6

1216 Words
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ยามต้องใกล้ชิดเขาแบบนี้ ขืนร่างห่างออกจากเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสทางกายที่ทำให้เธอรู้สึกประหม่า ทว่าถูกมือหนาคว้าต้นแขนเรียวเอาไว้ให้หันมาเผชิญหน้ากันแล้วสำทับเสียงเข้ม “อย่ามาดื้อกับฉัน ถ้ายังไม่มองหน้าฉันอีก รับรองว่าคืนนี้หม้อเธอไหม้แน่ๆ แต่ไม่รับประกันว่าหม้อใบไหน ใบในครัว หรือใบที่ติดตัวเธอ” สีตลามองตามมือของคนเป็นสามีที่มือหนักปานเหล็กคีบ ยิ่งเงยหน้าสบตาเห็นสายตาขู่ฟ่อๆ ‘นี่หมอกะว่าหมา หาเรื่องเก่งขนาด’ (นี่หมอหรือหมา หาเรื่องเก่งชะมัด) สีตลาอ่านสีหน้าเขาออก หม้อที่หมอเขาพูดถึง มันไม่ใช่หม้อดินเผาที่กำลังเดือดปุดๆ อยู่บนเตาฟืน ไม่มีใครรู้จักนิสัยที่แท้จริงของเขาเหมือนเธอหรอกเขามันนักสร้างภาพ หญิงสาวหน้าแดงก่ำจากคำพูดของเขา มองค้อนก่อนจะเอ่ย “จะอั้นถ้าคุณหมอมีอะหยังจะอู้กับข้าเจ้าก่ะฟั่งๆ อู้มาเต๊อะเจ้า” (งั้นถ้าคุณหมอมีอะไรจะพูดกับฉันก็รีบพูดมาตรงนี้เถอะค่ะ) “ในครัวมันหนาว กลับไปคุยบนเรือนกันดีกว่า” เรือนเล็กๆ ที่เธอหลบไปไหนไม่พ้นสายตาเขานั่นเหรอ หญิงสาวถอนหายใจหนักๆ ออกมา เธอพยายามเข้านอนตอนดึก และตื่นสายๆ เพื่อหลบเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยกับเขามาเป็นสัปดาห์ นี่ก็เพิ่งหัวค่ำกลับถูกชวนเข้าห้องนอนเสียแล้ว “อู้ตั้ดหนี้ก่ะได้เจ้า ข้าเจ้าต้องนึ่งผักไว้กิ๋นกับขนมเส้นแหม” (คุยตรงนี้ก็ได้นี่คะ ฉันต้องนึ่งผักสำหรับกินกับขนมจีนอีก)สีตลารีบคว้าจานผักบุ้งที่หั่นไว้เป็นชิ้นพอดีคำ แต่ถูกเขาดึงมือไปจับเอาไว้ “อย่ามาแถ ฉันบอกแล้วไง ขนมจีนเธอ เดี๋ยวฉันกลับมากิน แต่ตอนนี้ น้ำยา เอ๊ย..น้ำโหฉันกำลังเดือดพล่าน ถ้าเธอยังทำตีมึน พูดไม่รู้เรื่อง ไม่เคยได้ยินหรือไง ปากมีหู ประตูมีช่อง เดี๋ยวความลับของเราก็รั่วไปถึงหูคนอื่น เธออยากให้แม่รู้หรือไง ว่าลูกสาวทำเรื่องงามหน้าอะไรไว้บ้างที่กรุงเทพฯ” สีตลาย้อนคิดกลับไปเรื่องที่เธอรับคำสั่งจากหมอวินัย ไปหลอกสมอ้างเป็นเมียหมอเพื่อดึงให้เขากลับมาอยู่บนดอย ปล่อยโอกาสให้คนเป็นลุงนั่งบริหารงานในโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ กอบโกยผลประโยชน์มหาศาล แต่เมื่อเธอถูกหมอครองฤทธิ์จับได้ว่าเธอสร้างเรื่องขึ้นมา เธอกับเขาไม่เคยมีอะไรกัน เขาก็เล่นงานเธอกลับ ให้เธอสวมบทเจ้าสาว ตีเนียนย้ายกลับมาอยู่บนดอยและจัดงานแต่งเล็กๆ บังหน้า ระหว่างนี้ เขาก็เตรียมวางแผนการที่จะกลับไปกระชากหน้ากากเปิดโปงคนเป็นลุง สีตลากัดริมฝีปากแน่น “บะเอาเน้อเจ้า หมอสัญญากับข้าเจ้าแล้ว ถ้าข้าเจ้าจ้วยหมอต๋ามแผน หมอจะเก็บเรื่องตี้ข้าเจ้ายะลงไปเป๋นความลับ” (อย่านะคะ หมอสัญญากับฉันแล้ว ถ้าฉันช่วยหมอตามแผน หมอจะเก็บเรื่องที่ฉันทำลงไปเป็นความลับ) ถ้ารู้เรื่องที่เธอก่อขึ้นมา พ่อกับแม่คงเป็นลมไปหลายตลบ ชายหนุ่มเงียบไปราวกับใช้ความคิดทั้งที่มีแผนเล่นแง่อยู่เพียบเต็มหัวแล้วเผยรอยยิ้มแปลก “ก็นั่นไง เธอไม่อยากให้ความลับแตก เธอก็ต้องเก็บความลับให้ดี ไปเดี๋ยวนี้ กลับไปปิดห้องคุยกัน” “ปิดห้องอู้กั๋น!” (ปิดห้องคุยกัน) สีตลาหน้าเหวอทำไมต้องปิดห้องคุยด้วย ดวงตาคู่สวยเห็นคนตัวสูงใช้สองมือยกหม้อดินเผาลงจากเตา กลบถ่านเรียบร้อย ความร้อนทำให้หมอหนุ่มต้องใช้สองมือจับใบหู ดูน่าขันจนนึกอยากหัวเราะ แต่พอเห็นเธอมอง เขาก็สาดประกายตาหาเรื่องมาอีกจึงแสร้งเสมองไปทางอื่น “ฉันดูตลกมากหรือไง” ครองฤทธิ์เลิกคิ้วสูงขึ้น เห็นสีตลาม่อยหน้าแล้วเสไปมองทางอื่น มือแกร่งจัดการคว้าหมับที่ข้อแขนเล็ก ลากกึ่งจูงร่างเล็กออกจากโรงครัวผ่านไปทางสระบัวที่หมอครองฤทธิ์ใช้เป็นทางเดินมาเมื่อครู่ หญิงสาวในชุดผ้าซิ่นสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวเข้ารูป เรือนร่างอ้อนแอ้นมีส่วนเว้าส่วนโค้งสมส่วน พยายามขัดขืนจนคุณหมอหนุ่มเริ่มรำคาญเมียตัวเล็ก จำต้องหยุดเดินแล้วหันมาจ้องตาสีตลาที่กำลังชักสีหน้าปั้นยากใส่เขา “เธอจะดิ้นทำไมนักหนา” “ก่อ...ข้าเจ้าเจ็บนี่เจ้าคุณหมอ เป๋นหยังต้องลากกั๋นมากันจะอี้ตวย” (ก็ฉันเจ็บนี่คะหมอ ทำไมต้องฉุดกระชากกันแบบนี้ด้วย) “บอกให้เดินตามออกมาดีๆ เธอจะยอมฟังฉันไหม ส่องกระจกดูหน้าเธอบ้างสิ ทำหน้าเหมือนกับว่าจะถูกฉันจับไปขึงพืด แล้วเชือดเธอบนเตียง” หญิงสาวหน้าจ๋อย คำพูดแบบนี้ไม่มีใครเคยได้ยินหรอก มีแต่เธอคนเดียว ตั้งแต่วันแรกที่เธอรู้จักเขาเมื่อเจ็ดปีก่อนตอนเป็นละอ่อนมัธยมปลาย ส่วนเขาเพิ่งย้ายมาเป็นหมอดอย สีตลาเริ่มโมโหขึ้นมาบ้างเลยมองหน้ามองเขาอย่างประเมิน “ข้าเจ้ากึ๊ดอยู่เหมือนกั๋นว่าหมอลากข้าเจ้าไปปาดคอบนเตียงถึงต้องดิ้นหนีจะอี้น่ะก่ะ” (ฉันคิดอยู่เหมือนกันว่าหมอลากฉัน ไปเชือดชำแหละซากบนเตียงถึงต้องดิ้นหนีไง) พอพูดออกไปแล้วก็อายปาก จนสีตลาต้องก้มหน้าหงุด ครองฤทธิ์แค่นยิ้มสะใจ “อ๋อ ที่ดิ้นสู้เพราะกลัวถูกปล้ำ กลัวฉันจับไปชำแหละบนเตียงนี่เอง” พอคนตัวใหญ่พูดจบ คนที่อายหน้าแดงเงยขึ้นมาค้อนขวับ “คุณหมอปากเสีย บะหันนิสัยดีอย่างตี้จาวบ้านเขาอู้กั๋นเลย” (คุณหมอปากร้าย ไม่เห็นนิสัยดีแบบที่ชาวบ้านเขาพูดกัน) “เธอเองก็เรียนจบมหา’ลัยมาไม่ใช่หรือ ไม่รู้จักวิชาสร้างภาพหรือไง ฉันสร้างภาพแสนดีกับคนอื่น แต่ตัวจริงฉันแสนหื่นแบบที่เธอคิดนั่นแหละถูกแล้ว” “คุณหมอ!” นัยน์ตาคู่คมทอดมองหน้าซีดๆ ของสีตลา ยามนี้จะบอกว่าสงสารก็ไม่ใช่จะสมน้ำหน้าก็ไม่เชิง ครองฤทธิ์เลิกคิ้วขวาขึ้นถามเป็นเชิงล้อเลียน “รู้ไหม ใครๆ เขาเรียกหมอกันตอนที่ป่วย เธอเรียกหาหมอสูติฯ อย่างฉันแสดงว่าตอนนี้กำลังป่วยอยากให้ฉันช่วยตรวจภายนอกหรือภายในดีล่ะ” นัยน์ตาแพรวพราวกล่าวไปมองหน้าสีตลาไป แล้วโยกคอมอง “แต่สำหรับเมีย ฉันบริการตรวจให้ฟรีทั้งภายนอกและภายใน” พูดยังไม่ทันจบแม่ตัวดีรีบแก้ตัวพัลวัน “ข้าเจ้าบะได้ป่วยเจ้าคุณหมอ บะต้องการหื้อคุณหมอตรวจตึงภายนอกภายใน” (ฉันไม่ได้ป่วยค่ะหมอ ไม่ต้องการให้คุณตรวจทั้งภายนอกภายใน)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD