| 3 - 3

1526 Words
ต้องมนตร์เดินก้มหน้าหารีโมทรถยนต์ในกระเป๋า ใกล้จะถึงรถยนต์อยู่แล้ว แต่สายตาก็เหลือบเห็นรองเท้าผ้าใบคู่หนึ่งขวางทางอยู่ เธอรีบเงยหน้าขึ้นมามอง เป็นน่านนทีนั่นเอง เขากำลังยืนขวางทางเธอและจ้องด้วยสายตาเขม็งทีเดียว                        ทำไมกรุงเทพฯมันแคบแบบนี้นะ! เพราะร้านคาเฟ่น่านั่งมีตั้งมากมาย ทำไมชายหนุ่มคนนี้ต้องมาที่ร้านนี้ด้วย ไม่ทันจะเดินหลบชายหนุ่มไปทางอื่น น่านนทีก็พูดเสียงดังขึ้นมาว่า                  "อ้อ ..." แล้วใช้สายตาและรอยยิ้มมีแววหยันประกอบ "แบบนี้นี่เอง..."                                                                                 "แบบนี้? แบบไหนเหรอน่าน..." เธอถามกลับแบบงุนงง       "รู้อยู่แก่ใจมั้ยต้อง ต้องให้เราเอามาพูดอีกเหรอ นี่สินะ ที่ต้องรอคอย คืออยากอยู่ใกล้ชิดกับเขา"                                      ต้องมนตร์เหลียวไปทางทรงโปรด ชายหนุ่มคนนั้นยังไม่ขึ้นไปนั่งในรถ เขาหยุดมองเธอและน่านนทีด้วยท่าทางสนใจอยู่ หญิงสาวหันกลับมาจ้องชายหนุ่มตรงหน้าอีกหน ไม่ทันจะพูดอะไร น่านนทีก็ดูถูกเธออีก                                                       "ถามจริงเถอะ... ต้องนอนกับเขาหรือยัง"                               "น่าน!"                                                                          น่านนทีกดรอยยิ้มที่มุมปาก มองหญิงสาวด้วยความดูแคลนเต็มพิกัด "แค่นี้แหละ เราเห็นรถต้องจอดไว้ เลยมารอทักทายอยู่ตรงนี้" จากนั้นชายหนุ่มก็เดินหนีจากหญิงสาวไปอย่างกวนๆ ทรงโปรดเห็นลำตัวหญิงสาวสั่นเทิ้ม อีกทั้งมือทั้งสองข้างก็กำไว้จนเกร็ง ในขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นเดินผ่านก็ได้เหลือบมองทางเขาด้วยสายตาและรอยยิ้มกวนๆ อีกด้วย ทรงโปรดเห็นท่าไม่ดี เขาก็รีบเข้ามาถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง "เมื่อกี้ใคร ...หน้าตาคุ้นๆ อยู่เหมือนกัน" ใช่...หน้าตายียวนของชายหนุ่มคนนี้ทำให้ทรงโปรดรู้สึกคุ้นหน้าคร่าตาขึ้นมาบ้าง แต่เขาก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นใคร  "เพื่อนค่ะ!"                                                                  ต้องมนตร์คงไม่รู้ตัว ว่าตัวเองจะแม้เพียรระงับความโกรธเอาไว้อย่างไร แต่ขณะที่ตอบคำถามทรงโปรด กระแสเสียงของเธอนั้นยังสั่นเครือหนักอยู่ดี ทรงโปรดจึงขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนจะถามอีกว่า "ท่าทางเธอดูไม่สบอารมณ์ที่เจอ 'เพื่อน' คนนี้เลยนะ" ต้องมนตร์รีบเลื่อนสายตาหนีคนตรงหน้า ยามที่คำพูดของน่านนทีวนกลับมากวนใจเธออีกครั้ง 'ต้องนอนกับเขาหรือยัง' "...พูดจาหมาๆ"                                                                                "อะไรนะ!" ทรงโปรดสะดุ้ง เขาได้ยินไม่ผิดไปใช่มั้ย               ต้องมนตร์เสสายตามองสีหน้าเหลอหลาของทรงโปรด แต่เธอไม่มีอารมณ์จะมาเล่าเรื่องน่านนทีให้เขาฟัง เธอก็แค่ตัดบทว่า "ช่างเถอะค่ะ ต้องไม่ได้หมายถึงคุณหรอกค่ะ"                                    ว่าแล้วก็รีบเดินไปขึ้นรถและขับออกไปด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นอยู่เช่นนั้น ทิ้งให้ทรงโปรดมองตามท้ายรถของเธอด้วยสีหน้าครุ่นคิดหนัก     ขณะที่ต้องมนตร์ได้ขับรถออกมาจากร้านด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่กับเรื่องของน่านนทีไม่หาย... เธอก็ต้องมารู้สึกหงุดหงิดกับรถยนต์ที่มีอาการแปลกๆ ขึ้น หญิงสาวรู้สึกว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับล้อรถแน่นอน เธอจึงมองหาที่ที่จะจอดข้างทางเพื่อดูอาการมันให้แน่ใจ ยามนั้นสายฝนเริ่มตกเปาะแปะลงมาแล้ว เธอรีบเปิดประตูก้าวลงไปดูล้อรถก็พบว่า ล้อหน้าทั้งสองมันมีอาการแบนในแบบเดียวกัน...ยามนี้ ใบหน้ากวนๆ ของน่านนทีก็ผุดแทรกขึ้นมาทันที หรือว่าจะเป็นฝีมือเขา! หญิงสาวก้มๆ เงยๆ อยู่กับล้อรถ พร้อมกับนึกเข่นเขี้ยวผู้ชายคนนี้นิสัยน่าขยะแขยงด้วยความเจ็บใจ เธอไม่นึกว่าน่านนทีจะใช้วิธีสกปรกมาแกล้งกันแบบนี้ เขาไม่สมควรเกิดมาอยู่ในเพศชายแบบนี้เลยสักนิด! ขณะที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับล้อรถข้างหนึ่ง ต้องมนตร์ก็ตกใจกับสูทตัวหนึ่งที่สวมทับลงมาบนลำตัวบอบบางของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว ต้องมนตร์อุทานเบาๆ ขณะลุกขึ้นยืน พร้อมกับกระซับสูทตัวนี้ที่มีกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ เป็นกลิ่นละมุนเจืออบอุ่นเอาไว้ และเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินผ่านเธอไปด้วยสีหน้าไม่ดีนัก "คุณโปรด..." ชายหนุ่มตวัดดวงตาทั้งสองมองหญิงสาวในชุดนักศึกษาคนนี้ด้วยแววตาไม่สบายใจ เพราะเสื้อนักศึกษาสีขาวที่เธอใส่ยามมันโดนน้ำแล้วแนบเนื้อดีเหลือเกิน แบบนี้มันจะดึงดูดสายตาแทะโลมของผู้ชายที่เดินผ่านเธอไปมาได้ "ล้อรถเป็นอะไร? " เขาถามเสียงขรึมๆ  "ไม่รู้สิคะ จู่ๆ มันก็แบน..."  "พร้อมกันทั้งสองล้อเลยเหรอ แปลกๆ ไปนะ" ทรงโปรดพึมพำตาม ก่อนจะหันมาสบตากับหญิงสาว เห็นเธอเสสายตาหนีเขาเล็กน้อย จึงรู้ว่าคงเป็นฝีมือของชายหนุ่มคนนั้นแน่นอน เพราะความบังเอิญแบบนี้เป็นไปได้ยาก  ทรงโปรดคิดได้อย่างรวดเร็วว่า เจ้าหนุ่มหน้าอ่อนนั้นคงไม่ได้คิดกับหญิงสาวแค่เพื่อนอย่างเดียวแน่ "ทิ้งรถเอาไว้แบบนี้ก่อน เดี๋ยวฉันจะให้คนมาจัดการให้ ส่วนเธอฉันจะไปส่งให้ถึงบ้านเอง"  เขาบอก เห็นเธอยังลังเลก็รีบเร่ง "เร็วสิ ฝนเริ่มตกหนักแล้วนะ" ต้องมนตร์ไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้หรอก ยามนี้จะเรียกแท็กซี่สักคันคงแสนยาก เธอเลยต้องกลับบ้านกับเขาแทน ทรงโปรดตัดสายโทรศัพท์มือถือ หลังจากโทรไปจัดการเรื่องรถของหญิงสาวเมื่อเรียบร้อยแล้ว เขากำลังจะขับรถไปส่งเธอถึงบ้าน  ต้องมนตร์จะถอดเสื้อสูทเขาออก แต่เมื่อสายตาหลุบเห็นซับในลายลูกไม้ที่เห็นอยู่รางๆ ภายใต้เสื้อนักศึกษาตัวนี้ เธอก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเอาสูทตัวนี้มาให้เธอสวม จากที่ตั้งใจจะถอดมันออก หญิงสาวกลับยิ่งกอดกระซับเข้ากับลำตัวมากกว่าเดิม เธอไม่ได้หนาว แต่อายสายตาเขาที่แลเห็นซับในตัวนี้เสียมากกว่า "เขา...ผู้ชายคนนั้น" และทรงโปรดก็เริ่มถาม ขณะสายตาทั้งสองยังทอดมองไปข้างหน้า "คะ!" ต้องมนตร์ตกใจ ก่อนจะรีบปฏิเสธออกไปอย่างร้อนตัวเอง "เขาไม่ได้เป็นอะไรกับต้อง เราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ ค่ะ! "  "เปล่า ฉันก็แค่จะถามว่าเขาเป็นลูกชายคนเล็กของ เสี่ยต้อย ใช่มั้ย..." ทรงโปรดหมายถึงคุณเอกภพ ที่เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ช่องโฟว์ยู และก็เป็นคู่แข่งทางธุรกิจของเขาอีกด้วยนั่นเอง พอพูดจบแล้วชายหนุ่มก็แอบเหล่มองคนข้างตัวอีกนิด ...เห็นเธอเผลอทำหน้าหงิกเล็กน้อยให้ ทรงโปรดจึงอมยิ้มน้อยๆ หัวใจที่รู้สึกชุ่มชื่นขึ้นในเวลานี้ เขาไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะสายฝนที่โปรยปรายอยู่ภายนอก หรือเป็นเพราะคำพูดเชิงออกตัวไว้ก่อนของเธอกันแน่ "ค่ะ น่านเป็นลูกชายคนเล็กของคุณเอกภพ" ต้องมนตร์ตอบคำถามเขา "มิน่าล่ะ ถึงรู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ อยู่ แล้วเขาก็ตามจีบเธออยู่ใช่มั้ย" อันนี้เขาถามตรงๆ เพราะต้องมนตร์บอกว่าเป็นแค่เพื่อน แต่เธอไม่ได้บอกสักหน่อยว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไรกับเธอนี่ และดูท่าทางเจ้าหนุ่มหน้าอ่อนนี่ก็เป็นประเภทหมาหวงก้างอยู่เเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ลงมือแกล้งเธอแบบนี้แน่  "ค่ะ" ต้องมนตร์ยังตอบสั้นๆ สงวนคำพูดเหมือนเดิม "อ้อ มิน่า..." ทรงโปรดรับคำอือออ ก่อนจะถามกลับว่า "จะให้ฉันขอดูกล้องวงจรปิดที่ร้านนั่นให้มั้ย" "ไม่ล่ะค่ะ ต้องไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราว เดี๋ยวจะทำให้เป็นข่าววุ่นวาย ยิ่งคุณกับคุณพ่อของน่านเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันอยู่ด้วย" "แต่ถ้าเขายังตามรังควานเธออยู่ ต้องบอกฉันให้รู้นะ" ทรงโปรดยังมีความรู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวจากน่านนทีอยู่ ชายหนุ่มคนนี้เป็นผู้ชายที่ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลยสักนิด รักชอบผู้หญิงฝ่ายเดียว ครั้นอีกฝ่ายไม่มีใจให้ก็เที่ยวมารังแกกันแบบนี้! ทรงโปรดนึกพร้อมกับเผลอกำพวงมาลัยรถแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว                        "ค่ะ" เธอรับคำ พร้อมกับพยักหน้ารับ จากนั้นหญิงสาวเอาแต่เบือนหน้ามองนอกรถ ปล่อยความเงียบเข้ามาปกคลุมทั้งสองแทน เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาแบบนี้ ที่ผ่านมาเวลาจะอยู่ใกล้เขา จะมีย่าของเธออยู่ด้วยไม่ห่าง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เธอเลยไม่รู้จะทำตัวอย่างไร หรือชวนเขาพูดอะไรต่อไปดี...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD