7

1473 Words
ในขณะที่แก้มของสีตลากำลังเปลี่ยนจากสีขาวนวลเป็นแดงขึ้นทันตา แล้วรีบหลุบสายตาหนีการจ้องมองของเขา ตอนที่ยอมรับข้อเสนอ เมื่อถูกหมอครองฤทธิ์จับได้ สีตลาก็ไม่คิดว่าการต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาในฐานะสามีภรรยาตบตาชาวบ้านช่วงหนึ่งจะสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้ได้มากถึงเพียงนี้ หมอครองฤทธิ์ใช้ฝ่ามือหนาดันให้คนตัวเล็กเดินไปข้างหน้าเร็วๆ ยิ่งลมหนาวปลิวมาปะทะกายยิ่งขับเน้นบรรยากาศให้รู้สึกโหยหาความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนร่างสูงต้องยกมือกอดอกแล้วยกหัวไหล่ขับไล่ความหนาว “มัวอ้อยสร้อยอยู่นั่นแหละ ข้างนอกมันหนาวจะตายไป รีบเดินเข้าสิ ถึงเรือน แล้วฉันจะได้ลงมือตรวจเธอสักที” คนพูดไปยิ้มไปอย่างจงใจแกล้ง ส่วนคนฟังใจฝ่อหมดแล้ว แค่คิดถึงเรื่องตรวจภายในสีตลาถึงกับสะดุ้งโหยง ครั้งที่แล้วถูกเขาเข้าไปควักไปล้วงยังอับอายไม่หาย “บะเจ้า ข้าเจ้าบะอยากอยากตรวจกับหมอแหม” (ไม่ค่ะฉันไม่อยากตรวจกับหมออีก) แล้วรีบอธิบาย “ตี้ฮ้องหมอว่าหมอก็ย้อนว่ามันติดปากบะดาย ถ้าบะหม วันหลัง ข้าเจ้าบะฮ้องหมอก่ะได้” (ที่เรียกหมอว่าหมอก็เพราะว่ามันติดปากต่างหาก ถ้าไม่ชอบวันหลังฉันไม่เรียกหมอก็ได้) สีตลาพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมองราวกับจะขอความเห็นใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาจ้องเขม็งที่ทำให้คนตัวเล็กนึกหวาดๆ “ฉันไม่ชอบให้เธอเรียกฉันว่าหมอ” คนตัวสูงหรี่ตามองหน้าหวานๆ อย่างใช้ความคิด “เพราะอยู่ที่โรงพยาบาลมีคนเรียกฉันว่าหมอทั้งวัน กลับบ้าน ฉันอยากได้ยินคำอื่นบ้าง” ดวงจันทร์ที่สาดทอลงมาทำให้สีตลามองเห็นว่าหมอครองฤทธิ์คนหล่อประจำดอยนั้นมีรอยยิ้มที่ประดับความเจ้าเล่ห์เอาไว้ เธอไม่ได้ตาฝาดไป “ถ้าจะอั้น หมอ เอ๊ย...คุณจะหื้อข้าเจ้าฮ้องว่าอะหยังเจ้า” (แล้วถ้าอย่างนั้นหมอ เอ๊ย...คุณจะให้ฉันเรียกว่าอะไรคะ) ดวงหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มดูชอบกลให้คนถาม “ฉันขอรีเควส ให้ต่อไปนี้ เธอเลือกมาว่าจะเรียกฉันว่า คุณสามีที่น่ารัก หรือว่า พี่ครองฤทธิ์แสนดี ” เรียวปากอิ่มแดงแย้มออกจนเกือบเป็นแสยะยิ้ม เธอหูไม่เพี้ยน เขาต้องการแบบนั้นจริงๆ หรือ “หื้อข้าเจ้าฮ้องคุณว่าสามีตี้น่าฮัก หรือ อ้ายครองฤทธิ์แสนดี หื้อสีตลากัดลิ้นตายดีกว่าเจ้า” (ให้ฉันเรียกคุณว่าสามีที่น่ารัก หรือ พี่ครองฤทธิ์แสนดี ให้สีตลากัดลิ้นตายดีกว่าค่ะ) สีตลาทวนคำเขาแล้วกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เสียงหวานฉายความตระหนกใจ กับทั้งสองคำที่ฟังดูพิกลหู เธอส่ายหน้าแล้วถอยออกมาสองก้าวเพื่อให้เห็นใบหน้าเขาชัดๆ “บะ บะ ข้าเจ้ายะบะได้ ขอบะเลือกตึงสองข้อ แต่จะฮ้องว่าคุณแตนก่ะแล้วกั๋น” (มะ ไม่ ฉันทำไม่ได้ ขอไม่เลือกทั้งสองข้อ แต่จะเรียกว่าคุณแทนก็แล้วกัน) “ไม่ได้ เรียกว่าคุณมันดูเหินห่างเหมือนไม่ใช่ผัวเมียกัน” “ก่ะบะใจ้ผัวเมียกั๋นแต้ๆ นี่เจ้า” (ก็ไม่ใช่ผัวเมียกันจริงๆ นี่คะ) “แต่คนอื่นเขาคิดว่าเราเป็นผัวเมียกันจริงๆ ไปแล้ว ในเมื่อเธอเลือกลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ช่วยแสดงให้มันแนบเนียนหน่อยสิ” ครองฤทธิ์กระตุกยิ้มโค้งอย่างเฉียบพลันทำให้คนตัวเล็กหัวใจหล่นวูบ “ข้าเจ้าเล่นหนังเล่นละครบะเก่งแบบคุณหมอ แล้วยังบะได้เลือกเรียนวิชาสร้างภาพมาตวย” (ฉันเล่นละครไม่เก่งแบบคุณหมอ แล้วยังไม่ได้เลือกเรียนวิชาสร้างภาพมาด้วย) น้ำเสียงกลั้วหัวเราะเจือความเหน็บแนมมาอย่างเต็มที่ “งั้นเดี๋ยวฉันสอนเธอเอง เพราะวันนี้ หมอพลอยน้องสาวฉันโทร.มาบอกว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับลูกชายบุญธรรมของลุงหมอวินัย อาทิตย์หน้า เธอต้องไปงานแต่งงานน้องสาวของฉันที่กรุงเทพฯ และเราจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ที่กำลังตี่นเต้นดีใจที่ลูกสะใภ้เริ่มตั้งท้องอ่อนๆ ได้สองสัปดาห์” น้ำเสียงหญิงสาวเจือด้วยความร้อนรนปนสั่นเครือ แล้วรีบก้มมองหน้าท้องแบนราบของตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหมอครองฤทธิ์เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลวนารมย์ “ต๊อง! ไผต๊องก๋าเจ้า” (ท้อง! ใครท้องเหรอคะ) ร่างสูงขยับกายเข้ามาใกล้ เขาพูดเนิบๆ แต่เฉียบขาดชัดเจน นิ้วแกร่งของหมอหนุ่มอ้อมมาด้านหน้าสีตลา และหันปลายนิ้วชี้เข้าหาใบหน้าหวานที่ซีดแทบไร้สี “เธอไง สะใภ้ที่กำลังอุ้มหลานให้แม่ฉัน” “หา! จะเป๋นไปได้จะใดเจ้า ก่ะเฮาบะเกยมีอะหยังกั๋น” (หา! จะเป็นไปได้ยังไงคะ ก็เราไม่เคยมีอะไรกัน) สีตลาเบิกตาโพลง ในขณะที่หมอครองฤทธิ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ปรายตามองมาอย่างสื่อความหื่น "คืนนี้แหละ อากาศหนาวเป็นใจ เรามาทำอะไรสนุกๆ กันไหม เดี๋ยวฉันสอนให้ก็ได้” สีตลาเม้มปากแน่นแล้วก่นด่าเขาอยู่ในใจ ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้เธอยอมตกลงร่วมมือกับเขา แผงคิ้วดกดำเป็นปื้นพาดเฉียงขึ้นยามครองฤทธิ์ยู่คิ้วมองยัยเมียตัวเล็กที่ถอยห่างเขาออกไปด้วยท่าทางตกใจราวกับมีคนกำลังมากระซิบบอกเธอว่า คืนนี้กำลังจะมีแผนดินไหวราวเจ็ดจุดแปดแมกนิจูด ครองฤทธิ์เลยตัดสินใจเดินเข้าหาหญิงสาวแล้วกระหวัดอ้อมแขนแร่งไปรั้งเอวคอดนั้นไว้เข้าหาตัว ก่อนจะอุ้มร่างเล็กลอยขึ้นจากพื้นดิน เดินดุ่มๆ ไปตามทางเดินรอบสระบัวตรงไปที่เรือน ระหว่างนั้น ‘แทนไทย’ คนสนิทผู้ซื่อสัตย์ซึ่งติดสอยห้อยตาม รับใช้หมอครองฤทธิ์มาตลอดหลายปี มองมาที่เจ้านายหนุ่มซึ่งกำลังอุ้มเมียสาวอย่างที่เขาไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อน แทนไทยจ้องตาไม่กระพริบ เพราะรู้ว่าเจ้านายแต่งงานกับสีตลาเพื่อแผนการบางอย่างแล้วพร้อมจะหย่าทุกเมื่อ...แต่เท่าที่เห็นตอนนี้... “ไหนว่าเมียกำมะลอ หรือหมออยากมีเมียขึ้นมาจริงๆ” แทนที่ถือที่เหล็กคีบกำลังย่างกุ้งแม่น้ำที่จัดแจงผ่ากลางย่างไฟอ่อนๆ นอนแผ่มันเยิ้มบนตะแกรงนับสิบตัวตามที่เจ้านายสั่ง แต่สายตาคนย่างกุ้งมองเจ้านายหนุ่มที่อุ้มเมียสาวพลางแอบคิดไม่ได้ว่า กุ้งมันเยิ้มที่มีคนไข้นำมาฝากหมอครองฤทธิ์ คืนนี้จะเป็นหมันสำหรับคนทั้งคู่ แต่จะกลายมาเป็นอาหารรสเลิศของเขาคนเดียว จากที่เห็นสายตาคุณหมอที่มองสีตลา ตอนนี้ นัยน์ตาคู่คมนั้นกำลังกรุ้มกริ่มหวานเยิ้มยิ่งกว่ามันกุ้งอีก เขาเองก็แอบเชียร์ให้คุณหมอชอบสีตลาขึ้นมาจริงๆ เพราะหาที่ติในตัวสาวสวยใจดีคนนี้ไม่เจอ ยกเว้นเรื่องฐานะ ซึ่งไม่น่าจะเป็นปัญหาของตระกูลวนารมย์ เพราะคนในตระกูลนี้เป็นคนดีจนเขาเองยอมก้มหัวให้ ยินดีรับใช้คนตระกูลวนารมย์ไปตลอดชีพ “คุณหมอฤทธิ์! กุ้งแม่น้ำที่คุณหมอให้ผมย่าง ยังรับอยู่ไหมครับ” เห็นสายตาคนสนิทมองมาแบบนี้ หน็อยไอ้ตัวแสบ เขารู้มันไม่อยากถามหรอกว่าเขายังอยากกินกุ้งย่างไหม มันอยากรู้ว่าเขาจะอุ้มสีตลาไปไหนมากกว่า แต่ถูกแทนมองมา ครองฤทธิ์รู้สึกเขินขึ้นมาบ้าง เขาหยุดมองลูกน้องทั้งที่อุ้มสีตลาอยู่แวบหนึ่งแล้วพูดตามตรง “ตอนนี้ ฉันยังไม่มีอารมณ์กิน” แล้วมองกุ้งแม่น้ำย่างจนมันเยิ้มหอมฟุ้ง “อย่าลืมแบ่งไปให้บ้านแม่ยายฉันด้วย แล้วฉันให้แกย่างกุ้ง แกไม่มองกุ้งแต่มองจ้องฉันกับเมีย เดี๋ยวไอ้ที่ย่างอยู่มันจะกลายเป็นกุ้งเผาแทนกุ้งย่าง” เท่านั้นแทนไทยก็รีบก้มหน้าหันไปสนใจกุ้งเพราะถูกเหน็บกลายๆ ว่าอย่าสอดรู้สอดเห็น “ครับคุณหมอ” แทนไทยหัวเราะแหะๆ ครองฤทธิ์ว่าใส่ลูกน้องเป็นการปรามสายตารู้ดีของคนสนิทที่ทำให้สีตลาเขิน แล้วก้มมองคนในอ้อมกอดที่ดิ้นให้เขาปล่อยเธอลง สีหน้าบ่งบอกว่ากำลังอายจัดจนไม่รู้จะวางหน้าไว้ที่ไหน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD