CHAPTER 2 “ครอบครัว”

2689 Words
สองสาวเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงสายของวันถัดมา แม้จะมีความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่ขาของทั้งคู่ก็ยังคงพากันสาวเท้ามุ่งหน้าไปรอคิวเรียกแท็กซี่ของสนามบินด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลที่พ่อของควีนรักษาตัวอยู่ “โทรหาคุณย่ามั้ยควีน จะได้รู้ว่าพ่อควีนอยู่ห้องไหน” ควีนส่ายหน้าตอบ “เดี๋ยวไปถามที่โรงพยาบาลเอา ผิงบอกสองคนนั้นด้วยนะ ว่าเราถึงแล้ว” ผิงพยักหน้าตอบ “ผิงไลน์บอกตั้งแต่ตอนรอแท็กซี่แล้ว สองคนนั้นตอบกลับมาแล้วด้วย” ควีนพยักหน้ารับรู้ เมื่อทั้งสองคนมาถึงโรงพยาบาล ควีนก็เดินตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อถามถึงห้องพักของพ่อ ก่อนจะพากันมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องพักผู้ป่วยที่พยาบาลแจ้งไว้ ‘ธีภพ พัฒนสกุล’ ควีนเหลือบมองป้ายชื่อของพ่อเล็กน้อย พร้อมกับสูดหายใจเข้าแล้วเคาะประตูให้สัญญาณเพื่อเดินเข้าไปด้านใน “ควีน!!” เสียงคุณนริน แม่ของควีนเอ่ยเรียกลูกสาว พร้อมกับวิ่งเข้ามากอดควีนไว้แน่น “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมไม่โทรหาแม่ แม่จะได้ให้คนไปรับ” “ควีนเพิ่งลงเครื่องก็ตรงมาที่นี่เลยค่ะ พ่อเป็นยังไงบ้างคะ” ควีนมองเลยไปทางพ่อที่นอนหลับอยู่บนเตียง “เส้นเลือดในสมองตีบ ทำให้แขนขาด้านซ้ายไม่มีแรง แต่ยังรับรู้และตอบสนองได้ปกติ ที่พ่อเค้าห่วงตอนนี้ก็คงมีแต่เรื่องควีนกับเรื่องงานนั่นแหละลูก” คุณนรินตอบ “ควีนสบายดีแล้วก็มีความสุขดีค่ะ ส่วนเรื่องงานพ่อน่าจะมีพี่คิดช่วยอยู่ไม่ใช่หรอคะ” ควีนถาม “ก็เพราะคนที่เจ้าภพมันอยากให้เข้าไปช่วยงานที่บริษัทไม่ใช่ยัยคิดไง มันถึงยังห่วงยังกังวลเรื่องงานจนไม่สบายแบบนี้” ควีนหันไปมองเจ้าของเสียงที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง “คุณย่า” ควีนตรงเข้าไปกอดคุณบัวแน่น “นึกว่าคุณย่าอยู่บ้านสวนซะอีก ควีนว่าจะไปหาหลังจากกลับจากโรงพยาบาลอยู่พอดี” คุณบัวบุษบายิ้มกอดหลานสาวสุดที่รักแน่น “ย่ามาอยู่บ้านพ่อเราชั่วคราวน่ะ ทางนี้ไปมาสะดวกกว่า” คุณบัวเอ่ยบอก “ไงเรา สบายดีนะ ดูแลยัยควีนดีมั้ยเนี่ย” คุณบัวหันไปทักทายผิง “ดูแลอย่างดีเลยค่ะคุณย่า ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม นอกจากผิงยังมีองครักษ์ของควีนอีกสองคน เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็ตามมาค่ะ” ผิงยิ้มตอบอย่างร่าเริง “เพื่อน ๆ ตามมาเที่ยวหรอควีน ไปพักที่บ้านเราก็ได้นะลูก” คุณนรินยิ้มถาม “ไม่ได้มาเที่ยวหรอกค่ะแม่ สองคนนั้นจะตามมาอยู่เป็นเพื่อนควีนที่นี่ด้วย” คุณนรินเบิกตากว้างหันมองหน้าคุณบัวบุษบา ในขณะที่คุณบัวเองก็หันไปขอคำตอบจากหลานสาวสุดที่รักเช่นกัน “ควีนจะย้ายกลับมาอยู่ที่ไทยค่ะ คงไม่ได้กลับไปแคนาดาแล้ว ถึงเวลาที่ควีนจะต้องดูแลทุกคนบ้างแล้ว” คุณนรินน้ำตาไหลทันทีที่ได้ยิน ส่วนคุณบัวเองก็กอดหลานแน่นทั้งน้ำตาเช่นกัน “ควีนหรอลูก” เสียงคุณธีภพเอ่ยเรียกลูกสาวดังแทรกขึ้น “ควีนมาหาพ่อหรอ พ่ออยากเจอควีนนะ พ่อคิดถึงควีน” ควีนเช็ดน้ำตามองภาพพ่อที่นอนหลับตาเพ้อถึงเธอ “พ่อคะ” ควีนเดินเข้ามายืนข้างเตียงพ่อ ก่อนจะค่อย ๆ จับมือพ่อไว้เบา ๆ “พ่อลืมตาสิคะ ควีนกลับมาหาพ่อแล้วนะคะ ควีนอยู่ตรงนี้แล้ว” เปลือกตาของคุณธีภพค่อย ๆ เปิดขึ้นทีละน้อย และเมื่อมองเห็นใบหน้าของลูกสาวที่รักอยู่ตรงหน้า น้ำตาของคุณธีภพก็เอ่อล้นและค่อย ๆ ไหลออกมา “ควีนจริง ๆ ใช่มั้ย ควีนมาหาพ่อแล้ว” คุณธีภพเอ่ยเสียงแห้ง พร้อมกับพยายามยกแขนข้างขวาขึ้นมาสัมผัสใบหน้าควีน จนควีนต้องเอื้อมมือออกไปจับมือของคุณธีภพมาวางแนบแก้มไว้แทน “ควีนมาหาพ่อแล้วค่ะ ควีนอยู่ตรงนี้แล้ว แล้วควีนก็จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ” ควีนฝืนยิ้มออกมาให้พ่อ “ในที่สุด...ลูกพ่อก็กลับมา” คุณธีภพยิ้มทั้งน้ำตา “อย่าเพิ่งพูดอะไรเยอะเลยเจ้าภพ พักผ่อนเยอะ ๆ จะได้ลุกมากอดลูกไหว” คุณบัวเอ่ยบอกลูกชาย ควีนนั่งอยู่ข้างเตียงพ่อไม่ห่าง แม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก แต่การที่ได้เห็นพ่อมองกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ก็ทำให้ความกังวลของควีนคลายลง “ง่วงก็นอนนะคะพ่อ ตื่นมาพ่อก็จะเจอควีนค่ะ ควีนไม่ไปไหนแล้ว” คุณธีภพมองหน้าลูกสาวยิ้ม ๆ ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงอีกครั้ง “พ่อหลับไปแล้วหรอลูก” ควีนพยักหน้ายิ้มตอบแม่ “ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลมาก็เอาแต่เพ้อถึงควีน แม่ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง ดีแล้วนะที่ควีนกลับมา” คุณนรินเอ่ย “แล้วพี่คิดล่ะคะ หรือว่าอยู่ที่บริษัท” คุณบัวพยักหน้าตอบ “รายนั้นเค้าขยันทำงานจะตาย จริงมั้ยคะคุณแม่ เข้าบริษัทไปช่วยงานพ่อแต่เช้าทุกวัน กว่าจะกลับก็เย็น ๆ ค่ำ ๆ นี่เดี๋ยวหลังเลิกงานคืนนี้ก็คงแวะมาหาพ่อ” คุณนรินตอบ “แม่ยอมรับว่ายัยคิดขยันแล้วก็ทำงานเก่ง แต่กับเจ้าภพมันไม่เคยมองเห็นจุดนั้นไง” คุณนรินทำสีหน้าลำบากใจ ไม่ต่างไปจากควีน “ควีนจะกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนมั้ยลูก เดินทางมาเหนื่อย ๆ เดี๋ยวแม่ให้คนขับรถไปส่ง พักซักหน่อยค่อยกลับมาหาพ่อเค้าอีกที” คุณนรินเอ่ยถามลูกสาว “ไม่ดีกว่าค่ะ ควีนอยากให้พ่อตื่นมาเจอควีนก่อน เดี๋ยวค่อยกลับไปพักก็ได้” คุณนรินพยักหน้าตอบ “อีกอย่างควีนคิดว่าจะไปนอนบ้านคุณย่าด้วยค่ะ” คุณนรินมองหน้าลูกสาวด้วยแววตาเศร้า “อยู่ที่นี่แหละยัยควีน ย่าก็อยู่ที่นี่ ไว้ถ้าอยากไปบ้านสวน รอย่ากลับไปเราค่อยไปพร้อมย่าก็ได้ เชื่อย่าเถอะ ควีนควรจะอยู่ในที่ของควีนจริง ๆ ได้แล้วนะ” คุณบัวเอ่ย “แม่อยากให้ควีนอยู่บ้านเรานะลูก ควีนไม่ได้กลับมาอยู่ที่บ้านเลยตั้งแต่ไปแคนาดา แม่เองก็เหงานะที่ไม่มีลูกสาวอยู่ในบ้านด้วย” คุณนรินมองหน้าลูกสาวนิ่ง “ค่ะ ควีนจะอยู่ที่บ้านของเรา แต่ผิงต้องอยู่ที่นี่ด้วยนะคะ” ผิงยิ้มกว้างส่งให้เพื่อน “ย่าไม่ยอมให้ยัยผิงห่างตัวควีนหรอก หลานย่าอยู่ที่ไหน ยัยผิงก็ต้องอยู่ที่นั่นแหละ” คุณบัวยิ้มตอบ ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...เสียงเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยดังขึ้นเล็กน้อย ตามมาด้วยหญิงสาวที่แต่งตัวภูมิฐานในชุดสูท ผมยาวด้านหลังถูกรวบสูงปล่อยเป็นหางม้า เดินเข้ามาด้วยท่าทางสง่างาม “ควีน” เสียงเล็กเอ่ยชื่อน้องสาวเรียบ ๆ “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นมีใครบอกพี่เลยว่าควีนจะกลับมา” คิดเอ่ยถาม พลางเดินไปมองหน้าพ่อที่นอนหลับอยู่บนเตียง “เพิ่งมาถึงเมื่อกลางวันค่ะ” ควีนตอบกลับเสียงนิ่ง สายตายังคงจ้องมองพี่สาวของตนตรงหน้า ที่ดูเปลี่ยนไปมากจากที่เจอกันครั้งล่าสุด ‘คิด’ คะนึงนิตย์ พัฒนกุล พี่สาวคนเดียวของควีน “พ่อคงดีใจนะที่ได้เจอควีน ได้คุยกับพ่อรึยังล่ะ” คิดพี่สาวของควีน ยกยิ้มถาม “ค่ะ” ควีนตอบสั้น ๆ เพียงเท่านั้น “วันนี้ไม่มีงานหรอลูก ทำไมมาตอนนี้ได้ล่ะ แม่นึกว่าจะกลับค่ำเหมือนทุกที” คุณนรินพยายามแก้ไขสถานการณ์ที่ดูตึงเครียดระหว่างสองพี่น้องลง “พอดีคิดออกมาพบลูกค้าค่ะ เลยแวะมาหาพ่อหน่อย ไม่คิดว่าจะได้เจอน้องสาวที่นี่” คิดตอบแม่ “แล้วครั้งนี้จะกลับมาอยู่กี่วันล่ะ หรือจนกว่าพ่อจะหาย” “ไม่อยากให้ควีนอยู่ขวางหูขวางตาพี่หรอ” / “ควีน!!” คุณนรินเอ่ยปราม เมื่อได้ยินคำตอบจากควีน “เธอนั่งลงนริน ปล่อยพี่น้องเค้าคุยกัน” คุณบัวยกยิ้มมองหลานสาวทั้งสองคน “แต่คุณแม่คะ” คุณบัวยกมือห้ามนรินพร้อมส่งสายตาดุไปอีกครั้ง “เธอจะอยู่หรือไม่อยู่ มันก็เรื่องของเธอควีน พี่ก็อยู่ในส่วนของพี่ ใช้ชีวิตในแบบของพี่ที่ใช้มาตลอด ส่วนเธอก็อยู่ในส่วนของเธอ ถึงยังไงเราก็พี่น้องกัน ซักวันก็ต้องกลับมาอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือไง” คิดยิ้มถาม “วันนั้นมันมาถึงไวกว่าที่พี่คิด เพราะควีนกลับมาแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ควีนคงไม่เข้าไปขวางทางที่พี่อยากจะเดินหรอก เชิญตามสบายค่ะ” ควีนตอบ “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ...น้องสาว” คิดยกยิ้มอีกครั้ง “คิดขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ” “เดี๋ยวสิคิด เพิ่งมาจะกลับแล้วหรอ ไม่อยู่เจอพ่อเค้าหน่อยหรอลูก” คุณนรินเอ่ยถาม “เจอคิดพ่อไม่หายหรอกค่ะ ตอนนี้พ่อเค้าได้ลูกสาวสุดที่รักเค้ากลับมาแล้ว พ่อคงไม่อยากเจอหน้าคิดหรอก คิดยังมีงานค้างอีกเยอะ ขอตัวก่อนนะคะแม่ สวัสดีค่ะคุณย่า” คิดยกมือไหว้คุณบัว ก่อนจะเดินออกไป “เมื่อไหร่ลูกสองคนจะคุยกันดีดี แม่ไม่เข้าใจเลยว่าทะเลาะอะไรกัน” คุณนรินถามอย่างหนักใจ “คงยากนะคะที่จะมีวันนั้น” ควีนตอบ “ควีนขอไปล้างหน้าล้างตาหน่อยนะคะ” ควีนพูดจบก็ลุกหนีเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องพักคนไข้ทันที “ยัยผิง เรารู้มั้ยว่าสองพี่น้องเค้าทะเลาะอะไรกัน” คุณนรินหันมาคาดคั้นกับผิงแทน “รู้ค่ะคุณน้า แต่ผิงไม่ควรพูดแหะ ๆ ผิงขอไปหาอะไรมาให้ควีนกินหน่อยนะคะ คุณย่ากับคุณน้าอยากได้อะไรมั้ยคะ กาแฟซักหน่อยดีมั้ย” ผิงยิงคำถามกลับเพื่อนเปลี่ยนเรื่อง “ไม่ต้องหรอกจ่ะ ไปจัดการของยัยควีนเถอะ” คุณบัวยิ้มตอบ “คุณแม่คะ นรินไม่เข้าใจเลย ทำไมลูกต้องทะเลาะกันแบบนี้” คุณนรินถามคุณบัว “ยัยควีนเป็นคนมีเหตุผล แม่เลี้ยงหลานแม่มาเองกับมือ เธอเป็นแม่เธอก็น่าจะรู้นะ” คุณนรินพยักหน้าตอบ “การที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน มันก็หมายความว่ามันต้องมีสาเหตุ บางครั้งอะไรที่มันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ย้อนกลับไปแก้ไขมันไม่ได้หรอกนะ แม่บอกเธอได้แค่ว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นคือจุดแตกหักของทั้งสองคน และมันไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรอก ตราบใดที่ยัยคิดและเจ้าภพไม่ยอมเปลี่ยน” คุณบัวบุษบามองไปทางลูกชายคนเดียวของตนนิ่ง “คุณคิด” เสียง ‘ตั้ม’ ผู้ช่วยหนุ่มเอ่ยเรียก เมื่อเห็นเจ้านายเอาแต่นั่งเหม่อมาตลอดทางตั้งแต่เดินทางออกจากโรงพยาบาล “มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ” “ไม่มีอะไรหรอก” คิดตอบกลับ “นายเคยเห็นฉันมีความสุขมั้ย” ตั้มมองกลับมาด้วยความเป็นห่วง “ตั้งแต่ผมรู้จักคุณคิดมา ผมไม่ค่อยเห็นคุณคิดยิ้มจากใจจริง ๆ เลยนะครับ แม้กระทั่ง...กับแฟน” ตั้มตอบ “ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่คนที่ไม่เคยได้รับความรักที่ต้องการ จะเอาความสุขมาจากที่ไหนล่ะ” คิดยกยิ้มตอบ “คุณบัว คุณภพ แล้วก็คุณนริน ทุกคนรักคุณคิดนะครับ ยังไงคุณคิดก็เป็นลูกสาว จะไม่รักได้ยังไง” ตั้มเอ่ย “หรอ...กับแม่ฉันคงไม่เถียง คุณย่าเองก็ไม่เท่าไหร่ แต่กับพ่อ...ท่านรักฉันจริง ๆ หรอ ถ้าเทียบกับเด็กคนนั้น” คิดเอ่ยถามเสียงอ่อน “ถ้าวันนึงฉันกับน้องห้อยอยู่ที่หน้าผา คุณย่ากับพ่อคงเลือกช่วยน้องฉันไว้ แล้วปล่อยให้ฉันตกลงไปคนเดียว” “คุณคิดไม่มีวันตกลงไปแน่นอนครับ ถึงจะไม่มีใครช่วย ก็ยังมีผมที่พร้อมจะช่วยคุณคิดเสมอ” ตั้มตอบ คิดเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ เธอรู้มาตลอดว่าผู้ช่วยข้างกายมองเธอด้วยสายตาแบบไหน แต่เธอไม่ได้มองเค้าแบบนั้น ตั้มเป็นผู้ช่วยฝีมือดี ทำงานเก่ง รอบคอบและจัดการได้ทุกเรื่อง ทำให้คิดยังคงเลือกตั้มให้คอยเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างกายมาโดยตลอด ครืด...ครืด...คิดหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าของใคร เธอก็กดรับสายทันที “จะยกเลิกนัดอีกแล้วหรอโฟน” คิดส่งเสียงเนือยถามปลายสาย โฟนเป็นแฟนของคิดที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แม้ความสัมพันธ์เกือบ 10 ปีที่ผ่านมาจะไม่เคยมีปัญหา แต่หลังจากทำงานโฟนก็เริ่มสังสรรค์มากขึ้น และยกเลิกนัดกับเธอบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ‘เมียจ๋า...วันนี้พวกพี่ ๆ เค้าจะพากันไปเลี้ยงส่งรุ่นน้องที่มาฝึกงานกัน ไม่หงุดหงิดนะครับ เมียจ๋าก็รู้ว่าโฟนไม่เคยเหลวไหล’ และทุกครั้งที่ต้องการอ้อน โฟนมักจะเรียกเธอแบบนี้ทุกครั้ง “แต่วันนี้คิดอยากเมา ถ้าโฟนไม่มาตามนัด งั้นคิดไปคนเดียวก็ได้” ตั้มมองหน้าเจ้านายผ่านกระจกหลัง ‘ไม่ได้นะเมีย!! ถ้าไปเมาคนเดียวไอ้ผู้ช่วยนั่นมันต้องไปนั่งเฝ้าเมียโฟนแน่ ๆ โฟนไม่มีทางปล่อยเมียไปกับมันหรอกนะ ยิ่งไปเมาด้วยยิ่งไม่มีทางเลย’ โฟนตะโกนเสียงเข้มกลับมาเป็นชุด “แล้วจะให้คิดทำยังไง โฟนยกเลิกนัดคิดไปกับที่ทำงาน คิดต้องกลับไปรอสายโฟนที่บ้านคนเดียวเงียบ ๆ หรอ ทุกครั้งที่คิดต้องการใครซักคน โฟนก็ไม่เคยว่างอยู่ข้าง ๆ คิดเลย” คิดตอบกลับ ‘โอ๋ ๆ ไม่โกรธนะที่รัก เอาแบบนี้มั้ย คืนนี้ที่รักไปกับโฟน อยากเมาก็เมาเลย โฟนจะดูแลเอง ไม่ต้องปฏิเสธที่ทำงาน แล้วก็ไม่ต้องยกเลิกนัดที่รักด้วย ดีมั้ยครับ’ โฟนเสนอ “เอาแบบนั้นก็ได้ โฟนส่งสถานที่มาแล้วกันนะ เดี๋ยวคิดตามไป” คิดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นเล็กน้อย ‘ผับนะเมีย ห้ามโป๊!! สายเดี่ยวห้าม เกาะอกห้าม กระโปรงสั้นก็ห้าม เก็บไว้ให้โฟนดูคนเดียวพอ’ คิดหัวเราะ “ขนาดนั้นขายาวคอเต่าเถอะ” คิดยิ้มตอบ ก่อนจะนัดแนะรายละเอียดกันต่อแล้ววางหูไป “คุณคิดรักเค้ามากหรอครับ” ตั้มกลั้นใจเอ่ยถาม หลังจากปล่อยความเงียบครอบคลุมอยู่นาน “ตั้ม” คิดเรียกผู้ช่วยหนุ่มเสียงเรียบพร้อมจ้องหน้าเค้าผ่านกระจก “ขอโทษครับ ผมเห็นคุณคบกับเค้ามานาน แต่ผมกลับไม่เคยสัมผัสได้เลยซักครั้งว่าคุณรักเค้า” ตั้มเอ่ย “คบกันมาตั้งแต่เรียน คิดว่าถ้าไม่รักจะคบกันมาได้นานขนาดนี้หรอ” คิดถามกลับ พลางทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถ “ความผูกพัน มันก็ทำให้ความสัมพันธ์ยาวนานได้นะครับ” ‘โดยเฉพาะความผูกพันทางกาย’ ตั้มเอ่ยต่อในใจ “ก็คงเป็นไปได้มั้ง” ความเงียบกลับเข้าปกคลุมในรถอีกครั้ง หลังจากต่างฝ่ายต่างจมกับความคิดของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD