ตอนที่ 1 ความฝันที่เลือนราง

2333 Words
ตอนที่ 1 ความฝันที่เลือนราง เสียงกระดิ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีคนกำลังเข้าร้าน ภายในร้านดอกไม้ขนาดกลางดอกไม้นานาพันธุ์กำลังเบ่งบานส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั้งร้าน นอกจากนี้ยังมีโซนคาเฟ่สำหรับคนที่ชื่นชอบดอกไม้ โซนที่นั่งสำหรับลูกค้ามีหญิงสาวหลายคนกำลังนั่งดื่มน้ำปั่นและทานขนมเค้ก พวกเธอหันไปมองตามเสียงด้วยความสนใจก่อนที่ใบหน้าของพวกเธอจะแดงระเรื่อก่อนจะก้มลงกดโทรศัพท์แก้ความเขินอาย นี่เป็นปฏิกิริยาของผู้หญิงที่พบกับ ณภัทร ติณณภพ เป็นครั้งแรก รูปร่างสูงโดดเด่นแม้จะยืนท่ามกลางฝูงชนผิวภายใต้เสื้อเชิ้ตเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตามนิสัยคนชอบออกกำลังกาย ใบหน้าโดดเด่นบรรยากาศแผ่ออกมารอบตัวทำให้ได้ฉายาว่า จักรพรรดิน้ำแข็ง ไม่เพียงรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นเขายังเป็นคนที่ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จไวที่สุดอายุเพียงยี่สิบแปดแต่สามารถนำพาบริษัทเทคโนโลยีให้เป็นที่รู้จักและมีคนติดต่อเข้ามาเพื่อกระจายสาขาออกไปต่างประเทศ หญิงสาวหลายคนต่างแอบมองคนเข้ามาใหม่ด้วยสีหน้าเขินอายและตื่นเต้นต่างก็คิดในใจว่าจะลองเข้าไปทักทายเพื่อสานสัมพันธ์ดีไหม ผู้หญิงมีหลากหลายนิสัยทั้งขี้อายและกล้าหาญ “สวัสดีค่ะ” หญิงสาววัยรุ่นใบหน้าน่ารักเสื้อสีขาวและกางเกงยีนสีดำทำให้เธอดูเป็นคนเป็นกันเอง หญิงสาวหลายคนที่แอบมองอยู่รู้สึกไม่พอใจพวกเธอก็อยากเป็นคนเข้าไปทักหนุ่มหล่อคนนี้ ณภัทรเหลือบตามองหญิงสาวที่หยุดอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่งสำหรับเขาแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกหญิงสาวเข้ามาทักมันค่อนข้างน่าเบื่อและหงุดหงิดแต่เขาจำเป็นต้องเก็บอารมณ์พวกนั้นไว้ถึงอย่างไรพวกเธอก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดจนต้องโกรธจริงจัง “คุณสนใจนั่งกับเราไหมคะ” เธอเงยหน้ามองคนตรงข้ามเมื่ออยู่ในระยะใกล้เธอเห็นใบหน้าของเขาชัดเจนขึ้น จมูกของเขาโด่งเป็นสัน ดวงตาเรียวฉายแววเรียบนิ่งริมฝีปากของเขาเป็นสีเนื้อมันไม่แดงและไม่คล้ำ เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากที่สุดตั้งแต่ที่เธอเคยเห็นมาบรรยากาศรอบตัวเขาเหมือนเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ “ไม่” เสียงทุ้มตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบเหมือนเดิมก่อนจะเดินหลีกออกมา น่าแปลกทั้งที่โดนปฏิเสธแต่หญิงสาวกลับยืนหน้าแดงเหมือนสติได้หลุดออกจากร่างไปแล้วจนเพื่อนสาวที่นั่งลุ้นอยู่ที่โต๊ะจำต้องลากเพื่อนกลับมา ภายในห้องครัวเต็มไปด้วยกลิ่นขนมร่างเพรียวกำลังนั่งตกแต่งหน้าเค้กด้วยท่าทางจริงจังผมสีเทาถูกมัดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้หล่นลงไปในขนม ชุดกันเปื้อนสีอ่อนมัดที่เอวทำให้เห็นว่าเขามีเอวบางมากขนาดไหน ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มเมื่อตกแต่งเค้กเสร็จเรียบร้อยก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีคนมองอยู่ “เฮียมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ข้าวตังลุกจากเก้าอี้เอียงคอมองคนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ณภัทรกำลังตกตะลึงเมื่อเห็นข้าวตังยืนขึ้นชุดกันเปื้อนลายกระต่ายน้อยที่เขาเป็นคนซื้อให้เขาไม่คิดว่าข้าวตังจะยอมใส่มัน มันน่ารักจนเขาอยากจะอุ้มอีกคนไปที่ห้องนอนและจัดการทำบางอย่างขณะที่ใส่ชุดกันเปื้อนลายนี้ “อ่า เฮียแค่คิดว่าคืนนี้หนูใส่ชุดนี้นอนกับเฮียได้ไหม” คำพูดตรงไปตรงมาของณภัทรทำให้ข้าวตังหน้าแดงระเรื่ออ้าปากกว้าง “เฮีย หน้าไม่อาย! ออกไปเลย!” คนหน้ามึนไม่ได้สนใจเดินเข้าไปหาข้าวตังโอบกอดร่างเพรียวไว้แม้ว่าคนในอ้อมกอดจะดิ้นอย่างไม่ยินยอมแต่ก็สู้แรงของณภัทรไม่ได้สุดท้ายก็ต้องยืนให้อีกคนพรมจูบไปทั้งหน้า “วันนี้หนูน่ารักจังเลย หนูใส่ชุดที่เฮียซื้อให้ด้วย” กลิ่นขนมและกลิ่นดอกไม้ผสมกันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย “เพราะว่าชุดเก่าหายต่างหาก” ข้าวตังใช้มือดันหน้าของณภัทรออก หลังจากที่ซุกไซ้จนพอใจแล้วณภัทรถึงได้ขยับออกด้วยสีน่าเสียดายแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้ปล่อยข้าวตังออกจากอ้อมกอด “อย่างนั้นเอง ที่ห้องเฮียซื้อไว้อีกชุดเผื่อเวลาจะใช้จะได้ไม่ต้องสลับ” “ใช้อะไร! เฮียอย่าพูดอะไรแปลก ๆ นะ” ข้าวตังถอนหายใจสุดท้ายก็ดันณภัทรออกสำเร็จ “ตอนนี้ทำเขิน พอเฮียทำจริงหนูก็ออกจะชอบร้องว่าแรงอีก แรงอีกตลอด” “เฮียไม่ต้องพูดเลย แล้วเข้ามาในครัวทำไมครับมันมีกลิ่นเดี๋ยวก็ติดเสื้อผ้า” เสื้อและกางเกงแบรนด์เนมราคาแพงถ้าเกิดติดกลิ่นแล้วซักไม่ออกขึ้นมาเสียดายแย่ “เฮียรวยซื้อใหม่ได้” “ครับ ครับ ไปรอที่ข้างบนก่อนอีกไม่นานร้านก็จะปิดแล้ว” ข้าวตังดันหลังของณภัทรออกจากห้องครัว อีกไม่นานร้านก็จะปิดแล้ว ร้านนี้เป็นร้านดอกไม้เล็ก ๆ ขนมส่วนมากเขาสั่งมาจากที่อื่นมีส่วนน้อยที่จะทำเองส่วนมากขนมต่าง ๆ จะมีดอกไม้เป็นส่วนประกอบทั้งส่งกลิ่นหอมและเข้ากับบรรยากาศ ร้านนี้มีเขาทำงานอยู่คนเดียวแต่เพราะคนไม่เยอะมากเลยไม่ได้มีปัญหาอะไร เวลาล่วงเลยมาถึงตอนปิดร้านหลังจากที่ลูกค้าออกไปหมดแล้วณภัทรก็ลงมาช่วยยกเก้าอี้และทำความสะอาดแม้ว่าข้าวตังจะเคยห้ามหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผลสุดท้ายเลยต้องปล่อยเลยตามเลย หลังจากเช็กทุกอย่างแล้วถึงได้เดินมานั่งที่โซฟา ร้านนี้เป็นร้านที่เขาเปิดด้วยเงินเก็บก้อนเดียวในชีวิตแม้ว่ามันจะไม่ใช่ร้านใหญ่แต่มันก็เต็มไปด้วยความสุข “คิดอะไรอยู่ ไปดินเนอร์กันเถอะ อยากทำอาหารไหมหรือจะสั่งดี” ณภัทรโอบเอวข้าวตังไว้ใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงออกเย็นชาแต่เมื่ออยู่กับข้าวตังจะแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรัก ข้าวตังเงยหน้ามองก่อนจะจับมือที่โอบเอวตัวเองไว้ “ทำเองดีกว่าครับ” การถูกเอาใจก็ไม่ใช่เรื่องแย่ … “เฮีย” “หื้ม?” “เฮีย!” “หื้ม โอ๊ย! หนูทำไมต้องรุนแรงกับเฮียด้วย!” ภายในห้องครัวหลังจากถูกเข่ากระแทกเข้าที่หว่างขา ใบหน้าของณภัทรบิดเบี้ยวมองร่างบางด้วยแววตาน้อยใจ ข้าวตังมองร่างใหญ่ด้วยแววตาเย็นชาอย่างไม่สนใจก่อนจะหันหลังกลับไปทำอาหารต่อ ภายในห้องครัวมีกลิ่นอาหารลอยกลิ่นเปรี้ยวและหวานของต้มยำทะเล ร่างบางในชุดผ้ากันเปื้อนลายกระต่าย ณภัทรมองบั้นท้ายขยับไปมาตามความเคลื่อนไหวของข้าวตังรู้สึกลำคอแห้งผากอยากจับคนตรงหน้ามาทำเรื่องดีงามแต่พอคิดแบบนั้นเหมือนร่างตรงหน้าสัมผัสได้ถึงเจตนาจึงได้หันกลับมามองด้วยแววตาไม่เป็นมิตร “ทำไมหนูชอบใจร้ายกับเฮีย เฮียผิดอะไร” ข้าวตังหันกลับไปปิดแก๊สก่อนจะหันกลับมาหาณภัทรอีกครั้งเท้าขาวเนียนอยู่ภายใต้สลิปเปอร์ ณภัทรมองตามเท้าขาวอย่างหลงใหลอยากจับมันขึ้นมาจูบแม้แต่เท้ายังสวย “เฮียไม่น่าถาม ผมทำอาหารอยู่ยังจะมากวนไม่เลิก” กล่าวจบเท้าขาวก็ยกขึ้นหมายจะซ้ำเข้าไปในกล่องดวงใจอีกครั้งแต่ครั้งนี้ณภัทรรู้ทันจึงได้จับข้อเท้าไว้ เมื่อสมดุลการยืนหายไปร่างบางก็โอนเอนก่อนจะใช้มือจับเคาน์เตอร์ครัวไว้ “หนูสวย หนูน่ารักไง” ไม่พูดเปล่าณภัทรก้มหน้าลงจุมพิตที่เท้าเนียนสีผิวที่สม่ำเสมอแตกต่างจากผิวเท้าของคนทั่วไปหากถ่ายรูปนำไปขายให้แก่คนคลั่งเท้ารับรองว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้มหาศาลแต่ณภัทรไม่มีความคิดนั้นเรื่องอะไรเขาจะยอมให้คนอื่นมามองของของเขา “ปล่อยเลยเฮียจะกินข้าวไหม” ข้าวตังเอ่ยเสียงแข็งมองคนที่อยู่ต่ำกว่าด้วยแววตาดุดันแต่ในสายตาของณภัทรมันกลับดูน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนแมวน้อย แม้จะเสียดายแต่ภามก็จำต้องปล่อยเท้าลงไม่ลืมสวมใส่สลิปเปอร์กลับใส่เหมือนเดิม สลิปเปอร์ลายกระต่ายน้อยเป็นของที่เขาประมูลมาเองมันเป็นของแรร์พอเท้าเนียนสวยใส่มันช่างเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกนุ่มฟู อาหารถูกวางเรียงอย่างเป็นระเบียบโต๊ะขนาดเล็กภายในห้องครัวมีสองร่างนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ข้าวตังมองกุ้งถูกแกะวางใส่จานตัวเอง เฮีย หรือ พี่ภาม เป็นแบบนี้เสมอทุกครั้งที่กินอะไรก็ตามที่ต้องแกะจะทำให้ตลอดแม้ว่าข้าวตังจะไม่ต้องการให้ทำแบบนั้นการกระทำที่ใส่ใจผิดกับใบหน้าที่ดุดัน “พอแล้วเฮีย เฮียกินบ้างสิ” เมื่อเห็นว่าตอนนี้บนจานข้าวของตัวเองเต็มไปด้วยกุ้งข้าวตังจึงได้เอ่ยขัดขึ้นหากเขาไม่พูดภามคงไม่หยุดแกะให้ “หนูต้องกินเยอะ ๆ สิเฮียจะได้กอดเต็มไม้เต็มมือ” “แค่นี้ก็กินไม่หมดแล้ว เสียดาย” เมื่อเปรียบรูปร่างกันแล้วภามคงต้องกินมากกว่าข้าวตังหลายเท่า “ก็ได้” ข้าวตังตักกุ้งบางส่วนไปใส่จานของภามหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ทานอาหารอย่างเรียบง่าย หลังจากที่อิ่มข้าวตังเทน้ำใส่แล้วสองแก้วก่อนจะวางไว้บนโต๊ะสำหรับอีกคน ภามอมยิ้มมองร่างบางเดินออกจากครัวไปแล้วแม้ว่าจะบ่นนู่นนี่ตลอดแต่ข้าวตังก็ใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอเพราะแบบนี้เขาถึงได้หลงกระต่ายน้อยหัวปักหัวปำ ช่วงค่ำภายในห้องนั่งเล่นโทรทัศน์กำลังฉายภาพยนตร์แฟนตาซีซอมบี้เลือดสาดสายตาของข้าวตังมองไม่กะพริบบ่งบอกว่าเจ้าตัวชอบมันมากแค่ไหน ภามเดินมานั่งด้านข้างก่อนจะอุ้มข้าวตังมานั่งบนตักอย่างง่ายดาย คนถูกรบกวนขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ละสายตาจากฉากตรงหน้าพระเอกและนางเอกกำลังอยู่ในฉากวิกฤตซอมบี้นับร้อยกำลังไล่ตามอย่างดุเดือด “หนูไม่สนใจเฮียเลย” มือใหญ่เล่นผมสีเทามืออีกข้างโอบเอวบางไว้กลิ่นแชมพูหอมอ่อน ๆ ฟุ้งกระจายตามการขยับ ภามจับผมอย่างเบามือก่อนจะรวมมันไปอยู่ข้างเดียวกันเผยให้เห็นคอเรียวยาวด้านหลัง “เฮียอย่ากวน กำลังสนุกเลย” สัมผัสเปียกนุ่มที่หลังคอทำให้คนบนตัวขนลุกไปทั้งตัวก่อนจะเอ่ยดุออกมา แต่ภามไม่สนใจพรมจูบไปที่คอเรียวไม่เพียงเท่านั้นยังดูดเม้มจนขึ้นรอยสี “โอ๊ย” ศอกกระแทกเข้าที่หน้าท้องอย่างจังแม้จะเกร็งตัวรับไว้แต่ก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บ เมื่อหนังจบแล้วข้าวตังจึงได้ขยับตัวออกจากตักมองคนด้านข้างด้วยสายตาบึ้งบูด “หนูชอบทำร้ายเฮียตลอด หนูทำเฮียเจ็บหนูต้องปลอบใจเฮียนะ” สุดท้ายแม้ว่ากระต่ายจะวิ่งเก่งเพียงใดก็ถูกหมาป่าจับได้และขยำจนอ่อนระทวยนอนหมดแรงที่โซฟาสายตาหวานเยิ้มและเสียงครางหวานดังอยู่ภายในห้องนั่งเล่นครึ่งคืนก่อนจะเปลี่ยนสถานที่ไปดังในห้องนอนกว่าเสียงจะเงียบไปฟ้าด้านนอกก็เปลี่ยนเป็นสีส้มเหลืองแล้ว ‘ทำไมนายทำแบบนี้ นาย....มัน.....ทำไม....’ ร่างสั่นตามแรงโยกของคนพูด เสียงที่ขาดห้วงฟังไม่เข้าใจแต่ถึงอย่างนั้นกลับรับรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังเจ็บปวดมากขนาดไหน ร่างที่ถูกเขย่าปัดมือออก ‘ผม...ไม่ต้อง.....ไป.!..’ เสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่งคนกำลังโกรธและหนึ่งคนกำลังทรมาน แม้จะฟังทั้งคู่ไม่เข้าใจแต่ก็รับรู้ถึงอารมณ์ของทั้งสองคนได้ ในภาพที่เบลอและเลือนรางมีใครบางคนเดินเข้ามาหาร่างเล็กและโอบกอดไว้ แม้จะไม่เห็นใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ที่พื้นแต่ก็รับรู้ได้ว่ากำลังเจ็บปวดมากขนาดไหน ทำไมกันนะ...ทำไมเขาถึงได้เศร้าตามขนาดนี้ ทั้งที่ไม่รู้ว่าคนพวกนี้คือใครไม่เห็นใบหน้าด้วยซ้ำ เมื่อสองร่างเดินออกไปก็มีร่างเล็กอีกคนเดินเข้ามาหาคนที่นั่งอยู่กับพื้น ‘ไม่เป็นไรครับ หลังจากนี้ผมจะอยู่กับคุณเอง’ ข้าวตังสะดุ้งลืมตาขึ้นตอนนี้ท้องฟ้ายังมืดสนิทสัมผัสเปียกแฉะที่ใบหน้าทำให้รู้ว่าเขากำลังร้องไห้ เป็นแบบนี้อีกแล้ว...เขาจำได้ว่าเมื่อกี้ฝันอะไรบางอย่างและมันเศร้ามาก แต่เขากลับจำมันไม่ได้ “ฝันร้ายเหรอ” แรงที่โอบกอดกระชับขึ้นข้าวตังพยักหน้าขยับไปซุกหน้าลงกับอกแกร่งความฝันที่เขาไม่ชอบตั้งแต่เขาอายุได้ประมาณสิบแปดก็เริ่มฝันแปลก ๆ แต่ก็ปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้เลยได้แต่ปล่อยผ่านแม้จะเคยไปพบจิตแพทย์แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย “นอนเถอะ เดี๋ยวเฮียอยู่เฝ้าจนกว่าจะหลับเลย” ข้าวตังพยักหน้าก่อนจะหลับตาพยายามลืมความรู้สึกแย่ ๆ ภามมองร่างที่หลับสนิทไปแล้วข้าวตังไม่ได้ฝันร้ายมาหลายเดือนแล้วเขาคิดว่าหายสนิทแล้วแต่ไม่คิดว่าจะยังเป็นอยู่หรือว่าจะเครียดมากเกินไปเขาควรพาข้าวตังออกไปเที่ยวเล่นบ้าง ----------------------------------------------  ฝากติดตามด้วยนะคะ❤ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD