“ฝันหวานจ๊ะ หนูเข้าไปช่วยพวก ‘คนรับใช้’ จัดโต๊ะอาหารเช้าไป ทำได้ใช่ไหมจ๊ะ” น้ำเสียงใจดีดังจากหญิงวัยกลางคน ศจีมองหญิงสาวที่ถือซองเอกสารเดินตามลูกชายมาอย่างเจียมตัวพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ค่ะคุณศจี”
หญิงสาวยิ้มรับอย่างเจียมตัว เธอผงกหัวแล้วเดินเข้าไปในครัวอย่างเคยชิน
ต่อให้จะขึ้นเตียงกับธามธาวินอีกกี่ครั้ง เธอมันก็แค่คนชั้นต่ำที่เป็นแค่นางบำเรอกับคนรับใช้อยู่ดี ทำไมเธอจะไม่รู้ความหมายที่แฝงมากับผ่านคำสั่งพวกนั้น
ธามไม่ใช่ผู้ชายที่ทะนุถนอมผู้หญิงของเขาเหมือนไข่ในหิน เขาทำเพียงปรายตามองตาม กดความรู้สึกไม่ชอบใจไว้ข้างใน ถึงฝันหวานจะทำตามคำสั่งเขา แต่เธอไม่ใช่คนรับใช้ แต่ครั้นจะขัดใจมารดาคนที่ลำบากไม่ใช่เขาแต่คือเธอ ชายหนุ่มจึงทำได้แต่นิ่งเงียบ
ธามหันมาสบสายตามารดาด้วยสีหน้าเรียบเฉย มุมปากยิ้มเล็กน้อย หลังถูกฝ่ามือเล็กแตะลงบนสันกราม
“แม่บอกแล้วไงลูก ว่าอย่าเอานางบำเรอเข้ามที่บ้านหรืออย่างน้อยก็ตึกใหญ่ ถ้าคุณพ่อกับคุณตามาเห็นแล้วโมโหจะแย่เอานะ”
“ผมจะระวังครับ”
เธอรู้ว่ามันเป็นเพียงการตอบส่ง ๆ
“แล้วเรื่องหมั้นหรือแต่งกับหนูมายาวียังไม่มีวี่แววอีกหรือ ควรจะคุยกันจริงจังและเลิกเล่นสนุกกันได้แล้วนะ”
“ไม่รู้สิครับ ผมยังไม่ได้คุย”
“ไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ลูกกับหนูมายาวีเหมาะสมกันทุกอย่าง แต่งไปก็รักกันเอง ทำไมถึงใช้เวลาทำใจนานขนาดนี้”
ยังไงเธอก็อยากได้ลูกสะใภ้เป็นทายาทบริษัทส่งออกอัญมณี มากกว่าผู้หญิงที่มาจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่แล้ว
“ผมจะพยายามครับแม่ ไปที่โต๊ะทานข้าวกันเถอะครับ ผมมีประชุมเช้าอาจจะคุยได้ไม่นาน”
ศจีพยักหน้ารับแล้วหันไปสั่งแม่บ้านคนสนิท
“ป้าแจ่มจ๊ะจัดโต๊ะได้เลยนะ”
ท่วงท่าอ่อนหวานและงามสง่าของคนเป็นแม่ทำให้ธามมองตามด้วยสายตาเรียบเฉย มันคือท่าทางเดียวกับมายาวี ส่วนฝันหวานไม่ได้ครึ่งของกิริยาแม่เขาสักนิด เธอซุ่มซ่ามและมักทำเรื่องผิดพลาดอยู่เสมอ จนหลายครั้งแม่เขาได้แต่มองด้วยความสมเพช แม้ว่าแม่เขาจะหัวเราะราวกับเอ็นดู แต่สายตาแข็งกร้าวบ่งบอกว่าไม่ชอบใจเธอเลย
หากจะให้สมบูรณ์แบบมายาวีคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
“แม่รู้ว่าธามจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปได้ดีที่สุด คุณตาของลูกและคุณพ่อของลูกก็คิดเหมือนกันจ้ะ อย่าทำแม่ผิดหวังนะ”
“ไม่มีทางหรอกครับ”
“สมบูรณ์แบบจริง ๆ”
