ฝันหวานมองร่างกำยำที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นสลัก เขาหายใจเข้าออกสม่ำเสมอสีหน้าไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนตอนที่ตื่นอยู่ มุมปากที่เคยเรียบเฉยเหมือนจะโค้งเล็กน้อย
เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังยิ้มอยู่เลย
หญิงสาววางนิ้วบนมุมปากของธาม
ฝันหวานหัวเราะน้อย ๆ เมื่อเขานิ่วหน้าแล้วส่ายหน้าหนี
งับ!
“พี่ธาม!”
ธามอ้าปากงับปลายนิ้วเล็กก่อนจะลืมตามองเธอ ความง่วงซึมทำให้ดวงตาเขาหวานเชื่อมกว่าปกติ ปลายนิ้วที่ถูกลิ้นของเขาตวัดรัดร้อนผ่าวจนใบหน้าหวานแดงก่ำ ฝันหวานรู้ดีว่านี่มันเป็นแค่ภาพมายาแค่เพียงชั่วครู่ แต่มันกลับทำให้เธอหลงรักความอ่อนโยนที่เขาให้เธอเพียงไม่กี่วินาที
เขาจูบปลายนิ้วของเธอเบา ๆ แล้วพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน
“อื้มมมถึงเวลาตื่นแล้วเหรอ”
“ค่ะ ฝันไปเปิดแอร์ห้องออกกำลังกายไว้ให้แล้วค่ะ พี่ธามจะตื่นเลยดีไหมคะ หรือจะนอนต่ออีกหน่อย”
ในตอนเช้าธามมักจะออกกำลังกายอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเป็นประจำ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องไปดูความเรียบร้อยของห้องออกกำลังกายก่อนเขาจะลงไปเสมอ
“เดี๋ยวพี่ตื่นเลย” ธามส่งเสียงงัวเงียตอบรับแล้วลุกขึ้นนั่ง เขาเสยเรือนผมยุ่งวางนักธุรกิจและผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทิ้ง แล้วตีสีหน้ายุ่งยาก “เย็นนี้พวกไอ้แมทธิวดื่ม เธอไปด้วยก็แล้วกัน”
“ฝันไม่ไปได้ไหมคะ”
กลุ่มเพื่อนของธามเป็นกลุ่มที่เธอไม่อยากเจอเลย ฝันหวานเม้มปากแน่นเมื่อดวงตาดุตวัดมองมา ยิ่งแมทธิวนั่นไม่ใช่ชื่อลูกพี่ลูกน้องของว่าที่คู่หมั้นเขาเหรอ
“ทำไม”
“คือ...” ฝันหวานกำลังจะอธิบายเหตุผล
“อย่างอแงฝันหวาน”
“แต่พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่สนิทกับว่าที่คู่หมั้นพี่ธามไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมถึงอยากให้ฝันไปด้วยล่ะคะ”
“พี่สั่งให้ไปเธอก็แค่ไปไม่ใช่รึไง” นัยน์ตาคมปลาบมองฝันหวานอย่างไม่ชอบใจที่เธอพยายามปฏิเสธ
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“ช่วงนี้เป็นอะไร ทำไมถึงเอาแต่งอแงไร้สาระอยู่เรื่อยล่ะ” เขาเอ่ยพลางถอนหายใจ “แล้วอย่าพูดเหมือนเมื่อคืนให้พี่ได้ยินอีก”
“ค่ะพี่ธาม”
ฝันหวานพยักหน้าพลางฝืนยิ้มรับ แล้วยื่นผ้าขนหนูให้เขาพันเอวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้ฝันหวานลูบเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไว้ ไม่ว่ายังไงก็แค่ก้มหน้าทำตามที่เขาสั่งก็พอ ต่อให้รู้สึกแย่หรือไม่พอใจก็ตอบรับให้เขาสบายใจก็พอ
ฝันหวานเดินกลับจากห้องซักรีด เธอสวมเสื้อผ้าตัวเดิมกับเมื่อวาน เมื่อเคาะประตูสองสามครั้งเสียงตอบรับจากข้างในก็ดังออกมา ชายหนุ่มที่กำลังผูกเนกไทปรายตามอง ฝันหวานก็เข้าไปรับหน้าที่ต่อจากเขา
แม้จะเป็นนางบำเรอแต่อีกหน้าที่ที่ได้รับก็คือผู้ช่วยเลขาของเขา
แต่ถ้ามีเรียนธามก็จะปล่อยให้เธอไปเรียน
ยังดีที่ตอนนี้เธอเรียนปีสี่แล้ว เหลือเพียงแค่เก็บหน่วยกิตอีกไม่กี่ตัวกับการเรียนอีกไม่ถึงปีก็จบแล้ว เลยมีเวลาตามเอาใจคนเอาแต่ใจอย่างเขา
“คิดอะไรอยู่”
“อ๊ะ!” เธอสะดุ้งเฮือกหลังถูกบีบเอวแรง ๆ จากคนตรงหน้า
“อย่ามัวแต่คิดเรื่องอื่นจะสายแล้ว”
“ฝันกำลังคิดว่าฝันลืมส่งงานอะไรอาจารย์รึเปล่าค่ะ”
“งั้นเหรอ”
“แล้วพี่ธามจะทานข้าวเช้าไหมคะ ฝันจะได้บอกพี่ชวินให้เตรียมความพร้อมค่ะ” เธอเอ่ยถึงเลขาคนสนิทของเขาที่รับหน้าที่คนขับรถจำเป็นด้วย
“คงต้องทานนั่นแหละ คุณแม่น่าจะรออยู่”
“ได้ค่ะ หล่อแล้วค่ะพี่ธาม” ฝันหวานหัวเราะเบา ๆ หลังสาบเสื้อและเนกไทเขาถูกจัดอย่างสมบูรณ์แบบ เธอยื่นมือถือและใส่กระเป๋านามบัตรและบัตรต่าง ๆ เข้าไปในสูท
แต่ยังไม่ทันเงยหน้าลมหายใจร้อนก็รดอยู่ที่หน้าผาก ดวงตากลมโตเงยหน้าขึ้นสบ ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยลิปมันจรดลงแนบกับเรียวปากสีหวาน เขาเคล้าคลึงเรียวปากเธอเบา ๆ เลื่อนปลายลิ้นแซะกลีบปากหวาน เสียงกลืนน้ำลายของเขาดังขึ้นราวกับเสียงกล่อมประสาท
“จะสายแล้วนะคะ”
“อีกนิด”
“อื้อออพี่ธามพอเถอะค่ะ ถ้าประชุมสายเดี๋ยวโดนพี่ชวินบ่นอีกนะคะ” เธอย่นคอหนีปลายจมูกของธามที่ซุกไซ้อยู่ที่แก้มลากลงไปถึงลำคอ เขาขบเม้มพอหายมันเขี้ยวแล้วก็วกกลับมาจูบริมฝีปากของเธอ
“เธออาบน้ำใหม่ดีไหม” ธามพึมพำ
เขาต้องการเธอมากว่านี้ ยิ่งจูบเท่าไหร่เหมือนว่ามันจะไม่พอเลย ฝ่ามือใหญ่ลูบต้นขาของฝันหวานก่อนจะดันเธอไปจนติดตู้เครื่องประดับแล้วยกเธอวางลงนั่งบนตู้กระจก
“ไม่ดีค่ะ อื้ออพี่ธามคะ”
“งั้นขออีกนิดนะ” เขาจูบเธออีกแล้ว
แม้อยากเอื้อมมือกอดคอเขาแต่ธามไม่ชอบให้สูทยับ เขามักหงุดหงิดกับมันเสมอ ฝันหวานจึงทำได้แค่กำมือแน่นทิ้งไว้ข้างตัว ปล่อยให้เขาจูบอยู่หลายนาที จนกว่าเขาจะพอใจและยอมปล่อยเธอในที่สุด