“ตกงานมาเหรอนังหนู”
หล่อนจำได้ว่าตัวเองนั่งคอตกอยู่ที่ริมฟุตปาธและก็มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยด้วย ท่าทางเห็นอกเห็นใจของผู้หญิงคนนั้นทำให้หล่อนยอมสนทนาด้วยได้ไม่ยาก
“น้ารู้ได้ยังไงคะ”
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะ ก่อนจะทรุดกายลงนั่งข้างๆ หล่อน จากนั้นก็เอามือมาแตะบ่าของหล่อนแสดงท่าทางสนิทสนมออกมา
“ก็หน้าอมโลกเอาไว้ทั้งใบแบบนี้จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ เดือดร้อนเรื่องอะไรล่ะ”
หล่อนจ้องหน้าหญิงแปลกหน้าอยู่พักใจ ก่อนจะยอมเปิดปากเล่าเรื่องคับอกคับใจออกมา
“ฤดีกำลังต้องการเงินจำนวนมาก...”
“จะเอาไปทำอะไร ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ หรือว่าเอาไปเที่ยวเตร่ล่ะ”
ดวงฤดีส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกจ้ะน้า ฤดีจะเอาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ลุง ลุงถูกทำร้ายเพราะช่วยฤดีเอาไว้...”
หญิงตรงหน้าแสดงท่าทางเห็นอกเห็นใจออกมา “แล้วเงินที่ว่ามันเท่าไหร่กันล่ะ มากแค่ไหน”
สาวน้อยยิ้มเศร้าๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความทุกข์ “ฤดีไม่รู้จำนวนที่แน่นอนหรอกจ้ะว่าเท่าไหร่ แต่ไม่น่าต่ำกว่าสองแสน...”
“สองแสน?!”
ดวงฤดีพยักหน้าให้กับเสียงอุทานสูงลิบของคู่สนทนา “ใช่จ้ะ น่าจะสองแสนกว่าๆ แต่มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าฤดีไม่พาลุงทองดีออกจากโรงพยาบาล”
“ทำไมค่ารักษาพยาบาลมันถึงแพงนักหนาล่ะ อย่าบอกนะว่าหนูหัวสูงพาลุงของตัวเองเข้าโรงพยาบาลเอกชน...”
“มันไม่ใช่อย่างที่น้าเข้าใจหรอกจ้ะ ฤดีไม่ได้หัวสูง แต่โรงพยาบาลของรัฐมีเครื่องมือไม่ทันสมัยพอที่จะรักษาลุงของฤดี และเมื่อมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้ลุงทองดีรอดตายฤดีจึงต้องเลือกทางนี้จ้ะ”
“ทั้งๆ ที่มันแพงขนาดนี้เนี่ยนะ” คู่สนทนาของหล่อนยังทำเสียงสูงไม่เลิก
สาวน้อยพยักหน้ารับช้าๆ “ใช่จ้ะ... ฤดีไม่มีทางเลือก แต่ฤดีก็จะไม่ยอมสิ้นหวังหรอก ลุงทองดีคือคนที่มีพระคุณกับฤดีมากที่สุด ฤดีจะต้องตอบแทนพระคุณ”
หญิงวัยกลางคนตรงหน้านิ่งไปพักใหญ่ ขณะนั้นก็ใช้สายตากวาดมองใบหน้ามอมแมมของหล่อนไปพร้อมๆ กันด้วย
“จะว่าไปแล้ว... หนูก็หน้าตาสวยทีเดียว เอาอย่างนี้ไหม ไปทำงานกับน้า...”
คนฟังอย่างหล่อนเบิกตากว้างอย่างดีใจ ลืมตัวละล่ำละลักถามออกไป
“งาน... งานอะไรหรือจ๊ะน้า แล้วเงินดีไหม”
คู่สนทนาของหล่อนพยักหน้ารับพร้อมๆ กับรอยยิ้มบางๆ “เงินดีมากเลยแหละ แต่งานมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มันก็ขึ้นอยู่กับหนูนะว่าจะไปทำหรือเปล่า”
“งานอะไรคะน้า...”
“ขายตัว...”
