“หึ แล้วไงมันช่วยนายได้หรือเปล่า?”
“ไม่นี่ครับ ผมก็ยังตื่นสายเหมือนเดิม” ผมส่งยิ้มให้กับเขา มีไม่กี่คนที่จะเรียกเขาได้สนิทสนมขนาดนี้ อ่อมีอีกคนที่เรียกเขาด้วยน้ำเสียงแอ๊บๆ ก็คือยัยพริกเน่าไง
“เอาล่ะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน วันนี้เราขอต้อนรับการกลับมาของพริกหวานนะที่ไปทำงานไกลถึงต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทด้วย แต่ตอนนี้เธอกลับมารับงานที่นี่อย่างถาวร ขอเสียงปรบมือด้วย”
ดวงตาของผมกลอกไปมาอย่างหงุดหงิด เบ้ปากมองพริกหวานที่ลุกขึ้นโค้งศีรษะให้กับทุกคนในห้อง ใบหน้าสวยยิ้มแย้มอย่างสุขใจราวกับว่าดีใจ แต่ที่แท้มันก็แค่การแสดงของเธอนั่นแหละ ตัวจริงหยิ่งจองหองอย่างกับอะไร ชิ
“เมื่อวานพริกหวานเพิ่งจะกลับมา และวันนี้ก็จะมาเซ็นสัญญากับบริษัทต่อไปอีก... งานแรกของพริกหวานก็ไปเป็นแบรนด์เปิดตัวน้ำหอมชื่อดังที่ห้างนะ”
“...”
“ทุกคนอาจจะงงที่ผมมานั่งที่ผู้บริหาร อันเนื่องจากประธานและรองประธานต่างมีหน้าที่ที่ต้องจัดการ เลยให้ผมมาดูแลในส่วนนี้แทน ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ สำหรับใครที่มีงานอยู่แล้วก็ไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดนะ ผมมีเรื่องจะพูดเท่านี้ล่ะ” พี่นพพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับทีมงาน เห็นว่าจะไปเป็นตากล้องให้กับนางแบบใหม่มั้ง เพราะตอนนี้ช่างภาพของบริษัทฮอตเหลือเกินจนแทบจะไม่เหลือติดบริษัทล่ะ ผมเบ้ปากมองทุกคนที่เดินออกไปก่อนจะมองร่างสวยของพริกหวานที่ลุกขึ้นมาบ้าง
“ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยหรือไง?”
“จำเป็นด้วยเหรอ หรืออยากจะให้ทัก... เรื่องตอนนั้น”
“หึ”
“ดูสดใสกว่าเดิมเยอะเลยนะ คงจะหาผู้หญิงมาดามใจเพราะอกหักจากฉันได้ล่ะสิ” พริกหวานพูดด้วยน้ำเสียงแหลมสูง และไอ้ท่ายืดคอระหงนั่นมันทำให้ผมรู้สึกอยากจะกระโจนเข้าไปหักคอเธอจริงๆ
“ก็นะ คนนั้นดีกว่าเธอร้อยเท่าซะด้วยสิ”
“...” แทงใจดำล่ะสิ ยัยนี่เป็นพวกที่ไม่ชอบให้คนอื่นเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครไง จุดอ่อนโคตรเดาง่าย
“เป็ดอย่างเธอก็เป็นได้แค่เป็ดล่ะ เพราะฉันในตอนนี้ไม่ใช่นกกระจอกแบบเมื่อก่อนนะ” ผมลุกขึ้นยืนเดินอ้อมไปหาเธอที่ยืนประจันหน้ากับผมอยู่ ส่วนสูงที่ผู้หญิงทุกคนอย่างได้ สัดส่วนที่ผู้หญิงทุกคนอยากมี มาอยู่บนตัวยัยนี่หมดทุกอย่าง ผมแสยะยิ้มมองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าและเลื่อนมาสบตากับดวงตากลมโต
“ตอนนี้ฉันเป็นพญานกที่บินเหนือกว่าเธอ และที่สำคัญนะ... ความสวยของเธอมันก็กินไม่ได้หรอก บาย”
“ซะ โซล!”
“ฮ้า จำชื่อฉันได้ด้วย น่าดีใจนะ” ใบหน้าของผมก้มลงไปใกล้ชิดกับเธอที่ขยับตัวหนี กลิ่นตัวหอมๆ ของพริกหวานยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ไอ้กลิ่นบลูเบอร์รี่ที่หวานหอมแบบนี้ เธอผลักไหล่ผมออกและเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้ผมยืนเบ้ปากเดินตามหลังเธอไป ผมเดินตรงมาที่ห้องแต่งตัวเพราะมีงานเช้าและช่วงเย็น มันน่าเบื่อใช่ไหมที่มีงานแบบนี้บ่อยๆ ผมถึงได้วีนเหวี่ยงก็เพราะตารางที่มันโคตรจะเยอะแบบนี้ไงเล่า เมื่อเปิดห้องเข้ามาก็ไม่เห็นมีช่างแต่งหน้าเลย หรือว่าพี่จอยจะไปตามอยู่ ช่างเถอะ
ตุ้บ
“เหอะ มือไม้อ่อนจริงนะไอ้โซล!” ผมหลับตาลงและก้มลงไปใต้โต๊ะกระจกขนาดกว้าง เพราะดันหมุนกุญแจในมือจนมันล่วงหล่นไปไกล
ปัง
“บ้าจริงพริก ทำไมต้องใจเต้นแบบนี้ด้วยนะ!”
หือ? ยัยพริกหวาน ทำไมถึงได้เข้ามาในห้องแต่งตัวผมด้วยนะ แต่... ยัยนี่กำลังใจเต้นเพราะใครอะ? เอ๋ หรือว่าผมกันแน่นะ เฮ้ยจริงเหรอ! ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเธอจะใจเต้นเพราะผม ที่ทำเหมือนไม่ชอบขี้หน้านี่คือต้องการรักษาหน้าตัวเองหรือไง แบบนี้ต้องออกไปแกล้งให้ตกใจนะ
“ทำไมพี่นพต้องยิ้มให้แบบนั้นด้วยนะ”
“!”
“จะให้ชอบไปถึงไหนกันคนบ้าเอ่ย ชอบจนไม่มีใจไปชอบใครแล้วนะ” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ที่ยัยนี่ใจเต้นไม่ใช่เพราะผม แต่เป็นพี่นพกรรมการบริษัทและช่างภาพจำเป็นเหรอ?
เฮ้ยนี่มันเรื่องใหญ่มากจนกลบข่าวโลกแตกหรือของแพงเลยนะเนี่ย! จริงดิวะ ผมนั่งเม้มริมฝีปากของตัวเอง ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ ก็หยิบมือถือขึ้นมากดบันทึกเสียงยัยพริกหวานที่นั่งเก้าอี้ข้างๆ ผม
เออ ดีนะที่นั่งห่างไม่งั้นคงเห็น... (คิดเอาเองเพราะเธอดันสวมเดรสกระโปรงสั้นกุดนี่นา)
“ทำไงดีเนี่ย กลับมาเพราะว่าคิดถึงก็จริง แต่พอเห็นหน้าก็แทบจะไปไม่เป็นเลยนะพี่นุช พี่จะมาหรือยัง?”
พี่นุชคือผู้จัดการส่วนตัวของยัยพริกหวาน อ่อเรื่องนี้มีแค่สองคนที่รู้สินะ แต่ตอนนี้เพิ่มเป็นสามนะจ๊ะเบบี๋
“ก็พริกยังชอบพี่นพไม่เปลี่ยนนี่คะ คิดว่าสองปีที่ไม่ได้เจอคงจะตัดได้แต่ไม่เลยนะ พริกคิดถึงพี่นพทุกวันทุกคืน อยากจะบอกแต่ก็ไม่กล้า อายุของเราสองคนห่างกันราวกับลุงหลานเลยนะคะ”
ก็แหงล่ะสิ เธอเพิ่งจะยี่สิบสอง พี่นพปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้ว ไม่โดนข้อครหาก็ดีแค่ไหน
“เปล่าคะ ตอนนี้พริกอยู่ในห้องแต่งตัว ไม่มีคนอยู่ ถึงได้พูดเสียงดังฟังชัดแบบนี้ได้ไงล่ะคะ”
ใช่ พูดดังๆ เลยยัยพริกเน่า คราวนี้เธอได้เน่าของจริงแน่... แผนการเอาคืนของฉันที่จะทำให้เธอยอมสยบ ความหยิ่งจองหองของเธอ ฉันจะกำจัดมันให้เองนะ จะหยิ่ง จะจองหองกับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่กับโซลนะที่รัก หึ
“ค่ะ งั้นพริกออกไปรอที่หน้าบริษัทก็แล้วกันนะคะ คิดถึงพี่นุชเหมือนกันค่ะ”
ทันทีที่พริกหวานลุกออกจากเก้าอี้ ผมก็ผุดออกมาจากใต้โต๊ะ มองแผ่นหลังบางที่กำลังเดินออกประตูไป พลางยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ ชัยชนะของผมจริงๆ นี่นา
“อ้าวๆ จะรีบไปไหนซะล่ะ พริกหวาน”
“!” เธอชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงของผม ร่างบางหันมาด้วยใบหน้าที่ตกใจสุดขีด มือถือตกลงสู่พื้น พริกหวานอ้าปากหวอจนผมยิ้มขำ ไม่เคยเห็นเธอหลุดแบบนี้มาก่อนเลยนะ ถึงได้บอกไงว่ายัยนี่มันก็แค่เป็ด ไม่ใช่หงส์หรอก
“นะ นายเข้ามา...”
“อ่อ ฉันน่ะเหรอเข้ามานานแล้วล่ะ นานพอจะได้ยิน ‘ความลับ’ บางอย่างจากปากของนางแบบจอมหยิ่งอย่างเธอไง”
“!” ผมพิงขอบโต๊ะกระจกและเปิดเสียงที่บันทึกให้เธอฟัง แน่นอนว่ายัยพริกหวานแทบจะเน่าไปในทันที แหมเสียงของเธอมันดังฟังชัดขนาดนี้ ถ้าจะคิดว่าผมปลอมแปลงเสียงคงไม่ใช่นะ เพราะเนี่ยเสียงของเธอแน่นอน ไม่มีใครแปลงได้เหมือนหรอก เสียงแหลมเล็กแบบนี้อะ
“นะ นาย!”
“ไง ตกใจล่ะสิ พอดีว่ามือมันลั่นไปกดปุ่มบันทึกเสียงอะ โทษทีนะพริกหวาน”
และแล้วแผนการเอาคืนก็เริ่มต้นขึ้น... นับแต่วินาทีนี้ล่ะ หึ