[Korn's Part]
ช่วงนี้ข้าวเม่าดูแปลกไป เวลาผมมองหน้าเขาทีไร เขาจะรีบหลบตาผมทุกที เขาไม่กล้าสบตาผม เหมือนทำผิดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่น่าจะทำผิดอะไรนะ แล้วผมก็อยู่บ้านทุกวัน เขาก็ทำงานตามปกติของเขา จานชามก็ไม่ได้ทำแตกสักใบ
"ข้าวเม่า เป็นอะไรหรือเปล่าน่ะ หน้าแดงบ่อยจัง ไม่สบายหรือเปล่า?" ผมอดถามไม่ได้ ช่วงนี้อากาศชื้นด้วย ใกล้เข้าฤดูฝนแล้ว เด็ก ๆ มักจะเป็นหวัดกัน
"เปล่าครับคุณกร ผมสบายดี" เขาหลบตาผมอีกแล้ว หน้าแดงด้วย
"จริงเหรอ? มานี่สิ" ผมดึงแขนเขาเข้ามาใกล้แล้วยกมืออังหน้าผากเขา ตัวก็ไม่ร้อนนะ แต่หน้างี้แดงจัดเลย
"หน้าแดงมากเลยนะ ปวดหัวไหม? เจ็บคอหรือเปล่า? มีไอมีจามบ้างไหม?" ผมมองหน้าเรียวสวย แล้วเขาก็ส่ายหน้ารัว
"ไม่เป็นไรครับ ผมสบายดี จริง ๆ นะครับ" เขามองหน้าผมด้วยสายตาเหมือนจะเขินอายด้วยแฮะ
"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่ถ้ารู้สึกไม่สบายต้องรีบบอกฉันนะ อย่าปิดบังฉัน เข้าใจไหม" ผมกำชับแล้วยกมือลูบหัวเขา
"เข้าใจครับ" เขาตอบ แต่สายตายังมองหน้าผมต่อ
"มองอะไร? หน้าฉันมีอะไรผิดปกติ?" ผมยกมือลูบหน้าตัวเองด้วยความแปลกใจ
"เปล่าครับ คุณกรหล่ออยู่แล้วครับ เอ่อ... ไม่มีอะไรครับ" เขาว่าแล้วรีบหันหลังเดินหนีผมไปเลย
ผมไม่เข้าใจเด็กวัยรุ่นเลยแฮะ ตอนผมอายุขนาดนี้ผมเป็นยังไงนะ มันผ่านมาตั้ง 11 ปีแล้ว แต่ที่จำได้คือผมเกเรพอควร ผมกับไอ้วินทร์ชอบไปท้าตีกับไอ้คิมไอ้กายคู่ซี้ห้องคิง พวกมันเรียนโคตรเก่ง วิวาทก็โคตรเก่ง แถมหาเรื่องคนอื่นก็โคตรเก่ง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นคนทำขนมหวานไปแล้ว ผมยังชอบไปซื้อเค้กที่ร้านมันบ่อย ๆ มันทำเค้กอร่อยมาก ผมแทบจะเป็นขาประจำไปเลย มันหัวเราะผมน่าดูตอนรู้ว่าผมกลายเป็นนักเขียน แน่สิครับ ใครจะรู้ว่าผมที่เกลียดครูสอนภาษาไทยที่สุดจะกลายมาเป็นนักเขียนแบบนี้
ผมมองข้าวเม่าที่หยิบหนังสือจากชั้นที่ห้องรับแขกไปนั่งอ่านที่โซฟา เรื่องนั้นมัน... นิยายที่ผมเขียนนี่ เห็นเปิดตรงกลางเล่ม คงอ่านค้างไว้แหละ
"ชอบอ่านนิยายเหรอ?" ผมถาม แล้วเขาก็สะดุ้งนิดหน่อย
"เอ่อ ครับ มันสนุกดี" ข้าวเม่าหันมายิ้มให้ แต่ไอ้เรื่องที่เขาอ่านมันนิยายดราม่านะนั่น หน่วงจิตด้วย สนุกตรงไหน
"ถ้าชอบอ่านก็เข้าไปอ่านในห้องทำงานฉันสิ มีตั้งหลายแนว เด็กอย่างนายน่าจะชอบแนวแฟนตาซีหรือไซไฟนะ" ผมบอก
"ให้ผมเข้าไปอ่านได้เหรอครับ?" ข้าวเม่ารีบถามผม
เขามีสีหน้าดีใจแบบชัดเจนเลย เด็กคนนี้แสดงความรู้สึกออกมาแบบไม่ปิดบัง ซื่อตรงแบบนี้น่ารักดีจัง
"อืม ได้สิ ถ้าฉันอยู่ด้วยนะ" ผมพยักหน้า
"แล้วจะไม่รบกวนคุณกรเหรอครับ?"
"อย่าเสียงดังสิ อ่านไปเงียบ ๆ ไม่เป็นไร"
"ถ้างั้นทำไมคุณกรไม่เอาหนังสือออกมาไว้ข้างนอกเยอะ ๆ ล่ะครับ? ผมจะได้ไม่ต้องเข้าไปรบกวนในห้องทำงาน" เขาถามมาอีก สายตาเขาออกแนวเกรงใจสุด ๆ
"ถ้าเอาออกมาเยอะ ไอ้ข้าวตังมันจะขึ้นไปกวาดหนังสือลงจากชั้นแล้วยึดเป็นที่นอนมันน่ะสิ เพราะงั้น ห้ามให้ไอ้ข้าวตังเข้าไปในห้องทำงานฉันด้วย" ผมบอกแล้วเดินเข้าห้องทำงาน
แน่ล่ะครับ ไอ้ข้าวตังมันต้องถูกใจพวกฟิกเกอร์ของผมแน่ ผมมั่นใจว่ามันต้องเอาไปเล่นจนพังเป็นชิ้น ๆ แน่นอน ตัวหนึ่งนี่เป็นหมื่นเลยนะครับ เพราะผมสั่งโดยตรงมาจากญี่ปุ่น ไม่ได้ซื้อในไทย
ข้าวเม่าเอาหนังสือในมือยัดกลับเข้าไปในชั้นตามเดิมแล้วรีบเดินตามผมเข้ามา ก่อนจะปิดประตูห้อง
ผมไปนั่งที่โต๊ะทำงาน หยิบแว่นตาในลิ้นชักมาสวม ผมไม่ได้สายตาสั้นนะ แต่มันเป็นแว่นตาลดแสงจากจอโน้ตบุ๊ก ผมเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อจะเขียนนิยายตอนต่อไปที่เขียนค้างไว้ คราวนี้ไม่ใช่นิยายผีแล้วครับ เป็นแนวรักวัยมหาวิทยาลัย อ้อ! ผมเขียนได้ทุกแนวครับ แม้แต่แนววายผมก็เขียนได้ ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ทางนี้เลย อาศัยไอ้วินทร์มันเล่าให้ฟังเอา
ไอ้เทวินทร์เพื่อนผมมันเป็นเกย์เพลย์บอยครับ หนุ่ม ๆ มหาวิทยาลัยนี่เสร็จมันไปหลายคนแล้ว ยิ่งมันเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาแถมเป็นนายแบบลงนิตยสารด้วย คารมดีอีกต่างหาก หนุ่ม ๆ ติดมันเพียบ แต่ไม่เห็นมันจริงจังกับใครสักคน พอ ๆ กับไอ้กายเลย เพลย์บอยทั้งคู่ แต่เหมือนไอ้กายจะมีแฟนไปแล้ว แถมแฟนมันเป็นผู้ชายอีกต่างหาก ผมงี้อึ้งเลยครับ เพลย์บอยตัวพ่ออย่างไอ้กายเปลี่ยนแนวไปรักผู้ชายได้ไงไม่รู้ ไอ้คิมอีกคน จากคนเซอร์ ๆ ห่าม ๆ มีแฟนเป็นผู้ชายเฉยเลย
จะว่าไปเพื่อนผมกลายเป็นเกย์หลายคนเลยแฮะ จากผู้ชายปกติกลับไปรักผู้ชายซะงั้น สงสัยเพราะโลกมันร้อนขึ้นมั้ง คนเราเลยเปลี่ยนกันไปหมด
ผมเลิกคิดเพ้อเจ้อแล้วหันไปมองคนนั่งอ่านหนังสือที่โซฟาแล้วผมก็สะดุ้ง เจ้าลูกแมวนั่นกำลังปาดน้ำตา!
"ข้าวเม่า! เป็นอะไร! ร้องไห้ทำไม!" ผมรีบเข้าไปหาด้วยความตกใจ
ข้าวเม่าเงยหน้ามองผมแล้วรีบเช็ดน้ำตา
"เปล่าครับ คือ... เรื่องนี้มันเศร้าครับ ชีวิตของนาง... เอ่อ ตัวเอก... ไม่ใช่ คือ... แฟนพระเอกอะ น่าสงสารจัง"
ข้าวเม่ายื่นปกให้ผมดู มันเป็นนิยายวายที่ไม่ใช่ของผมนะ แต่คนเขียนแต่งได้ดีมากเลย แถมออกแนวดราม่าพอสมควร
"อ๋อ นั่นเขาเรียกว่านายเอก แล้วนี่อินจัดถึงกับร้องไห้เลยเหรอ?" ผมหัวเราะแล้วยกมือขยี้ผมเจ้าลุกแมวขี้แยเบา ๆ
"ก็นายเอกน่าสงสารนี่ครับ โดนกดขี่สารพัดจากพี่ชายคนละแม่" เขาเถียงผมด้วยหน้าตาจริงจังมาก แถมหน้ายังแดงด้วย
"มันแค่เรื่องแต่งนะ อย่าคิดมากสิ หาเรื่องอื่นอ่านก็ได้นี่ ที่มันออกแนวฮาก็มีตั้งหลายเล่มนะ แล้วนายชอบอ่านนิยายวายเหรอ?" ผมอดแปลกใจไม่ได้ ปกตินิยายแนวนี้คนอ่าน 98% คือผู้หญิง ที่เหลือจะเป็นพวกเกย์
"มันสนุกดีครับ แต่ที่เป็นผู้ชายกับผู้หญิงผมก็อ่านนะ แล้วแต่จะหยิบเล่มไหนมาอ่าน" ข้าวเม่าตอบผมแล้วก็หน้าแดงหลบสายตาผมอีกละ
"ตามใจละกัน" ผมลูบหัวเขาอีกทีแล้วลุกกลับไปทำงานต่อ แต่ผมก็อดชำเลืองมองคนหน้าหวานนั่งอ่านนิยายด้วยความตั้งใจไม่ได้ ผมเห็นเขาเศร้า บางทีก็ยิ้ม บางทีก็ขมวดคิ้วไปกับเนื้อเรื่องในหนังสือ
เจ้าลูกแมวนี่ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารักแฮะ เหมือนไอ้ข้าวตังเลย เวลามันมาอ้อนให้ผมเล่นกับมัน ผมชอบมองมันเล่นไม้ตกแมวกับผม บางทีมันก็นอนบิดตัวไปมาแล้วทำตาอ้อน แต่บางทีมันก็กวนประสาทผม ชอบกวาดหนังสือลงจากชั้น ถีบแก้วกาแฟผมตกโต๊ะ ยึดกล่องพัสดุที่เขาส่งของมาให้ผมไปนอน ข่วนโซฟาผมจนเป็นรอยเล็บมันเต็มไปหมด บางทีก็จับจิ้งจก นก หนูมาวางในบ้านให้ผมตามเก็บ
ข้าวเม่าก็เหมือนกัน บางทีก็รีดผ้าผมให้มันยับมากกว่าเดิม อุ่นอาหารในเวฟจนไหม้ ตัดกิ่งเข็มก็เล่นซะดอกมันแหว่งไปหลายจุด ทำกับข้าวให้ผมนี่บางทีใส่พริกซะผมกินไม่ได้ ผมไม่ชอบกินเผ็ดครับ แต่คนอีสานนี่กินเผ็ดสุดยอดเลย ไม่ไหวครับ แต่เรื่องปลาร้านี่ผมโอเค ผมกินได้ ผมคนเหนือครับ แม่ผมเป็นคนเชียงราย พ่อเป็นคนพะเยา เหนือแต๊ ๆ
ผมเลิกสนใจคนอินกับนิยายแล้วทำงานต่อไปจนเย็น ได้ยินเสียงฟ้าร้องดังแว่วมาเบา ๆ คืนนี้สงสัยจะมีพายุ ช่วงต้นฤดูฝนแบบนี้มักจะมีฝนฟ้าคะนอง แต่ที่กรุงเทพก็ไม่เท่าไหร่หรอก มันไม่รุนแรงเพราะสายล่อฟ้าเยอะ
"ข้าวเม่า เก็บผ้ายัง ฝนจะตกแล้ว"
ผมเรียกคนที่ยังนั่งอ่านหนังสือตรงโซฟา เขาเงยหน้ามองผมแล้วสอดที่คั่นหนังสือไว้ในหน้าที่อ่านค้างแล้วเก็บหนังสือเข้าชั้นก่อนจะรีบออกไปจากห้องทำงานผม
ผมทำงานต่ออีกพักใหญ่ ข้าวเม่าก็มาเรียกผมไปกินข้าว ผมถอดแว่นตาเก็บแล้วบิดขี้เกียจก่อนจะเซฟงาน ปิดโน้ตบุ๊กเรียบร้อย ปิดไฟปิดแอร์แล้วออกไปจากห้องทำงาน
-------------------------