“ทำตัวดีๆอย่าให้ฉันต้องขายขี้หน้า”
เสียงของไขศรีดังขึ้นในทันทีที่รถเบนซ์ของเธอจอดตรงหน้าร้านพรีเวดดิ้งขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพเพื่อสั่งให้หลานสาวที่กำลังจะได้เป็นเจ้าสาวทำการรักษาหน้าตาของเธอเอาไว้ด้วย
เพราะวันนี้ไม่ใช่มีแค่คนในครอบครัว แต่ยังมีทั้งช่างแต่งหน้าทำผมรวมไปถึงช่างภาพอีกด้วย
เธอเป็นถึงคุณหญิงผู้มีคนรู้จักมากมายทางสั่งคมไม่อยากจะเสียชื่อเสียงอันมีน้อยนิดไปอีก
“ค่ะ”
ณลินที่เพิ่งจะลืมตาตื่นหลังจากหลับพักเอาแรงในรถด้วยเมื่อคืนเธอทำงานจนเกือบสว่างเอ่ยรับปากไปแบบนั้นโดยไม่คิดจะทำ เพราะเธอไม่เคยทำตามที่คุณหญิงยายของเธอสั่งอยู่แล้วไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
“ไปได้แล้ว”
ไขศรีพอสบายใจขึ้นมาบ้างก็รีบเร่งให้หญิงสาวเดินเข้าไปภายในร้านเสียเพื่อจะได้ไปรออีกฝ่ายที่ยังมาไม่ถึง
จะได้ทำให้ทางนู้นเข้าใจว่าหลานสาวของเธอกลับตัวเป็นคนดีขึ้นแล้วและรู้จักที่จะมารออีกด้วย
“วันนี้ฉันได้เจอกับเขาอีกแล้ว ต้องถ่ายรูปคู่กันด้วยคงจะได้แนบชิดกันน่าดู นึกแล้วก็แบบว่าใจเต้นแรง”
แต่ณลินกลับหันไปกระซิบพูดคุยกับวาสิตาที่เพิ่งจะเดินลงมาจากรถราวกับเป็นพี่ที่อยากจะคุยกับน้องตลอดเวลา
ส่งถ้อยคำเยาะเย้ยถากถางออกไปให้อีกฝ่ายได้ฟังอย่างช้าๆและชัดๆ
วาสิตาได้แต่เงียบก้มหน้ามองพื้นตามเดิมไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว
“ยายณิ”
คุณหญิงไขศรีหันมาเรียกหลานสาวของเธออีกครั้งเมื่อหลานสาวตัวดียังไม่เดินตามเธอไป
“ให้คุณหญิงยายท่านหาคู่ให้บ้างสิจะได้มีแบบที่ฉันมี แต่ว่าดีๆหล่อๆแบบคุณหมอคงไม่มีแล้วแหละ”
ณลินตั้งท่าเดินไปด้านหน้าตามที่ผู้เป็นยายของเธอเรียก แต่ใบหน้ายังคงหันมาพูดกับวาสิตาต่อ
ส่งเสียงเยาะเย้ยไปเต็มขั้นอย่างไม่มีแผ่ว เพราะต้องการเห็นวาสิตาช้ำในตาย เพราะเธอรู้ทันว่าวาสิตาคิดอะไรกับผู้ชายคนนั้นอยู่
“ทางนู้นเข้ามากันแล้วรีบเข้าไปได้แล้ว”
ไขศรีหันมาตวาดหลานสาวลั่นลานจอดรถเมื่อหลานสาวนั้นชักช้าโอ้เอ้จนทางนู้นเขามากันแล้ว
ทำเอาเธอที่พยายามจะอารมณ์ดีให้สมกับวันดีๆเริ่มจะมีน้ำโหออกมาแล้ว
“น่าสงสารเนาะ แสนดีแต่ไม่ได้คนดีไปครอง”
แต่ณลินยังคงนึกสนุกกับการได้แกล้งวาสิตาอยู่ เธอยังคงหันไปเยาะเย้ยวาสิตาไม่หยุด
“ยายณิ”
เสียงของไขศรีตวาดเรียกชื่อหลานสาวที่เธอแสนชังขึ้นอีกครั้งและดังกว่าเดิม
“ค่ะ”
หญิงสาวที่ถูกเรียกชื่อซ้ำแล้วซ้ำอีกรีบวิ่งออกไปตามเสียงที่เรียกพร้อมกับทิ้งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยเอาไว้ตรงหน้าของวาสิตา
อยากให้เธอไปให้พ้นนักก็ต้องมีใครได้เจ็บเจียนตายเพราะการต้องจากไปในระยะเวลาอันสั้นของเธอเพื่อชดใช้ และวาสิตาคือผู้รับชะตากรรมนั้น
พอณลินย่างเท้าก้าวเข้าไปภายในร้านเธอก็ถูกแยกจับไปแต่งหน้าทำผมรวมถึงแต่งตัวด้วยเพื่อรอว่าที่เจ้าบ่าวมาถ่ายรูปด้วย
ใช้เวลาไม่นานเท่าไรทุกอย่างก็เรียบร้อยด้วยทางเจ้าบ่าวจ้างแต่มืออาชีพมาทำงานนี้เพื่อให้ทุกอย่างออกมาสมฐานะของพวกเขา
“สวยมากเลยค่ะคุณน้อง สมแล้วที่ถูกเชิญไปทำงานที่ต่างประเทศ”
ช่างแต่งหน้าที่รู้จักณลินเป็นอย่างดีเอ่ยชมเมื่อทุกอย่างบนตัวณลินเสร็จเรียบร้อยพร้อมถ่ายรูปแต่งงานแล้ว
ทุกครั้งที่ได้ร่วมงานกับณลินเธอไม่มีคำว่าผิดหวังเลยเพราะไม่ว่าจะแต่งมากแต่งน้อยนางแบบสาวคนนี้ก็สวย
“ขอบคุณค่ะ”
ณลิยเอ่ยขอบคุณอย่างมีมารยาทเมื่อมีคนเข้ามาชมเชยเธอ และแอบถอนหายใจเล็กๆอย่างนึกใจหายเมื่อได้ยินคำพูดในส่วนท้ายของประโยคชมเชยนั้น
เธอกำลังจะมีอนาคตที่แสนไกล แต่ทุกอย่างมันกลับต้องจบลงเพราะเธอเลือกที่จะให้มันจบ
ไม่ใช่แค่เลือกที่จะแต่งงานแต่เธอบอกปฏิเสธทุกอย่างไปก่อนหน้านี้แล้ว และขอรับงานแค่ในเมืองไทยเท่านั้น
“พี่คงต้องขอเอารูปไปติดหน้าร้านเรียกลูกค้าหน่อยนะคะ”
ช่างแต่งหน้าที่เป็นสาวประเภทสองยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆตามประสาของเธอ
ไม่ได้สนว่าอีกฝ่ายจะดูซึมลงไปมากแค่ไหนที่มีใครมาพูดถึงงานที่เธอรักแบบนั้น
“คงต้องคุยกับทางเจ้าบ่าวนะคะ ทางหนูไม่มีปัญหาอะไร”
ณลินตอบออกไปตรงๆเพราะเธอเป็นนางแบบเธอชอบที่จะมีรูปโชว์ออกไปให้ใครๆได้ดู แต่ทางนั้นเธอไม่รู้ว่าเขายินดีด้วยไหมเพราะขนาดชื่อเธอยังไม่รู้จักเลย
“พี่จัดการเอง ส่วนคุณน้องก็เตรียมรับงานต่อได้เลยค่ะ รับลองว่ามีงานติดต่อไปอีกเพียบแน่นอน เดี๋ยวคุณพี่ไปตามทุกคนมาดูก่อนนะคะว่าชุดนี้โอเคหรือยัง”
ช่างแต่งหน้ารีบเดินออกจาห้องไปตามทุกคนมาดูว่าที่เจ้าสาวในทันทีที่พูดจบ
“ค่ะ”
ณลินถอนหายใจยาวตามหลังช่างแต่งหน้าไปด้วยเธอกำลังรู้สึกหนักอกหนักใจกับสิ่งที่ตัดสินใจลงไปอย่างบอกไม่ถูก
อยากให้มีใครสักคนที่ไว้ใจได้พูดคุยด้วยได้มานั่งให้คำปรึกษาตรงนี้ ว่าเธอนั้นคิดผิดหรือคิดถูกกันแน่
แต่ก็ไม่มีใครเพราะคนที่พอจะพูดคุยด้วยได้แบบเปิดใจอย่างคุณตาของเธอได้ลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว
เธอเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ทำอะไรก็ต้องคิดคนเดียวตลอด จะผิดจะถูกอย่างไรไม่เคยมีใครมาบอก
“ยายณิหลานยายสวยจังเลยลูก”
ไขศรีเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเป็นคนแรกเอ่ยชมหลานสาวเป็นครั้งแรกตั้งแต่เธอลืมตาดูโลก
ณลินไม่ตอบกลับแต่กลับตีหน้าเบื่อใส่เพราะฟังก็รู้แล้วว่าคุณหญิงยายของเธอไม่ได้พูดมันออกมาจากใจ ที่ชมเธอออกมาก็เพราะมีคนอื่นๆเดินตามมาอีกเป็นขบวน
“สวยมากเลยนะหนูณิ”
ศจีที่เดินตามคุณหญิงไขศรีมาติดๆเอ่ยชมว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอขึ้นอีกคน เพราะว่าที่ลูกสะใภ้นั้นสวยจริงๆถ้าไม่นับรวมความร้ายที่เธอได้เจอเมื่อวันก่อน
“ขอบคุณค่ะ”
ณลินยกมือไหว้ขอบคุณอย่างอ่อนช้อยสวยงามตามแบบฉบับหญิงไทยเพราะรับรู้ถึงความจริงใจที่ศจีส่งออกมาให้
ศจีรับไหว้หญิงสาวด้วยความตกใจ เธอคาดไม่ถึงจริงๆว่าหญิงสาวที่ดูร้ายจะยกมือไหว้เธอได้สวยขนาดนั้น
“แล้วเจ้าบ่าวล่ะคะคุณศจี เมื่อไหร่จะมา นี้ก็เลยเวลานัดมามากแล้วนะคะ”
ไขศรีนึกหมั่นไส้หลานสาวที่ทำตัวดีกับคนอื่นต่อหน้าต่อตาหันไปถามหาว่าที่เจ้าบ่าวที่ยังไม่มาแก้เก้อ
เพราะถ้ามัวสนใจณลินเธอได้ปรี๊ดแตกใส่เด็กนั้นอีกแน่เพราะเธอสอนแทบตายจะยกมือไหว้เธอสักครั้งก็ไม่มี
“กำลังมาค่ะ หนูณิรอพี่เขาแป๊บนึงนะ”
ศจีหันไปคุณหญิงไขศรีแล้วก็หันมามองว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอต่ออย่างนึกชอบใจในความสวยของเธอ
ไม่นานว่าที่เจ้าบ่าวก็มาถึง และถูกพาไปแต่งตัวทำผมในทันทีก่อนจะออกมาเตรียมพร้อมที่จะถ่ายรูปพรีเวดดิ้งเพื่อเอาไปประดับในงานแต่งงาน
“มาช้าจังเลยนะคะ ณิรอพี่ตั้งนาน”
ณลินเดินเข้าไปทักทายว่าที่เจ้าบ่ายของเธอด้วยถ้อยคำอ่อนหวานแต่สายกับมองไปด้วยความโมโห
เขาทำให้เธอต้องนั่งรอนานในชุดที่ค่อนข้างอึดอัด เขาเป็นหมอได้อย่างไรทำไมถึงทำให้เธอทรมานได้ขนาดนี้
“เริ่มถ่ายเลย ผมมีเคสผ่าตัดต่อ”
เขากลับไม่ได้สนใจเธอแม้แต่นิด กลับไปเรียกให้ช่างภาพเข้ามาทำงานได้เลย
“เจ้าบ่าวยิ้มหน่อยครับ”
ช่างภาพเริ่มรัวชัดเตอร์ในทันที แต่หน้าเจ้าบ่าวกลับไม่ยิ้มเลยสักนิดทั้งที่เจ้าสาวดูเป็นมืออาชีพเอามากๆ
ทำเอาเขาต้องพูดขึ้นมาเพราะถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ภาพที่ออกมาก็คงไม่สวย ถึงแม้จะรู้มาบ้างว่าคุณหมอคนนี้ไม่ควรจะเข้าไปยุ่งก็ตาม
“ยิ้มหน่อยสิ รีบไม่ใช่เหรอ”
เจ้าบ่าวยังคงไม่ยิ้ม จนเจ้าสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆต้องเอ่ยพูดเพราะอยากให้การถ่ายรูปบ้าๆนี้เสร็จไปสักที
“ฉันไม่ได้อยากแต่ง”
พายัพหันไปจ้องหน้าหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้เขาจนเนื้อตัวเธอเบียดเสียดไปกับร่างกำยำของเขาด้วยแววตาจะกินเลือดกินเนื้อเธอ
“ฉันก็ไม่อยากแต่ง”
ณลินเองก็ไม่มียอมจ้องตากลับอย่างไม่มีกลัวเพราะเธอก็ไม่ได้อยากให้วันนี้มันเกิดขึ้นมาหรอก
จากสายตาอาฆาตของคนทั้งคู่ทำเอาช่างภาพต้องสั่งพักกะทันหัน เพราะเกรงว่าทุกอย่างในสตูดิโอจะพังก่อนจะถ่ายเสร็จ
“น้ำค่ะพี่หมอ”
วาสิตารีบหยิบน้ำที่ทางร้านเตรียมเอาไว้ให้เข้าไปให้กับพายัพในทันที เพราะเห็นว่าเขาดูเหนื่อย ไหนจะรีบมาและไหนจะรีบไปทำงานต่ออีก
“ขอบคุณครับ”
พายัพรับน้ำมาดื่มเพื่อดับอารมณ์ที่เริ่มร้อนในตัวเอง มันไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลย
แต่ก็ดีกว่าการต้องไปยืนจ้องหน้ากับผู้หญิงคนนั้นต่อเพราะเขาคงได้ทำอะไรรุนแรงลงไปก่อนที่จะถ่ายรูปบ้าๆนี้เสร็จแน่นอน
“ยิ้มหน่อยนะคะ”
เมื่อกลับมาถ่ายรูปคู่กันอีก ณลินที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตากระโปรงบานฟูฟ่องก็รีบแทรกตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
ส่งสายตาหวานช้อนมองสายตาเขาพร้อมกับส่งเสียงหวานๆออกไปด้วย แสดงให้วาสิตาได้เห็นว่าของจริงเขาทำกันแบบไหน ไม่ใช่แค่คอยส่งน้ำให้แบบนั้น
ชายหนุ่มยังคงหน้าบึ้งไม่ยอมยิ้ม เพราะเขาไม่ได้หลงเสน่ห์อะไรในตัวเธอจนต้องยิ้มออกมา
“ยิ้มอีกนิดสิคะ”
เสียงหวานเพิ่มความออดอ้อนมากขึ้นไปอีก พร้อมกับยกสองแขนขึ้นโอบรอบต้นคอหนาของเขาเอาไว้
พายัพเริ่มก้มมองหญิงสาวอย่างสนอกสนใจ ริมฝีปากหนายกยิ้มที่มุมปากขึ้นมา
ด้วยคนอย่างเขามันถูกยั่วไม่ได้เพราะเขาเป็นเสือพร้อมที่จะขย้ำเหยื่อทุกเมื่อ
“อืม”
สองเท้าเล็กที่ยืนอยู่บนรองเท้าสนสูงเขย่งสูงขึ้น ส่งริมฝีปากบางขยับขึ้นจุมพิตริมฝีปากหนาของเขา
ทำเอาช่างภาพกดชัดเตอร์แบบรัวๆจนนิ้วแทบล็อกเพราะเป็นได้มุมภาพที่สวยมากและเจ้าบ่าวเริ่มจะยิ้มออกมาแล้ว
“อืม”
ริมฝีปากหนาตามลงมาหาริมฝีปากบางที่หนีลงมาด้วยเพราะสองเท้าของเธอคงเมื่อยที่จะเขย่งต่อ
ประกบริมฝีปากเข้าหาแล้วจูบอย่างดูดดื่มตามประสาเสือที่ชอบขย้ำเหยื่ออยู่บ่อยๆ
“พะพอแล้ว”
ณลินรีบขยับถอยหลังหนีด้วยเธอไม่เคยจูบกับใครมาก่อน นี่เป็นจูบแรกของเธอ
และเขาทำให้เธอตกใจพร้อมกับอายจนอยากจะเอาหน้ามุดดินหนี
“หึๆ”
สองมือหนาของชายหนุ่มยกขึ้นกอดรอบเอวของว่าที่เจ้าสาวของเขาเอาไว้อย่างหลวมๆ แล้วดึงตัวของเธอเข้ามาหาเขาอีกเพื่อจูบต่อจนช่างภาพได้ภาพที่พอใจ การถ่ายพรีเวดดิ้งจึงได้จบลง