ตอนที่ 2 แผนการแรก
ภายในห้องนอนร่างเล็กภายใต้ผ้าห่มขมวดคิ้วขยับดิ้นใบหน้าแม้ยามหลับกลับเต็มไปด้วยเหงื่อเหมือนกำลังทรมานก่อนจะดวงตากลมโตจะลืมขึ้น ร่างเล็กเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกมึนงงด้วยความรีบร้อนและยังตื่นไม่เต็มตาเลยยังไม่สังเกตเห็นความผิดปกติบนร่างกายตัวเอง หลังจากทำธุระเสร็จแล้วจึงได้เดินมาล้างหน้า
“เชี้ย! ใครวะเนี้ย!” ร่างเล็กมองเงาสะท้อนของตัวเองด้วยความตกใจ เขาพยายามหยิกแก้มตัวเองเพื่อทดสอบว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่าแต่มันกลับเจ็บทำให้เขารู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน ไม่ว่าเขาจะขยับยังไงเงาในกระจกก็ทำตาม
“อะไร นี่ทำงานเยอะจนเบลอเลยเหรอ” อภิชาตลองใช้นิ้วก้อยแคะจมูกตัวเองแม้แต่การกระทำทุเรศไม่สมกับใบหน้าน่ารักเงาก็สะท้อนตาม
“นะนี่หรือว่า ต่างโลก!? เดี๋ยวแต่ยังไม่ตายนี่” เขาคือ อภิชาต หนุ่มเกย์อายุยี่สิบปีเขาไม่ได้รูปร่างแบบนี้ทั้งอ้วนและดำใบหน้าเต็มไปด้วยสิวไม่ว่าจะรักษายังไงก็ไม่หาย นิ้วขาวยาวสีขาวผ่อง ใบหน้างดงามจิ้มลิ้ม เอวบางและตัวเล็ก นี่มันร่างในฝันของเขาเลย หลังจากสำรวจตัวเองจนพอใจร่างเล็กก็มาที่ห้องนอนพยายามหาข้อมูลของคนคนนี้ระหว่างที่กำลังเปิดสมุดก็เจอกับชื่อที่คุ้นเคยก่อนที่ร่างเล็กจะทรุดตัวลง
“อัค” ความเจ็บปวดเกิดขึ้นข้อมูลมากมายไหลเข้าสู่สมองร่างนี้มีชื่อว่า น้ำเพชร อภิชาต ปรชัย อายุ 22 ปีและเพิ่งเรียนจบบัญชีแม้ว่าจะเป็นนักศึกษาทุนและอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้ามาแต่ก็มีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าคือร่างนี้คือนายเอกของนิยายเรื่อง จักรพรรดิน้ำแข็ง! เขาหลุดมาในโลกของนิยาย!!! เขาเพิ่งอ่านนิยายเรื่องนี้จบเมื่อไม่กี่วันก่อนแม้จะเป็นพล็อตน้ำเน่าแต่ก็ได้รับความนิยมอย่างมากมาย
“ที่นี่คือโลกนิยายเหรอ” หลังจากที่หายจากอาการปวดหัวอภิชาตจึงเดินไปที่หน้าต่างภาพมุมสูงของเมืองนั้นเจริญเต็มไปด้วยรถมากมายที่นี่ดูไม่ต่างจากโลกจริง ๆ ที่เขาเคยจากมา ใบหน้าน่ารักฉายแววเคร่งเครียดแม้ว่าร่างนี้จะน่ารักแต่เขาต้องกลับไปที่โลกแห่งความเป็นจริง! เขายังมีคนที่เขาแอบรักอยู่...เขาอยากกลับไปหาคนคนนั้น
“ทำยังไงดี” ร่างเล็กทรุดตัวนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงขยำผมตัวเองอย่างใช้ความคิดก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างขึ้น อภิชาตนึกอะไรดีดีขึ้นมาได้หากนี่คือโลกนิยายถ้าเขาดำเนินเรื่องเหมือนเดิมจะต้องกลับไปโลกเดิมได้แน่! เขาเดินไปที่โทรศัพท์เพื่อดูวันที่เขารู้พล็อตเรื่องทุกอย่างอีกไม่นานนายร้าย ข้าวตัง และ ตัวร้าย กวิน จะได้เจอกัน แต่มันเหลืออีกตั้งครึ่งปี เขารอขนาดนั้นไม่ไหว! แต่ยังไงทั้งคู่ก็ต้องเจอกันอยู่แล้วเขาต้องทำให้ทั้งคู่เจอกันเร็วกว่าเดิม
....
“วันนี้เฮียนึกยังไงชวนผมมาเที่ยว” ข้าวตังเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่กำลังทำอาหารเช้า ด้านหลังมีภามกำลังมองบั้นท้ายขยับไปมาด้วยสายตาหื่นกระหาย แก้มก้นภายใต้กางเกงยีนเขารู้ดีว่ามันนิ่มมากแค่ไหน ไหนจะผิวขาว ๆ ที่ดูดแค่นิดเดียวก็สร้างรอยไว้แล้ว
“หนูฝันร้ายไง วันนี้เดี๋ยวเฮียพาเที่ยว วันนี้เฮียจะเป็นเสี่ยของหนูเอง” ข้าวตังแอบเบะปากเมื่อได้ยินแบบนั้น รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดตงิด
“อ๋อ ถ้าผมซื้อเยอะ ๆ เฮียอย่าบ่นนะ จะซื้อให้เงินเฮียหมดบัญชีเลย” ระหว่างที่พูดก็ตักข้าวผัดใส่จานเอาไปวางไว้บนโต๊ะ ภามมองอาหารด้วยสายตาเป็นประกาย
“ตามสบายครับผม” ข้าวตังส่ายหน้าเมื่อได้ยินแบบนั้น หลังจากที่ทานอาหารเสร็จทั้งคู่ก็ไปที่ห้างหรูใจกลางเมืองในช่วงวันหยุดแบบนี้ห้างเต็มไปด้วยคนมากมายบางคนก็มาเดินเที่ยวกันกับครอบครัวบางคนก็มาเดินตากแอร์ใช้ไวไฟฟรี เมื่อเดินเข้ามาทั้งสองก็ตกเป็นเป้าสายตาแต่ความจริงส่วนมากภามต่างหากที่ถูกมองด้วยสายตาของสาวน้อยสาวใหญ่ แม้แต่แม่ที่กำลังอุ้มลูกก็มองด้วยสายตาสนใจ ข้าวตังรู้สึกไม่พอใจเขาเองก็หน้าตาดีไม่ใช่น้อยทำไมสาว ๆ ไม่เห็นมองเขาบ้างเลย!
ภามกระตุกยิ้มเมื่อเห็นคนข้างกายหน้ามุ่ยเดินนำไปก่อน กระต่ายน้อยของเขาช่างน่ารักแม้กระทั่งยามใบหน้าบูด เขาเดินตามจนทันก่อนจะโอบเอวข้าวตังไว้สายตารอบข้างมองแม้ว่าการรักเพศเดียวกันจะเป็นที่ยอมรับมากกว่าเดิมแต่ก็มีน้อยมากที่จะมีคู่ไหนที่โอบเอวเดินห้างกันอย่างเปิดเผยแบบนี้
“เฮีย ออกไปอายคนอื่น” ข้าวตังหน้าแดงเมื่อเห็นสายตามากมายมองมีทั้งสายตาอิจฉาของสาว ๆ สายตาแปลกใจและสายตาชอบใจ เอิ่ม เขาก็ไม่รู้ว่าชอบใจอะไร
“เดี๋ยวหนูหลงไง” ภามไม่สนใจแรงดิ้นของคนในอ้อมกอด ข้าวตังหน้ามุ่ยสุดท้ายก็ต้องยอมเดินตามแรงอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งคู่เดินอย่างไม่รีบร้อนก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ร้านเครื่องประดับที่ชั้นห้าภามเดินเข้าไป ด้านในมีลูกค้าไม่มากภายในร้านหรูหราสมกับเป็นร้านเครื่องประดับราคาแพง
“ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานยิ้มอย่างสุภาพเธอมีความเป็นมืออาชีพแม้ว่าครั้งแรกจะตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าของภามแต่ก็ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็วแม้จะเจอลูกค้ามาเยอะแต่เธอไม่เคยเจอใครดูดีขนาดนี้ด้วยความที่เธอจำต้องต้อนรับลูกค้าที่ร่ำรวยเธอเคยอ่านนิตยสารธุรกิจเธอเจอภาพของลูกค้าคนนี้บ่อยมาก ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศและข่าวล่าสุดเพิ่งเทคโอเวอร์ห้างนี้ซึ่งเป็นห้างหรูขนาดใหญ่
“เฮียอยากได้อะไรเหรอ” ข้าวตังหันไปถามคนด้านข้างร้านหรูหราแบบนี้เขาไม่เคยเข้ามาก่อนแม้ว่าก่อนหน้านี้ภามจะซื้อของให้มากมายแต่เขาไม่เคยมาเลือกซื้อด้วยตัวเอง เครื่องประดับมากมายราคาแต่ละชิ้นแสนแพงแค่เห็นก็รู้สึกเข่าอ่อน กำไลเส้นเดียวก็เป็นแสน! โธ่ ชีวิตคนรวยกับคนจนช่างแตกต่างจริง ๆ
“ซื้อให้หนูไง จำไม่ได้เหรอวันนี้วันเกิดหนูนะ” ข้าวตังชะงัก ภามหัวเราะในลำคอดูเหมือนอีกคนจะลืมจริง ๆ วันนี้เป็นวันเกิดอายุ 23 ปีของข้าวตัง ปกติทุกวันข้าวตังยุ่งอยู่กับร้านดอกไม้เขาเลยไม่ค่อยได้สนใจเรื่องของตัวเองมากเท่าไหร่ไม่คิดเหมือนกันว่าจะลืมวันเกิดของตัวเองได้
“ลืมสนิทเลย แต่เฮียไม่ต้องซื้อให้ก็ได้นะครับ ของที่เฮียเคยซื้อให้ก็เต็มห้องแล้ว อย่าบอกนะว่าของพวกนั้นก็ราคาแบบนี้” ข้าวตังอดบ่นไม่ได้เฮียภามคงเป็นแฟนในอุดมคติของหลาย ๆ คนทั้งหล่อทั้งรวยแถมสายเปย์สุด ๆ แต่บางครั้งมันก็มากเกินไปที่คอนโดมีห้องสำหรับเก็บเครื่องประดับด้วย ใช่แล้ว! ห้องเก็บเครื่องประดับ! กระเป๋า รองเท้า แหวน สร้อย ต่างหู สร้อยข้อมือ เข็มขัด มีเยอะมากถึงมากที่สุด! เขาคาดว่าของในห้องนั้นต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสิบล้านแน่นอน
“ซื้ออีกไงเผื่อหนูเบื่อ” ภามหยิบแหวนขึ้นมาดูมันเป็นสีเงินดูเรียบ ๆ ขอบเป็นสีดำเงาแม้มันจะดูเป็นแหวนโง่ ๆ แต่ก็มีมูลค่าถึง 2 แสนบาทเขาอยากจะโยนมันทิ้งแล้วตะโกนด่าคนคิด!
“ผมมีแค่สิบนิ้วไหมครับ แหวนในห้องมีเป็นยี่สิบสามสิบวง” ข้าวตังถอนหายใจในห้องนั้นไม่ใช่แค่ของเขาคนเดียวยังมีของภามผสมกันด้วยมันเลยเยอะมาก ๆ บางทีเขาก็คิดว่าเฮียภามใช้เงินสิ้นคิดมากเกินไป
“งั้นหนูไม่เอาแหวนจะเอาอะไรดี สร้อยคอดีไหม หรือสร้อยข้อมือ” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังหยิบสารพัดเครื่องประดับมาวางเรียงรายไว้พลางทำสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเลือกไม่ถูกว่าจะเอาชิ้นไหนดี
“ตามใจเฮียเถอะครับ” ข้าวตังรู้สึกอ่อนใจระหว่างที่รอภามเลือกเครื่องประดับก็มีแจ้งเตือนเพจร้านเป็นคนสั่งดอกไม้มารับวันพรุ่งนี้
เมื่อคุยกับลูกค้าจบก็ประจบเหมาะกับภามคิดเงินเสร็จพอดี ข้าวตังขมวดคิ้วเมื่อเห็นกล่องมากมายในถุงขนาดใหญ่
“เฮีย ทำไมมันเยอะจัง” หลังจากคิดเงินเรียบร้อยพนักงานก็ส่งถุงกระดาษขนาดใหญ่ให้และส่งบัตรเครดิตสีทองตามมาทีหลัง ใบหน้าของพนักงานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุขวันนี้วันเดียวเธอทำยอดได้หลักล้านเดือนนี้เธอคงได้ค่าคอมมิชชั่นเยอะแน่ ๆ!
“เฮีย อย่ามาเนียนเงียบตอบมาเลย” เมื่อเดินออกมาจากร้านข้าวตังก็เอ่ยขึ้น
“เฮียเลือกไม่ได้นี่นาแถมมันก็สวยหนูใส่แล้วต้องดูดีแน่ ๆ” ภามมองคนตัวเล็กกว่าด้วยสายตาหงอยราวกับสำนึกผิด สุดท้ายข้าวตังก็ได้แต่ถอนหายใจปล่อยเลยตามเลย
“เฮีย ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”
“ครับผม เดี๋ยวเฮียเอาของไปฝากเคาน์เตอร์รอตรงนี้นะ” ข้าวตังพยักหน้าก่อนจะเดินแยกไปทางห้องน้ำ การแยกกันของทั้งสองคนอยู่ในสายตาของน้ำเพชรหรืออภิชาต วันนี้เป็นแผนการเริ่มต้นของเขา เขาจำได้ว่าวันนี้เวลาประมาณนี้กวินจะเข้าห้องน้ำหลังจากที่เพิ่งคุยธุรกิจเสร็จเขาต้องการให้สองคนนั้นเจอกัน สายตาของเขาจับจ้องที่ห้องน้ำไม่นานนักข้าวตังก็เดินออกมาประจวบเหมาะกับกวินที่กำลังเดินเข้าพอดีทำให้ทั้งคู่ชนกันข้าวตังไม่ได้ล้มลงไปเพราะกวินโอบเอวไว้พอดี
“อ่ะ ขอโทษนะครับ” ข้าวตังก้มหัวให้ก่อนจะดันตัวเองออกจากอ้อมกอด เงยหน้ามองอีกคนเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใบหน้าหล่อเหลา
“ไม่เป็นอะไรครับ คุณเจ็บตรงไหนไหม” กวินมองใบหน้างดงามแม้จะแนบชิดเพียงเสี้ยววินาทีก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มและกลิ่นกายที่หอมหวาน
“ไม่ครับ ขอบคุณครับ” ข้าวตังเอ่ยก่อนจะขอตัวเดินออกมา กวินมองแผ่นหลังเล็กเดินหายออกไปอย่างเสียดาย เขาไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่ดูสวยและหล่อแบบลงตัว เป็นคนที่มีเสน่ห์น่ามองน่าเสียดายที่เขาได้สัมผัสเพียงไม่นาน
_________________________________
เรื่องราวจะไปในรูปแบบไหนกันนะ !? ตามลุ้นกันโลดดด ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ได้นะคะ ❤