ศจียกมือลูบหน้าลูกชายอย่างมีความสุข ลูกชายที่เธอฟูมฟักมาตั้งแต่เด็กด้วยความภาคภูมิใจ เขาไม่เคยทำให้เธอผิดหวังแม้แต่เรื่องเดียว ถึงแม้การมีฝันหวานจะทำให้เธอขุ่นมัวในใจ แต่ไม่ได้มากพอจะทำลายความภาคภูมิใจของเธอได้เลย
ฝันหวานยกเครื่องปรุงต่าง ๆ ออกมา เธอมองคนที่ถูกเอ่ยชมว่าสมบูรณ์แบบอย่างเห็นใจ ความคาดหวังของผู้เป็นแม่เป็นสิ่งที่บีบบังคับธามราวกับโซ่ตรวน
แต่ธามเองก็ยินดีที่จะอยู่ในโซ่ตรวนนั้น
เขามองฝันหวานด้วยสีหน้าเรียบเฉยหลังจากยิ้มให้คนเป็นแม่
“แม่ควรจะให้เด็กจัดจานให้ฝันเขาด้วยดีไหมนะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เห็นเหรอว่าแก้วน้ำคุณแม่พร่อง มัวแต่ทำอะไรอยู่ทำไมไม่เติม” น้ำเสียงดุของธามทำให้ศจียิ้มอย่างพอใจ เธอใช้หลังมือแตะแก้วที่น้ำพร่องลงไม่มากนักไปให้ฝันหวานช่วยเติมให้
“ค่ะคุณธาม”
“อย่าดุนักเลย ทำงานทั้งคืนทั้งวันคงเหนื่อยหน่อยนะจ๊ะฝัน ธามคงเอาแต่ใจมากเลยใช่ไหม”
“ไม่เลยค่ะคุณศจี” ฝันหวานหลบตา
“ลูกก็อย่าใช้งานเธอหนักนักสิ คนที่ร่างกายทำงานหนัก ๆ มักจะแก่ไวกว่าคนปกติที่ใช้สมองทำงานนะ”
คำพูดราวกับไม่ได้คิดอะไรแต่ทำให้คนทั้งโต๊ะเงียบ สายตาเหยียดหยามของเหล่าคนรับใช้ และท่าทางหัวเราะเบา ๆ ทำให้ฝันหวานตัวสั่น หัวใจเธอบีบรัดช้า ๆ ราวกับใกล้จะหยุดลงทุกที
กว่าช่วงเวลาเหล่านั้นจะจบลง ฝันหวานก็รับรู้ว่ามันไม่เคยจบลงเลย
“ผมอิ่มแล้วคงต้องขอตัวก่อนนะครับคุณแม่ เก็บโต๊ะเสร็จแล้วรีบตามมา” ประโยคหลังเขาหันไปสั่งกับฝันหวาน ศจียิ้มกว้างพลางส่ายหน้าไปมา เมื่อร่างสูงเดินออกไปทันทีที่เอ่ยจบ
“ฝันหวานจ๊ะ ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
“ค่ะ”
“กินยาคุมอยู่ใช่ไหมจ๊ะ”
“ค่ะ” ลำคอเธอแห้งผาก รู้สึกทั้งอายและแผ่นหลังเย็นเยียบเมื่อเจอกับคำถามพวกนี้
ถึงจะเป็นนางบำเรออย่างเปิดเผยแต่เธอไม่คุ้นชินกับมันสักนิด
“อย่าปล่อยให้มีมารหัวขนมาขัดขวางคุณธามเด็ดขาด ถึงจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขลูกชายฉัน แต่ถ้าเป็นหลานที่เกิดจากแม่ที่ฉันไม่ต้องการ ฉันไม่เอาไว้ทั้งแม่ทั้งลูกแน่”
“ค่ะ ฝันจะจำไว้ค่ะคุณศจี”
“ทำดีมากจ้ะเป็นนางบำเรอที่เจียมตัวดีจริง ๆ” ศจีหัวเราะใบหน้าซีดเผือดของคนตรงหน้า เธอยืนมือลูบแก้มใสพร้อมฝากฝังด้วยน้ำเสียงใจดี ที่แฝงการคุกคามเอาไว้ทุกประโยค
“ดูแลตาธามให้ดี ๆ นะจ๊ะฝันหวาน อย่าทำให้เด็กที่สมบูรณ์แบบอย่างตาธามต้องแปดเปื้อน เข้าใจไหมจ๊ะ”
แล้วเธอจะตอบอะไรได้นอกจากคำที่ศจีอยากได้ยิน
“ค่ะคุณศจี”