คำพูดของสตรีตรงหน้าทำให้คนฟังอย่างดวงฤดีถึงกับอ้าปากค้างเติ่ง ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ
“ขายตัว?!” ทำไมหล่อนถึงหนีไอ้อาชีพนี้ไม่พ้นสักทีนะ ดวงฤดีคิดอย่างขมขื่น
“ใช่... ขายตัว แต่มันก็แล้วแต่หนูนะว่าจะทำหรือไม่ทำ น้าก็แค่เสนอเท่านั้น สงสารที่ต้องการหาเงินไปรักษาลุง”
แม้ว่าคู่สนทนาจะแสดงความมีน้ำใจออกมาทางคำพูดเพียงใด แต่หล่อนกลับไม่ได้รู้สึกดีกับความมีน้ำใจนั้นเลย หล่อนไม่มีวันขายตัว ไม่มีวันยอมนอนให้ผู้ชายหน้าไหนมาล่วงเกินอย่างแน่นอน
“ฤดี... ไม่ทำ”
หล่อนจำได้ว่าตัวเองพูดออกไปเสียงแข็งเลยทีเดียว จากนั้นก็ลุกขึ้นจะเดินหนี แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นและเดินตาม
“รับแขกแค่ไม่สองสามคนก็มีเงินแสนแล้วนะ แถมบางทีอาจจะโชคดีได้เสี่ยเลี้ยงสบายไปทั้งชาติเลยด้วย”
ผู้หญิงคนนั้นยัดกระดาษแผ่นเล็กๆ ซึ่งก็คือนามบัตรใส่ลงไปในกระเป๋าผ้าแบบสะพายข้างของหล่อนอย่างถือวิสาสะ
“ไม่ค่ะ อย่ามายุ่งกับฤดีอีก เพราะฤดีไม่มีวันขายตัว!”
ตอนนั้น หล่อนกระชากเสียงใส่ จากนั้นก็เดินหนีออกมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่คิดจะใส่ใจกับวิธีหาเงินแบบน่าสะอิดสะเอียนนั้นอีก การขายตัว การขายเรือนร่างให้กับผู้ชายแปลกหน้าเชยชม มันต้องกี่ครั้ง กี่คนกันล่ะถึงจะมีเงินพอ
ดวงฤดียกมือขึ้นป้ายน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทิ้งอย่างเจ็บปวดเมื่อสมองหลุดจากภวังค์ ในตอนนี้หล่อนตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า ต่อให้ต้องอดตายก็จะไม่มีวันยอมขายตัวเด็ดขาด ทว่าตอนนี้... วินาทีที่ยืนมองร่างหลับใหลของลุงทองดีอยู่ในขณะนี้ หัวใจของหล่อนเจ็บปวดเหลือเกินที่จะต้องเลือกระหว่างศักดิ์ศรีและการตอบแทนบุญคุณของลุงทองดี
ถ้าหล่อนไม่มีเงิน ไม่สามารถเคลียร์ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ ทางโรงพยาบาลไม่มีทางยอมให้ลุงทองดีนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่อีกแน่นอน เงินคือพระเจ้า เงินคือสิ่งที่กำหนดทุกอย่าง และเงินก็เป็นมัจจุราชที่กำลังจะดึงให้หล่อนตกลงไปในขุมนรก
ขายตัว...
ไม่... หล่อนไม่อยากทำ ให้หล่อนไปเป็นสิบแปดมงกุฎต่อยังดีเสียกว่า หญิงสาวคิดอย่างเจ็บปวด รู้อยู่เต็มอกว่าการเป็นหัวขโมยนั้นมันเสี่ยงมากแค่ไหน หากโชคร้ายถูกจับได้ หล่อนก็ต้องติดคุก แล้วเมื่อนั้น ใครกันล่ะ ใครกันที่จะดูแลลุงทองดี
หญิงสาวสะอื้นไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น แต่แล้วก็ต้องรีบยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งเมื่อประตูห้องพักฟื้นของลุงทองดีถูกเคาะเบาๆ และเปิดเข้ามา
“เอ่อ... คุณพยาบาล...” ดวงฤดีที่ป้ายน้ำตาบนแก้มนวลแห้งดีแล้วหันไปทักทาย นางพยาบาลยิ้มอย่างสุภาพขณะเดินตรงเข้ามาหา
“ตอนนี้คุณหมอว่างแล้วนะคะ ญาติจะพบเลยหรือเปล่าคะ”
คนถูกถามเม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ “ค่ะ...”
“งั้นเชิญทางนี้ค่ะ”
ดวงฤดีหันมามองร่างของลุงทองดีบนเตียงคนไข้อีกเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาห่วงใย จากนั้นก็รีบเดินตามร่างของนางพยาบาลออกไปจากห้องพักฟื้นมุ่งหน้าสู่ห้องของคุณหมอเจ้าของไข้ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล