หลังจากอ่านข้อความล่าสุดที่หลานสาวคนเดียวส่งมาให้แล้ว นางสายสุนีย์ก็ส่งสติ๊กเกอร์คำว่า 'โอเค' อย่างที่ต้องมนตร์เคยสอนตนให้ใช้แทนความหมายว่า 'ตกลง' หรือ 'รับทราบ' กลับไปให้บ้าง
แม้จะเป็นหลานสาวเพียงคนเดียว แต่ต้องมนตร์ก็ได้ดั่งใจพ่อและย่ามาก เนื่องจากตั้งแต่เด็กต้องมนตร์ไม่ใช่เด็กเลี้ยงยากเลย ต้องมนตร์เป็นเลี้ยงง่ายมาก ไม่ค่อยโยเย งอแงเหมือนเด็กคนอื่นเลย ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลานอนก็นอนเท่านั้น
ครั้นโตขึ้นมาก็ว่านอนสอนง่ายอีก เพราะต้องมนตร์ไม่เคยเถลไถล หรือทำอะไรให้คนแก่อย่างตนต้องหนักใจเลยสักครั้ง ต้องมนตร์จึงเป็นหลานที่ตนรักเสมือนแก้วตาดวงใจทีเดียว หรือหากมีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น แล้วต้องให้ตนเอาชีวิตแลกกับหลานสาวคนนี้ ตนก็จะไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
และจากการที่ต้องมนตร์เป็นเด็กเลี้ยงง่ายกินง่าย ต้องมนตร์ก็เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าพ่อหรือย่ากินอะไร ต้องมนตร์ก็กินตามได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นผักที่มีกลิ่นฉุน หรือผักที่มีรสชาติขมก็ตาม ต้องมนตร์สามารถกินตามได้อย่างสบาย ฉะนั้น มื้อเย็นของวันนี้เอง ตนจึงตั้งใจจะทำกับข้าวง่ายๆ ไว้รอหลานสาวคนเดียว นั่นก็คือน้ำพริกกะปิ และชะอมชุบไข่ทอด แล้วจะเอาต้มจืดที่ทำไว้ตอนเช้าออกจากตู้เย็นมาอุ่นเป็นน้ำซุปไว้ชดให้คล่องคออีกอย่าง ก็พอแล้ว
ว่าแล้วก็วางโทรศัพท์มือถือลงกับโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไป และขณะที่นางสายสุนีย์กำลังลงมือทำกับข้าวอยู่ในห้องครัว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งกระแอมไอขึ้นมาในบ้าน ...
เอ๊ะ! นอกจากคุณโปรดแล้ว ในบ้านตนก็ไม่มีผู้ชายเข้าออกนี่นะ แล้วเสียงกระแอมไอเบาๆ นี่เป็นใคร!
หัวคิ้วสีดอกเลาทั้งสองขมวดเข้าด้วยกันด้วยความรู้สึกไม่ชอบมาพากลทันที ว่าแล้วผู้สูงวัยก็รีบวางมือจากงานในครัว แต่ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมจะคว้าเอามีดปลายแหลมเล่มหนึ่งที่อยู่ในห้องครัวติดไปด้วย
เมื่อได้เดินออกมาจนถึงจุดที่เป็นต้นกำเนิดเสียงกระแอมไอ สายตาทั้งสองของผู้สูงวัยก็เห็นด้านหลังของผู้ชายรูปร่างผอมคนหนึ่งกำลังทำท่าก้มๆ เงย ๆ อยู่กลางบ้าน เหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่างอยู่ ด้วยเป็นคนที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แต่ก็พยายามควบคุมความกลัวเอาไว้ แล้วถามออกไปทันที
"นั่นใคร ...เป็นใครกันน่ะ!"
ผู้ชายคนนี้ได้หมุนตัวกลับมาอย่างช้าๆ ทันทีที่ทั้งสองเห็นหน้ากัน ต่างก็มีอาการชะงักไปตามๆ กัน เพราะต่างก็ไม่เคยพบหน้าคร่าตากันมาก่อนนั่นเอง แต่ชายแปลกหน้าท่าทางโทรมคนนี้ก็ถามถึงใครคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงกร้าวว่า "อีต้องอยู่มั้ย!"
ผู้สูงวัยขมวดคิ้วอีกครั้ง ผู้ชายคนนี้มาถามหาต้องมนตร์ทำไม "กูถามว่าอีต้อง อีน้องสาระเลวมันอยู่บ้านหลังนี้ใช่มั้ย และมึงอีแก่ ถ้าเดาไม่ผิดมึงก็เป็นย่าของอีต้อง ใช่มั้ย!"
"มะ ไม่อยู่ ไม่มีคนชื่อนี้!" รีบปฏิเสธไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ผู้ชายหน้าตา และท่าทางน่ากลัวคนนี้ต้องเป็นพี่ชายแม่เดียวกันของต้องมนตร์แน่ๆ!
"โกหก! กูสืบมาจนแน่ใจว่ามันมาอยู่ที่นี่ ถึงได้มาหามัน เรียกอีน้องสาวของกูมา มันอยู่ไหน! หรืออยู่ข้างบน" พูดจบทำท่าจะเดินขึ้นไปตามหาต้องมนตร์ที่ชั้นบน
แต่เจ้าของบ้านคนนี้ก็รีบขยับเข้ามาขวาง พร้อมกับชูมีดขึ้นมาขู่ไว้ก่อน
"ไม่ใช่! ไม่ใช่! ที่นี่ไม่มีคนชื่อต้องมนตร์!"
ศิโรจน์ยกมุมปากขึ้นแค่นยิ้ม แล้วกระแทกเสียงกลับไปอีก "มึงคิดว่ากูโง่เหรอ นั่น รูปถ่ายมันตั้งเอาไว้ตรงนั้นอยู่ทนโท่!"
ศิโรจน์หมายถึงรูปถ่ายของหญิงสาว ที่ถ่ายไว้กับคนแก่ตรงหน้าที่วางไว้บนชั้นโชว์ของ และในรูปถ่ายที่ตั้งอยู่ คนทั้งสองท่าทางดูมีความสุขกันเหลือเกิน เห็นแล้วตนก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาอีก เพราะที่ผ่านมาต้องมนตร์มีชีวิตอย่างสุขสบาย แต่กับตนนั้นเหมือนตกนรก เพราะถ้าก่อนหน้ามันไม่หนีหน้าไป มันได้หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ ชีวิตตนกับแม่ก็ไม่ต้องเป็นไปอย่างทุกข์ยากถึงขนาดนี้ "มันคงไม่อยู่บ้านจริง ๆ ล่ะสินะ ดี ถ้ามันไม่อยู่ มึงก็เอาเงินมันมาให้กูก่อน แล้วบอกมันว่า พี่ชายคนนี้ของมันมาขอเงินใช้ หึ! หน็อยแน่ ฉลาดนี่ มีเงินมีทองแล้วก็พากันหนีหน้ามาอยู่บ้านหลังใหญ่โต ทิ้งแม่ ทิ้งพี่ชายให้ลำบากซะ แล้วที่กูติดคุกถึงสามปีก็เพราะมันด้วย!"
"อะไรนะ! นี่ แก...เพิ่งออกจากคุกมาเหรอ!" คนแก่อุทานด้วยความหวาดหวั่น
แต่ศิโรจน์ไม่มีอารมณ์จะตอบคำถาม เพราะตนต้องการแค่เงินหรือทรัพย์สินมีค่าของน้องสาวคนนี้ไปใช้ด่วนก่อน ว่าแล้วศิโรจน์ก็รีบถลาไปที่บันได แต่อีกแก่นี้ก็เข้ามาขวางทางอีก พลางยกมีดขึ้นมาชี้หน้าขู่ ศิโรจน์ชักรู้สึกรำคาญก็เป็นฝ่ายเข้าไปคว้ามือข้างที่กำมีดจนเกร็งก่อนจะบิดเอาไว้ด้านหลัง ใช้มืออีกข้างดึงมีดออกมาแทงลงที่แผ่นหลังผอมบางนั้นเกือบสุดด้ามมีดทันที! ฉึก!
ดวงตาทั้งสองของผู้สูงวัยเบิกกว้าง แล้วร่างผอมบางนั้นก็ค่อยๆ ทรุดลงนอนบนพื้น โดยมีสายตาของ ศิโรจน์มองดูด้วยความสะใจอยู่ ยิ่งเห็นน้ำตาที่กำลังรื้นไหลออกมาทางหางตาคู่ที่กำลังทอแสงอ่อนแรงนั้นด้วย
ชายหนุ่มก็ยิ่งสำทับไปอีกว่า "จำไว้นะอีแก่! กูจะคอยตามจองล้างจองผลาญอีน้องสาวคนนี้ให้ถึงที่สุด อย่าคิดว่ามันจะได้อยู่อย่างสุขสบายคนเดียวเลย คอยดู!"
ก่นว่าอย่างเจ็บแค้นแล้ว ศิโรจน์ก็รีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อไปค้นหาเงินและทรัพย์สินมีค่าของต้องมนตร์ต่อไป
ทรงโปรดขับรถเข้ามาจอดที่บ้านของเธอกับย่าแล้ว หญิงสาวปลดได้สูทออกแล้วหันไปคลุมไว้กับเบาะหนังอย่างดี
ก่อนจะลงจากรถ เธอก็หันมาถามเขาตามมารยาท เพราะปกติเขามักจะไปมาหาสู่กับย่าของเธอเสมออยู่แล้ว "คุณจะไปหาย่าที่ในบ้านก่อนมั้ยคะ
"ไม่ล่ะ พอดีคืนนี้ฉันมีนัดกินข้าวกับเพื่อนสมัยเรียน เธอเข้าไปเถอะ ป่านนี้ย่าคงรอเธอแย่แล้ว"
หญิงสาวยกมือไหว้เขาทันที แล้วเปิดประตูลง ทรงโปรดรับไว้พร้อมกับมองตามร่างบางจนลับตา เขาถอนใจน้อยๆ แล้วค่อยๆ กลับรถเตรียมขับออกไปจากบ้านหลังนี้ แต่แล้วสองตาเขาก็แลเห็นความผิดปกติบางอย่างตรงหน้า เพราะกระถางต้นไม้ที่ย่าของหญิงสาวปลูกเป็นแถวได้ล้มระเนระนาดไปหมด ราวกับว่ามีใครวิ่งอย่างเร็วแล้วมาสะดุดพวกมันเข้าอย่างนั้นแหละ
และขณะที่เขามองกระถางต้นไม้เหล่านี้ได้ความสนใจอยู่ สองหูของเขา ก็ได้ยินเสียงหญิงสาวกรีดร้องเสียงดังออกมาจากภายในบ้าน
"กรี๊ดดด!!"
"ต้อง!"
ทรงโปรดรีบจอดรถ เปิดประตูลงจากรถเพื่อจะรีบวิ่งตามเข้าไปดูเจ้าของเสียงกรีดร้องนั้นทันที!