Chapter 1 มึงอยากลอง ?
ฉันคลั่งไคล้พี่ชายของเพื่อนสนิทอย่างเฮียน็อตมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ตามกรี๊ด ตามส่องอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นต่อหน้า หรือว่าตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังไม่เคยเข้าไปอยู่ในสายตาของเฮียเขาได้สักที ทั้งที่ฉันมีตำแหน่งดาวคณะมาการันตีความสวย แต่ก็ไม่สามารถทำให้ฉันกะเทาะหัวใจที่แข็งดั่งหินผาเข้าไปได้
“น้ำค่ะเฮีย” ฉันจีบปากจีบคอพูดเสียงหวานหยด ยื่นขวดน้ำเย็นเจี๊ยบให้กับคนที่พึ่งวิ่งออกมาจากสนาม
“เสียงเป็นอะไร กินยาลืมเขย่าขวด?” ค่อนขอดกัน แต่ยังดีที่ยอมรับขวดน้ำไปเปิดดื่ม ส่วนเพื่อนที่คอยลุ้นว่าฉันจะโดนอะไรบ้างอย่างบอสกับนิวก็นั่งขำจนตัวสั่น
“มา ๆ ชะนีฝัน ก่อนจะโดนหนักไปกว่านี้”
ฉันหน้ามุ่ยเดินกลับมาหาเพื่อน กระแทกก้นนั่งลงอย่างขัดใจ “หนูนิว เมื่อไหร่พี่แกจะใจอ่อน”
“ไม่เห็นแววเลยเพื่อนรัก” นินิวส่ายหน้า มือเล็กตบไหล่ฉันดังเป๊ะ ๆ
“ถ้าแกเชื่อฉัน ป่านนี้มีแฟนเป็นโหล” บอสพูดถึงเรื่องตั้งแต่พวกเราอยู่ปีหนึ่ง
ตอนนั้นพอได้ยินว่าฉันชอบเฮียน็อต ปฏิกิริยาของเพื่อนคือเงียบกริบ นิว บอส แล้วก็ปั้นมองหน้ากัน ก่อนที่ทั้งสามคนจะมองตรงมายังฉันแล้วส่ายหน้า
“แกเปลี่ยนคนชอบดีกว่าไหม” นี่นินิว
“จริง อย่าไปชอบเฮียน็อตเลย” นี่เสียงบอส
“ฉันว่าเสียเวลาเปล่า” แล้วเป็นปั้นที่ปิดท้ายด้วยถ้อยคำแสนเจ็บปวด
ขณะนั้นฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนไม่เห็นด้วย แต่พอเวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งขึ้นปีสอง ฉันก็ถึงบางอ้อ เพราะไม่ว่าจะพยายามรุกแค่ไหน อ่อยยังไง เฮียน็อตก็ไม่คิดจะเปิดใจ
“ทำไงได้ ก็ใจชอบคนนี้ อยากเป็นพี่สะใภ้หนูนิวใจแทบขาด” ฉันออเซาะเพื่อน กอดแขนเล็กแล้วเอาหน้าซบลาดไหล่
“เอาใจช่วยแล้วกันนะ” เป็นอีกครั้งที่นินิวตบไหล่ฉันอย่างให้กำลังใจ
“สวยซะเปล่า ไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์” บอสเบ้ปากส่งให้ฉัน ฉันจึงถลึงตาส่งคืนบ้าง
