“ไหนคุณบอกว่านัดคนที่คิดว่าคือหลานสาวของผมเอาไว้
ที่นี่ยังไงล่ะ” เสียงโวยวายด้วยความผิดหวังของหม่อมราชวงศ์อติเทพ อัครโยธการดังกังวานขึ้น เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องรับรองสุดหรูภายในโรงแรมชื่อดังแล้วไม่พบคนที่ตัวเองรอคอยมาเป็นเวลาหลายปี
“ผม... ผมนัดเอาไว้แล้วจริงๆ นะครับ” ทนายความวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด ขณะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาจ้องมองเวลา
“บางที... เราอาจจะมาเร็วไปก็ได้ครับท่านชายใหญ่...”
ชายชราวัยหกสิบห้าปีกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องอย่างผิดหวัง จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มและจ้องหน้าทนายความด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
“จริงสินะ ผมใจร้อนเลยมาก่อนเวลาตั้งหนึ่งชั่วโมง... ยายหนูอาจจะกำลังเดินทางมาก็ได้...”
ริมฝีปากที่เคยถูกความผิดหวังครอบงำมานานถึงสิบสองปีค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา เขาหวังเหลือเกินว่าการพบกับเด็กสาวคนนี้จะทำให้สิ่งที่เขาคิดสิ่งที่เขาคาดหวังเอาไว้เป็นจริงขึ้นมา
ยายหนู... แม้นสรวง หลานปู่ หนูจะต้องกลับมาหาปู่นะ
หม่อมราชวงศ์อติเทพคาดหวังอยู่ภายในอก ก่อนจะปล่อยให้สมองของตัวเองหวนกลับไปคิดถึงเรื่องราวเมื่อสิบสองปีก่อนอีกครั้ง เรื่องราวที่ทำให้คนที่ร่ำรวยล้นฟ้าอย่างเขาไม่สามารถนอนหลับตาไปพร้อมๆ กับความสุขได้อีกเลย
“คุณปู่ขา แล้วหญิงแม้นจะรีบกลับมานะคะ”
เสียงเจื้อยแจ้วของหลานสาววัยเพียงสิบปีที่กำลังจะเดินทางตามหม่อมหลวงอดิศักดิ์และคุณหญิงแม้นมาศผู้เป็นบิดาและมารดาของตัวเองไปพักผ่อนยังเกาะส่วนตัวที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทยดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างน้อยๆ ที่วิ่งเข้ามาสู่อ้อมกอดของเขา
“เดินทางโดยสวัสดิภาพนะหลานปู่...”
“ค่ะ คุณปู่...” เด็กหญิงพูดจบก็ยื่นหน้าเข้ามาจูบแก้มของเขาเบาๆ ก่อนจะวิ่งไปหาบิดามารดาของตัวเองที่ยืนรออยู่ที่รถ
เขาจำได้ว่าตัวเองยืนโบกมือให้กับลูกชาย ลูกสะใภ้และหลานสาวสุดที่รักอยู่ที่ลานหน้าตึกจนรถคันงามลับตาไปจึงเดินกลับเข้ามาในบ้าน โดยไม่มีลางร้ายเตือนล่วงหน้าเลยสักนิดว่าเขาจะต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีทางหวนคืนแบบนี้
มือเหี่ยวย่นของหม่อมราชวงศ์อติเทพกำเข้าหากันแน่น ความเจ็บปวดอัดแน่นอยู่ภายในอก ดวงตาที่มีฝ้าขาวๆ มีน้ำตาเอ่อคลอ เมื่อหวนนึกถึงวันที่ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
วันนั้นเขาช็อกจนต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อรู้ว่าทั้งลูกชาย ลูกสะใภ้และหลานสาวอันเป็นแก้วตาดวงใจของเขาประสบอุบัติเหตุทางน้ำเสียชีวิตทั้งหมด
