“ระยำ!”
ถ้อยคำผรุสวาทที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลถูกเค้นลอดไรฟันขาวสะอาดของหนุ่มหล่อลากไส้นามว่า ลุคคา ซามายาส ซาโนลี่ ดังลั่น ทุกพยางค์อัดแน่นไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่แทบจะทำให้คู่สนทนาตรงหน้าไหม้เกรียมปานถูกแผดเผาด้วยไฟกัลป์อย่างง่ายดาย
“ทำงานประสาอะไร ฮึ! แค่เด็กผู้หญิงคนเดียวก็ปล่อยให้รอดไปได้”
“ผม... ผมขอโทษครับ... ขอโทษครับคุณลุคคา...”
นักสืบเอกชนที่จัดว่าฝีมือดีที่สุดก้มหน้ายอมรับผิดโดยไร้ข้อแก้ตัว ลุคคากัดฟันแน่น พยายามที่จะข่มโทสะร้ายเอาไว้ในอกให้ได้มากที่สุด
เขาต้องใจเย็น... ต้องใจเย็นมากกว่านี้... ยังไงซะ ยายหัวขโมยนั่นก็ไม่มีทางหนีรอดเงื้อมมือของเขาไปได้อย่างแน่นอน ยังไงซะก็ต้องควานหาจนเจอนั่นแหละ
“คุณทำงานได้แย่มากเลยนะ ฟิลิป ผมจะหักค่าจ้างของคุณเอาไว้ครึ่งหนึ่ง จนกว่าคุณจะสามารถตามหาเด็กผู้หญิงคนนั้นเจออีกครั้ง”
“ครับ... ขอบคุณที่ยังกรุณาผมครับ”
ฟิลิปก้มหน้าขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ เพราะรู้กิติศัพท์ของหนุ่มกรีกหล่อลากไส้คนนี้ดีกว่าร้ายกาจแค่ไหน ถ้าเปรียบกับมัจจุราชละก็ ผู้ชายคนนี้ก็คงได้ตำแหน่งพญามัจจุราชมาครองอย่างแน่นอน เพราะความเด็ดขาด โหดเหี้ยม และไม่เคยรู้จักกับคำว่าผิดพลาดของลุคคานั้นไม่มีใครเทียมได้
ลุคคา ซามายาส ซาโนลี่ คนนี้คือผู้ชายที่กระหายชัยชนะในทุกรูปแบบ ไม่ว่าในโลกธุรกิจหรือในโลกส่วนตัว และที่สำคัญที่สุดก็คือลุคคา ซามายาส ซาโนลี่ผู้นี้เป็นผู้ชายที่ถูกจัดอันดับจากนิตยสารชื่อดังว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่เข้าถึงยากที่สุด ไม่มีใครสามารถแตะต้องเขาได้เลยหากเขาไม่เต็มใจ
“ไปได้แล้ว และในอีกเจ็ดวันข้างหน้า ผมจะต้องได้ข่าวของเด็กคนนั้น”
น้ำเสียงราบเรียบ แต่คู่สนทนารู้ดีว่ามันเด็ดขาดแค่ไหน เพราะหากครั้งนี้เขาทำพลาดอีกละก็ แน่นอนว่าจะไม่มีโอกาสแก้ตัวได้อีกแล้ว
“ครับ... ผมมั่นใจว่าจะต้องได้ข่าวเด็กคนนั้นในอีกไม่กี่วันจากนี้ครับ”
ไม่มีรอยยิ้มจากริมฝีปากเร้าใจที่เหล่าสตรีต่างยืนยันว่าปากคู่นี้มันเซ็กซี่และน่าจูบที่สุดในโลกเลยแม้แต่น้อย ลุคคาหยิบแว่นกันแดดสีดำสวมปิดใบหน้าเอาไว้เช่นเดิม ก่อนจะก้าวยาวๆ เดินออกจากล็อบบีโรงแรมตรงไปยังรถสปอร์ตคันงามของตัวเองด้วยท่าทางสง่างามดุจราชสีห์ จากนั้นยานพาหนะราคาแพงระยับก็ทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว
ดวงฤดี ในชุดแม่บ้านโรงแรมที่ตัวเองเพิ่งจะขโมยมาจากห้องเก็บของภายในโรงแรมแห่งนี้เป่าลมออกจากปากด้วยความโล่งอกอยู่หลังมุมเสาที่ไกลออกไปไม่มากนัก หลังจากสามารถหนีพ้นการควบคุมตัวของผู้ชายผมทองที่เพิ่งจะเดินหายเข้าไปในลิฟต์แก้วได้อย่างหวุดหวิด
ในที่สุดผู้ชายที่หล่อระเบิดในทุกลมหายใจก็ตามหาหล่อนจริงๆ เขาคงต้องการของของเขาคืน... หญิงสาวก้มลงมองแหวนทองคำขาวที่ด้านบนของแหวนสลักคำว่า ‘ซามายาส’ เอาไว้ชัดเจนในมือบอบบางของตัวเองด้วยความละอายใจ กระแสความรู้สึกผิดแล่นถล่มเข้าใส่หัวใจอย่างมหาศาล
หล่อนจะต้องคืนเขาแน่ๆ แต่มันคงไม่ใช่ตอนนี้...
หญิงสาวสลัดความโศกเศร้าออกไปจากหัวใจจนหมด กำลังจะมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นชุดเดิมของตัวเอง แต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะเสียงแหลมๆ ของสตรีที่มาโผล่อยู่ด้านหลังขัดขวางเอาไว้นั่นเอง
“มาหลบอู้อะไรอยู่ตรงนี้ ไปช่วยสมจิตที่ชั้นสิบเอ็ด เร็วเข้า...!”
ดวงฤดีไม่ได้หันไปมองเพราะกลัวว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังจะจับได้ว่าหล่อนไม่ใช่พนักงานทำความสะอาดของโรงแรมซามายาส แกรนด์ โฮเทลแห่งนี้ หล่อนจึงได้แต่ก้มหน้า และเอ่ยรับคำเท่านั้น
“ค่ะ...”
“ค่ะ ก็รีบไปสิ ขึ้นลิฟต์ไปเลยจะได้เร็วๆ”
ไม่มีทางเลือกที่จะหลีกหนีได้ในตอนนี้ ดวงฤดีจึงจำต้องเดินเข้าไปในลิฟต์ตามคำสั่ง
ไม่นาน ลิฟต์ก็พาหล่อนขึ้นมายังชั้นสิบเอ็ด ชั้นที่เต็มไปด้วยห้องสูทราคาแพง หล่อนก้าวออกจากลิฟต์มาก็มองหาห้องน้ำเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเอง แต่ก็ถูกพนักงานทำความสะอาดที่ยืนรออยู่ก่อนหน้าลากตัวไปช่วยทำความสะอาด
“จะยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ทำไมล่ะ ไปทำความสะอาดห้องนู้นเลย เอาให้เอี่ยมนะ เดี๋ยวจะมีแขกวีไอพีเข้ามาใช้ห้อง”
แล้วร่างของดวงฤดีก็ถูกดันเข้าไปในห้องกว้างโอ่อ่าห้องหนึ่ง ในห้องมีอุปกรณ์ทำความสะอาดวางรออยู่แล้ว หญิงสาวถอนใจออกมาเบาๆ มองงานตรงหน้าอย่างไม่มีทางเลือก เอาวะ ทำงานตรงนี้ก่อนแล้วค่อยไปเยี่ยมลุงทองดีก็ได้ เมื่อคิดเช่นนั้นดวงฤดีก็เริ่มต้นทำความสะอาดอย่างขยันขันแข็ง กินเวลานานร่วมครึ่งชั่วโมงห้องก็สะอาดเอี่ยมตามความต้องการของคนสั่ง หล่อนหยิบเครื่องมือทำความสะอาดออกไปวางไว้บนรถเข็นจากนั้นก็เดินกลับเข้ามาให้ห้องอีกครั้ง เพื่อขอให้ห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และทุกอย่างคงผ่านพ้นไปได้ด้วยดีหากหล่อนไม่ได้ยินเสียงของผู้ชายสองคนแทรกเข้ามาในห้องน้ำเสียก่อน เสียงที่ทำให้หล่อนต้องหยุดยืนนิ่งอยู่แต่ในห้องน้ำนั้น และก็ภาวนาขออย่าให้คนพวกนั้นเกิดอยากเข้าห้องน้ำมาตอนนี้เลย