ไอ้เพื่อนชายใจหญิงมักจิกกัดฉันเสมอ บอกว่าฉันมีความสวยแต่ทำไมไม่รู้จักใช้ให้มันเกิดประโยชน์ บอสอยากให้ฉันคุยกับหลายคนที่เข้ามาจีบ ดีกว่าหมกหมุ่นอยู่กับเฮียน็อตแค่คนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ทำตาม นั่นก็เพราะฉันไม่ได้ชอบคนพวกนั้น ฉันชอบคนเย็นชา ชอบเวลาโดนดุ ชอบได้ยินเสียงแข็ง ๆ เอ่ยค่อนขอด แล้วก็ชอบคนที่กำลังมองฉันด้วยสายตาเรียบสนิทอย่างตอนนี้
“ไปตี้กันไหม” จู่ ๆ คนที่เบ้ปากใส่ฉันเมื่อสักครู่ก็พูดขึ้น
“ตี้อะไรอีก ก่อนเปิดเทอมก็พึ่งไป” ใช่ ก่อนเปิดเทอมเราก็พึ่งเมาหัวทิ่มมาหมาด ๆ นี่ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ดีด้วยซ้ำ ชวนอีกละ
“ถ้าเรื่องมากก็ไม่ต้องไป” บอสจิ้มหน้าผากนิวจนคนตัวเล็กกว่าเอนตัวไปด้านหลัง “ฉันไปกับชะนีฝันสองคนก็ได้ เนอะ”
มานงมาเนอะอะไรเล่า “เค ไปก็ไป”
เนื่องจากบอสรีเควสว่าวันนี้อยากจะแดนซ์ออนเดอะฟอ เราสองคนเลยเลือกผับแทนที่จะเป็นร้านนั่งชิว ซึ่งผับนี้ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสองมหา’ ลัย ถึงวันนี้จะเป็นวันพุธ ไม่ใช่วันศุกร์ เสาร์อาทิตย์ แต่อย่างนั้นคนก็หนาตามากอยู่ดี ก็อย่างว่า ทำเลทองแบบนี้ คนแน่นแทบทุกวัน
“วันนี้ชะนีแซ่บมากค่า” ปากชมนะ แต่สายตาหมั่นไส้กันแบบสุด ๆ
“เพื่อนบอสก็ใช่ย่อยเหมือนกันค่ะ กระดุมน่ะ ไม่ต้องติดก็ได้มั้ง” ฉันใช้มือจิ้มไปยังอกขาว ๆ ของบอส ที่เจ้าตัวติดกระดุมแค่สองเม็ดล่าง ส่วนสามเม็ดบนปล่อยเบลอ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใส่มาทำไม ถ้าใส่แล้วเหมือนไม่ใส่ขนาดนี้
“วิธีอ่อยเหยื่อค่ะ”
“ดูท่าจะได้ผล สาว ๆ มองแกตาเป็นมัน” ฉันหัวเราะเมื่อเห็นบอสทำสีหน้ารับไม่ได้
คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิง ถ้าไม่สนิทกันคือมองไม่ออกเลยว่าบอสเป็นสปีชีส์เดียวกับเรา ด้วยความที่มันเป็นคนหล่อ แถมเรียนสถาปัตย์ที่เป็นหนึ่งในคณะที่ผู้หญิงค่อนข้างชอบ ไหนจะส่วนสูงที่ควรค่าแก่การควง ลุคคุณชายที่เอาไว้หลอกล่อเหยื่อ ถ้าใจไม่แข็งพอคือโดนภาพลวงตาตกกันเป็นแถบ
“ชะนี แกอยู่คนเดียวได้ใช่ป่ะ”
“อย่าบอกว่าแกจะทิ้งฉัน?” ฉันขึงตาใส่ มองคนยิ้มกริ่มที่กำลังพยักหน้ารับด้วยสายตาคาดโทษ “ถ้าจะไปกับผู้ แล้วจะลากฉันมาด้วยทำไมห๊ะ!”
“ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนที่โดนใจ” ไอ้เพื่อนเลวใช้นิ้วชี้มาพันผมฉันอย่างหยอกล้อ แต่มีหรือฉันจะให้อภัยมัน
“แกต้องเลี้ยงข้าวฉันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ โทษฐานปล่อยให้คนสวยอย่างฉันต้องโดดเดี่ยว”
“โอเคได้ งั้นไปละ” รับปากอย่างง่ายดาย บอสยกแก้วเหล้าที่เหลือดื่มแล้วเดินตรงไปห้องน้ำ ส่วนฉันได้แต่อ้าปากค้างมองตามหลังตาปริบ ๆ
“ดีจริง ๆ เห็นผู้ชายแล้วทิ้งเพื่อน” ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้พึ่งเคยเกิด เกิดมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่เวลาที่ฉันหรือนิวมีเงื่อนไข บอสมันจะขี้เหนียวไม่ยอมกัน แล้วสุดท้ายก็ไม่ไป แต่วันนี้มาแปลก รับปากฉันไม่อิดออดเลยสักคำ ดูทรงผู้ชายคนนี้น่าจะพิเศษเอาเรื่องอยู่
“น้องฝัน? ใช่จริง ๆ ด้วย”
“สวัสดีค่ะพี่เวย์” ฉันค้อมหัวให้รุ่นพี่ร่วมคณะ ยิ้มมารยาทส่งไปให้เพราะไม่ได้สนิทกัน
“มาคนเดียวเหรอคะ”
“มากับบอสค่ะ”
“แล้วบอสไปไหนคะ ปล่อยให้สาวสวยนั่งคนเดียวแบบนี้ได้ยังไง” ฉันแอบกรอกตาพร้อมเสียงถอนหายใจ เริ่มรำคาญกับคำพูดคะขาชวนขนลุก
“ไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวก็มาแล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น พี่นั่งรอเป็นเพื่อน” อยากปฏิเสธแต่ก็ไม่ทัน เมื่อพี่เวย์เชิญตัวเองนั่งลงข้างฉันเรียบร้อยแล้ว
จุดที่ฉันอยู่เป็นเหมือนเคาน์เตอร์บาร์แต่อยู่บนชั้นสอง มีเก้าอี้มีโต๊ะวางยาวตามแนวระเบียง มองลงไปเห็นเวทีที่ตั้งอยู่ด้านล่าง เป็นโซนที่วิวดีที่สุดในร้าน สามารถนั่งชิว แล้วก็โยกย้ายได้แบบไม่อึดอัด
“พี่เวย์คิดจะทำอะไรทำอะไร” ฉันถามเสียงห้วน มองแขนที่พาดอยู่บนเอวด้วยความไม่พอใจ
“น้องฝันก็... อย่าทำเป็นไม่เข้าใจสิค่ะ พี่รู้นะ ว่าน้องฝันก็ไม่ธรรมดา”
ฉันแค่นหัวเราะ “ที่ว่าไม่ธรรมดา เรื่อง?”
“ดูจากการแต่งตัวพี่ก็รู้แล้วละค่ะ ว่าน้องฝันคงผ่านมาไม่น้อย” ไม่แค่พูด ยังใช้มือสกปรกบีบลงมายังสะโพก
ฉันพยายามสูดลมหายใจ จับหมับเข้าที่ข้อมือน่ารังเกียจแล้วสะบัดทิ้งไม่ไว้หน้า
“ฝันแน่ใจว่าความคิดต่ำ ๆ แบบนี้มีพี่คนเดียวที่คิดได้” ฉันลงจากเก้าอี้ มองคนปากพล่อยด้วยสายตาขยะแขยง “การแต่งตัวไม่สามารถบ่งบอกนิสัยคนได้หรอกค่ะ ดูอย่างพี่” ฉันลากสายตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “แต่งตัวดีเสียเปล่า คำพูดคำจาแม้แต่หมายังไม่แดก”
“มันจะมากไปแล้วนะ”
“ปล่อย!” ฉันพยายามสะบัดมือที่จับแขนแน่นให้หลุดออก พยายามขืนตัวไว้ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามลากฉันมาในที่ลับตาคน
“ปากดีอย่างเธอต้องโดนสั่งสอน” ฉันเบ้หน้าเมื่อแผ่นหลังกระแทกเข้ากับผนังปูนเย็นเฉียบ “ดูซิว่าถ้าโดนฉันกระแทก ยังจะปากดีอยู่อีกไหม” ไอ้สารเลวแสยะยิ้ม มันพาตัวเองมาทาบทับฉันเอาไว้ ด้วยเรี่ยวแรงที่ต่างกันมาก ทำให้ฉันไม่สามารถขยับหนี
“แล้วถ้ามึงโดนตีนกระแทกบ้าง จะรู้สึกยังไงนะ” น้ำเสียงเข้มจัดทำให้คนที่กำลังกดจูบลงมาชะงักนิ่ง มันเอี้ยวตัวมองด้านหลัง ซึ่งฉันเองก็อดไม่ได้ที่จะมองตาม
“ฮะ เฮีย” เฮียน็อตเป็นเจ้าของประโยคนั้น คนพี่ละสายตามามองกัน ก่อนที่จะหันกลับไปมองหน้าคนที่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากฉัน
“ว่ายังไง มึงอยากลองโดนตีนกูกระแทกดูบ้างไหม?”