน้าแดงเล่น