เขาไม่เชื่อ... เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าเรื่องเลวร้ายพวกนี้มันจะมาเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา ครอบครัวที่เคยมีแต่ความสุข ครอบครัวที่เคยมีแต่เสียงหัวเราะ และไม่มีทางที่หลานสาวตัวน้อยๆ ของเขาจะอายุสั้นถึงเพียงนี้ แต่ถึงแม้จะบอกตัวเองแบบนั้น แต่คำยืนยันจากตำรวจ และร่างไร้วิญญาณที่ถูกนำกลับมายังกรุงเทพฯ ก็ทำให้เขาต้องยอมรับความจริง ความจริงที่มันโหดร้ายจริงนัก
ลูกชายของเขาเสียชีวิตแล้ว ลูกสะใภ้อย่างแม้นมาศก็เช่นกัน ร่างไร้วิญญาณของทั้งสองคนนอนนิ่งไม่ไหวติง เขาจำได้ว่าตัวเองร่ำได้ปานจะขาดใจ เป็นลมแล้วเป็นลมอีกกับสิ่งที่ต้องสูญเสีย ไม่มีใครจะทนยอมรับได้หรอกกับการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่แบบนี้
“ศพหลานสาวของท่านชาย... พวกเรายังหาไม่พบครับ แต่ทางเราจะช่วยกันงมหาอีกรอบ ขอให้ท่านชายวางใจได้ครับ...” คำพูดของนายตำรวจผู้รับชอบคดีนี้เอ่ยขึ้นกับเขาเบาๆ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเห็นใจอย่างสุดซึ้ง แต่เขา... ไม่มีทางจะรู้สึกดีขึ้นได้หรอก ไม่มีทางที่จะรู้สึกดีขึ้นได้ หากต้องสูญเสียบุคคลที่รักไปทั้งสามคนแบบนี้
“เป็น... ไปได้ไหมว่าหลานสาวของผม...” หม่อมราชวงศ์อติเทพเค้นเสียงออกมาแผ่วเบา ความรู้สึกภายในอกทำให้เขาอดที่จะคาดหวังออกมาไม่ได้ “อาจจะ... ยังไม่ตาย...”
“ผม... ก็อยากคิดอย่างท่านชายครับ แต่ว่า... น้ำตรงนั้นมันทั้งลึกและเชี่ยวมาก ผม... เกรงว่าคุณหญิงแม้นจะ...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว... ตราบใดที่ยังไม่พบศพของยายหนู... ผมก็ไม่มีทางเชื่อว่ายายหนูตายแล้ว”
เขาเค้นเสียงใส่หน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นก็ก้าวออกจากโรงพักและมุ่งหน้าบินไปยังเกาะส่วนตัวของครอบครัวที่ทางตอนใต้ของประเทศไทยอย่างรวดเร็ว เขาจะต้องหาแม้นสรวงให้พบ เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าหลานสาวของเขาจะอายุสั้นแบบนี้ ไม่มีทาง...
และตั้งแต่วันนั้นจนถึงบัดนี้ ผ่านมาสิบสองปีเต็มๆ แล้วทางตำรวจก็ยังไม่สามารถค้นหาร่างไร้วิญญาณของแม้นสรวง หลานสาวของเขาได้พบ ซึ่งนั้นก็ทำให้เขาค่อนข้างจะมั่นใจแล้วละว่า แม้นสรวงยังไม่ตาย หลานสาวของเขาจะต้องยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างแน่นอน แล้วนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการตามล่าหาตัวหลานสาวของเขานั่นเอง
“ท่านชายครับ... นั่น มาแล้วครับ”
เสียงทนายความเก่าแก่ประจำตระกูลที่ดังขึ้นด้วยความตื่นเต้นนั้นทำให้หม่อมราชวงศ์อติเทพหลุดออกจากภวังค์ในอดีต กลับมาสู่ความเป็นจริงแทน ชายชราเจ้าของชื่อหันไปมองตามสายตาของทนายความและก็ได้เห็นสาวน้อยคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา
“นั่นหรือ หลานสาวของผม...”